ไม่นานซือหยูก็มองไปที่ไป่ลั่ว ดวงตาเขาเปล่งประกายความเยือกเย็น
“แต่เดิม ข้าคิดจะรักษาเจ้าตำหนักหลิงก่อนแล้วค่อยไปจัดการกับพวกเจ้าที่หลังต่อหน้าเขา! แต่ถ้าพวกเจ้าจำข้าได้แล้ว มันก็ไม่จำเป็นที่ข้าจะต้องรออีกต่อไป”
คำพูดที่เต็มไปด้วยจิตสังหารระเบิดออกมาทันที
ไป่ลั่วคืนสติจากความตกใจ เขาหน้าซีดราวกับกระดาษ เขาเพียงจะจำได้ว่าเขามีความชิงชังอย่างลึกซึ้งกับหยินหยูที่ร้ายแรงถึงชีวิต!
คำสาบานด้วยความชิงชังที่หยินหยูทิ้งเอาไว้ในวันที่เขาหนีออกจากตำหนักหลักอาณาจักรทมิฬยังดังก้องอยู่ในหูของเขาจนถึงตอนนี้ ทีแรกเขาคิดเพียงว่าคำลั่นวาจาครั้งนั้นเป็นเพียงเรื่องตลก และเขาก็ไม่คิดจะใส่ใจมันแม้แต่น้อย
แต่คำสาบานที่เต็มไปด้วยจิตสังหารที่ดังก้องนภาในครั้งนั้นกลับกลายเป็นสายฟ้าทรงพลังที่ฟาดใส่จิตวิญญาณของเขาในตอนนี้ เขาตกใจและรู้สึกโศกเศร้าเป็นอย่างมาก
ดูเหมือนเขาจะทำให้คนที่เขาไม่ควรยุ่งเกี่ยวโกรธแค้นเข้าแล้ว!
พรึ่บ–
บุรุษผมสีเงินจู่โจมรวดเร็วปานสายฟ้า เขาไล่ตามไป่ลั่วที่ไม่ทันระวัง ไป่ลั่วต้องรวมมิติทั้งเก้าเข้าด้วยกันและสร้างมิติยักษ์ตรงหน้าเพื่อกลืนกินพลังที่ตรงเข้ามา
ร่างของซือหยูขยับไปอีกด้าน แสงสีแดงส่องสว่างจากฝ่ามือพร้อมกับมีดที่มีพลังโลหิตปะทุออกมา มิติที่ไป่ลั่วภูมิใจนั้นรับการโจมตีได้ครู่เดียวก่อนจะแยกออกสลายไป
เมื่อพลังไร้สิ่งกีดขวาง มันก็พุ่งตรงไปเฉือนตัวไป่ลั่ว
ไป่ลั่วกรีดร้องอย่างโศกเศร้า โลหิตพร้อมกับแผลลึกถูกทิ้งไว้บนอกของเขา มันลึกจนเห็นไปถึงกระดูก
ทุกคนตกใจมาก แค่การโจมตีแบบง่ายๆก็ทำให้พลังมิติของไป่ลั่วสลายไป มีดนั่นน่ากลัวมาก!
“สมบัติเทพระดับสูง เป็นเพราะมันสินะ เป็นเพราะมัน!”
ไป่ลั่วจ้องสมบัติเทพในมือซือหยู ดวงตาเขาโกรธแค้น เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมซือหยูถึงแข็งแกร่งและสังหารเหล่าผึ้งสีม่วงได้อย่างง่ายดาย นั่นก็เพราะว่าเขาครอบครองสมบัติเทพที่น่ากลัว!
ในทวีปเฉินหลงนั้นมีสมบัติเทพระดับสูงเพียงไม่กี่ชิ้น หากได้ครอบครอง โอกาสที่จะเพิ่มพลังมาหนึ่งระดับก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่นัก
ซือหยูสะบัดมีดที่เลอะโลหิตไป่ลั่ว
“มันก็เกินพอที่จะฆ่าเจ้า”
ไป่ลั่วยิ้มเยาะ
“ฮื่ม สมบัติเทพนั่นเป็นของข้า!”
ไป่ลั่วอ้าปากบ่นพลังสีเทาที่มีพลังมิติอันแข็งแกร่งออกมา
“ไปเอามา!”
ไป่ลั่วตะโกน โลหิตของไป่ลั่วที่เลอะมีดนั้นมีปล่อยพลังมิติออกมาล้อมตัวมีด พลังสีเทาเปล่งประกาย มีดถูกย้ายไปอยู่ในก้อนพลังสีเทา
“สิ่งที่เจ้าต้องจ่ายเมื่อเห็นเลือดข้าก็คือสมบัติเจ้า!”
ไป่ลั่วหัวเราะเสียงดัง ใบหน้าเผยจิตสังหารอันเข้มข้น
“ถ้าไม่มีสมบัติแล้วเจ้าจะหยาบคายกับข้าได้อีกซักกี่น้ำ!”
เขาพุ่งไปหาซือหยูด้วยความโกรธ
“ข้าจะฆ่าเจ้าก่อน จากนั้นก็จะฆ่าไอ้แก่หลิงเสี่ยวเทียน เจ้าสองคนจะไปโลกหน้าด้วยกัน!”
จิตสังหารของซือหยูยิ่งทรงพลังมากขึ้น ไป่ลั่วต้องตาย!
ส่วนเรื่องมีดสีเลือนนั้นไป่ลั่วไม่รู้เลยว่ามันคือสมบัติระดับต่ำที่สุดที่ซือหยูครอบครอง! ถ้าชิงมีดไป เขาก็รังแต่จะตายเร็วขึ้น
แต่คนสามคนก่อนหน้านี้ก็บินกลับมาด้วยความเร็วสูง
พวกเขาคือศิษย์พี่ซางและอีกสองคนที่เพิ่งบินไป พวกเขารู้ว่าผึ้งแก้วและเหล่าผึ้งทมิฬที่ปกป้องสมบัติหนีหายจึงมาสืบหาข้อมูล พวกเขาจึงได้เห็นซือหยูกับไป่ลั่วที่กำลังต่อสู้กัน
เมื่อทั้งสามบินเข้ามา ศิษย์น้องคนทางขวาก็ถามอย่างเยือกเย็น
“เกิดอะไรขึ้น? ผึ้งแก้วหนีไปไหนแล้ว? พูดมา!”
ศิษย์พี่ซางกับศิษย์น้องร่อนลงมาช้าๆ พวกเขามองดูสิ่งรอยข้างและขมวดคิ้วเมื่อพบสาเหตุที่ผึ้งถอยไป ส่วนพวกซือหยูกับกลุ่มคนนั้นถูกเมินไป
การปรากฏตัวของทั้งสามทำให้ไป่ลั่วกับคนที่เหลือตัวสั่นอย่างรุนแรง!
พวกเขากลับมา! พวกยอดฝีมือตัวจริงจากจิวโจว!
ไป่ลั่วใจเต้นแรง เขาหยุดขยับตัวไปชั่วขณะ
“ถ้าถามเจ้าอยู่ เจ้าเป็นใบ้รึไง?”
สีหน้าของเขาเยือกเย็น แต่ทันใดนั้นเขาก็มองเห็นมีดในก้อนพลังสีเทาที่มือไป่ลั่ว
เขาแค่เหลือบไปเห็นโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่เมื่อสังเกตให้ดี เขาก็ต้องหรี่ตามอง
เขาขยี้ตามองดูอีกครั้งและถอยไปข้างหลังหลายก้าวโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าเขาเริ่มบิดเบี้ยวด้วยความกลัว ดูเหมือนเขาจะกลัวอะไรบางอย่าง
“ศิษย์น้องหวู เจ้าเป็นอะไร?”
ทั้งสองคนงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
คนที่มีสกุลหวูดูตกใจกลัว เขาชี้ไปยังก้อนพลังสีเทาในมือไป่ลั่ว
“มีดกระหายเลือด…คนคนนั้นมีมีดกระหายเลือด!”
ศิษย์พี่ซางขมวดคิ้วและหันไปมอง เขาพูดเบาๆ
“หยุดพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องสักที มันจะเป็นไปได้ยังไง?”
แต่เมื่อเขามองให้ชัดเจน ใบหน้าเขาก็เคร่งเครียดขึ้นมา ความหวาดกลัวในแววตาเริ่มปรากฏ เขาเริ่มหน้าซีด
“มีดกระหายเลือด…ใช่มันไม่ผิดแน่!”
ศิษย์พี่ซางหายใจเข้าลึก
“ทำไมมันมาอยู่ที่นี่?”
เขามองไปยังไป่ลั่วและเริ่มสุภาพขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล
“ขอถามจะได้หรือไม่ พี่ชายมีความสัมพันธ์อันใดกับเจ้าของมีดเล่มนั้น?”
ไป่ลั่วงุนงง ความสุภาพจากอีกฝ่ายนั้นทำให้เขาแปลกใจ หลังจากที่เหลือบมองซือหยูเขาก็พูดด้วยความลำบากใจ
“ครั้งหนึ่งเราเป็นดั่งพี่น้อง แล้วพี่ชายต้องการอะไรจากข้ากันเล่า?”
ซือหยูกับเขาเคยถูกอาณาจักรทมิฬบ่มเพาะพร้อมกัน ดังนั้นจึงนับได้ว่าเป็นศิษย์ร่วมสำนัก
จากนั้นศิษย์พี่ซางก็มองไปมา สีหน้าของศิษย์น้องสองคนที่อยู่ข้างๆนั้นอ่อนลงจากที่โกรธเกรี้ยว
“เช่นนั้นก็เป็นศิษย์ร่วมสำนักกับเขาสินะ โปรดอภัยที่ข้าไร้มารยาท! ข้าคือซางยี่แห่งสำนักสักยักษา ขอถามนามอันยิ่งใหญ่ของท่านจะได้หรือไม่?”
ซางยี่สุภาพอย่างแปลกหูแปลกตา
ไป่ลั่วกระหยิ่มใจเพราะสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เขาก็ไม่กล้าจะเบาใจ
“ข้าคือไป่ลั่ว คนที่เหลือคือศิษย์น้องของข้า”
“อย่างนั้นเองรึพี่ไป่ ไม่แปลกใจที่ท่านดูยอดเยี่ยมนัก ศิษย์น้องของท่านก็มีพลังที่ยอดเยี่ยมมาก แม้จะไม่มีศิษย์พี่ที่นี่ทุกคนก็ยังฝึกฝนได้อย่างอิสระ ข้าละอายใจยิ่งนัก”
ซางยี่พูดด้วยรอยยิ้ม
ไม้ใหญ่คือที่พำนักที่ดี โจวฉีหมิงค่อนข้างมีชื่อในดินแดนพรสวรรค์ทั้งสิบแปดในด้านความน่ากลัว และเขายังอยู่ในตำหนักลับสวรรค์ เขาคือยอดฝีมือที่ไร้เทียมทานที่นี่
จากความโหดร้ายของโจวฉีหมิง ถ้าเขาได้รับรู้ข่าวเรื่องที่คนของเขาถูกทำให้ลำบากเพราะคนจากสำนักสักยักษา พวกเขาก็คงจะอยู่ไม่เป็นสุขอย่างแน่นอน
ไป่ลั่วหัวเราะ แต่ที่อกก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา เมื่อเขาลืมความตกใจ ความเจ็บปวดก็แล่นทั่วร่าง
ซางยี่สีหน้าเปลี่ยนไปและมองไปที่ซือหยู
“พี่ไป่ นี่มันอะไรกัน?”
ไป่ลั่วฝืนยิ้ม
“เพราะความประมาท ไอ้คนทรยศเลยทำให้ข้าต้องบาดเจ็บ”
ซางยี่มองไปทางซือหยูด้วยจิตสังหาร
“ฮื่ม! เจ้ากล้าแตะต้องเขารึ! ข้าต้องมอบความยุติธรรมให้แก่ศิษย์พี่!”
พลังชีวิตอันไร้ขอบเขตจากร่างของเขาเอ่อล้นออกมา เขาเป็นกึ่งภูติที่มีแก้วพลังชีวิตหนึ่งดวง!
ซือหยูยังคงยืนมือไพล่หลังอย่างเยือกเย็น เขายิ้มเยาะ
“เจ้ารู้รึว่ามีดกระหายเลือดจากในมือเขามาจากที่ใด? แล้วเจ้ารู้รึว่าพี่น้องคนไหนกันที่เขาพูดถึง?”