บทที่ 341 สมมติฐาน
สายฝนเทลงมาจากฟากฟ้าหนักหน่วงราวกับเป็นน้ำตก อยากรู้คนที่อยู่ในอาคารงานเลี้ยงออกจากโลกภายนอก ในช่วงเวลานั้น นักเวทหลายคนรู้สึกกำลังกระสับกระส่ายเล็กน้อย ราวกับว่าพวกเขาถูกตัดออกจากโลกความเป็นจริง

“คงไม่มีใครคิดว่าจะมีฝนในเดือนแห่งไฟ” ภายในอาคารงานเลี้ยง ดรัมมอนด์จ้องมองออกไปที่สายฝนด้านนอกหน้าต่าง ขณะถือแก้วไวน์อยู่ในมือ

อิซาเบลลาก็มองออกไปยังความมืดภายนอกขณะได้ยินคำพูดของดรัมมอนด์ แล้วนางก็ยิ้ม “พลังแห่งพระแม่แห่งสรรพสิ่งช่างยิ่งใหญ่เกินกว่าเวทมนตร์เจ้าค่ะ มีเพียงผู้วิเศษระดับตำนานเท่านั้นที่จะมีพลังควบคุมสภาพอากาศที่ยิ่งใหญ่ได้ขนาดนี้”

“แสงของฟ้าร้องฟ้าผ่าไม่นานก็จะหยุดลง เหมือนอุปสรรคที่เราต้องเจอ ทฤษฎีเวทมนตร์โบราณและศาสนจักรที่ส่งอำนาจและน่าสะพรึงกลัวไม่นานก็จะจางหายไป หรือไม่ก็จะถูกทำลายโดยอาร์คานาและเวทมนตร์ ชะตาลิขิตก็เหมือนกับกงล้อขนาดใหญ่หมุนวนไปข้างหน้า สิ่งใดที่ขวางทางก็จะถูกเหยียบย่ำไม่เหลือชิ้นดี สิ่งใดที่ล้าหลังก็จะถูกหลงลืมในไม่ช้า คนเราก็เหมือนกับโลกหลังจากฝนตกที่ทุกสิ่งก็จะถูกชำระล้างให้สะอาด… ไม่ต่างจากโลกใหม่” ดรัมมอนด์พูดด้วยน้ำเสียงมีความมั่นใจ

ภายนอกฝนยังคงตกหนักอย่างไม่ลืมหูลืมตา

ฟ้าร้องและฟ้าผ่าบงการท้องฟ้าเหนือนครอัลลินอยู่เพียงช่วงระยะสั้นๆ

ลูเซียนไม่เคยคิดมาก่อนเลยความเกรี้ยวกราดจากมหาจอมเวทผู้เป็นอาจารย์ของเขาจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศร้ายแรงอย่างฉับพลันเช่นนี้ ลูเซียนรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล ถึงขั้นรู้สึกว่าหายใจด้วยความยากลำบาก

“โลกนี้ไม่ต่อเนื่องกันอย่างนั้นหรือ? โลกนี้ไม่ต่อเนื่องกัน!?” เสียงคำรามของเฟอร์นันโดดังและเกรี้ยวกราดขึ้นเสียยิ่งกว่าเสียงฟ้าร้องคำรามภายนอก “แต่นี่เป็นเพียงสมมติฐาน!”

เมื่อเผชิญกับพายุตรงหน้า ลูเซียนกลับไม่ยอมอ่อนข้อให้ เขาตอบกลับช้าๆ แต่หนักแน่น “แต่ตอนนี้ นี่คือสมมติฐานเดียวที่เป็นไปได้”

เมื่อส่งเสียงคำรามด้วยความหงุดหงิด… เสียงฟ้าร้องก็คลุ้มคลั่ง มีประกายสายฟ้าวูบวาบอยู่ในตาของเฟอร์นันโด

“สมมติฐานเดียวอย่างนั้นหรือ? เจ้ากล้าดียังไงถึงมองข้ามความเป็นไปได้อื่นๆ ทั้งหมด? เจ้ากล้าดีมากนะ?!”

ดวงตาสีดำของลูเซียนลุ่มลึกราวกับเป็นทะเลสาบ เขาตอบอย่างสุขุม

“การทดลองของเราที่ผ่านมาได้มองข้ามความเป็นไปได้ทั้งหมดของคำอธิบายอื่นขอรับ นอกจากนี้ เราไม่มีหลักฐานอะไรที่จะหักล้างสมมติฐานนี้นะขอรับ”

เฟอร์นันโดและลูเซียนทำการทดลองทั้งหมดมาด้วยกัน ในความคิดของเฟอร์นันโด เขาก็ไม่มีคำไหนจะโต้แย้ง อย่างไรก็ตาม เขายังคงตะโกนด้วยความเกรี้ยวกราด

“เจ้าต้องการหลักฐานอย่างนั้นหรือ? ก็โลกทั้งใบนี่ไงหลักฐาน!”

ลูเซียนยิ้ม รอยยิ้มของเขาอ่อนโยนและนุ่มนวล “อาจารย์ขอรับ ธรรมชาติของโลกนี้เป็นปริศนาเสมอมา สิ่งที่เราเห็น ได้ยิน และรู้สึกเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เหมือนดั่งที่ความจริงที่ว่าโลกในมุมมองของจอมเวททั่วไปกับในมุมมองของมหาจอมเวทก็แตกต่างกัน ก่อนที่จะค้นพบคำอธิบายอื่น ตอนนี้ เราต้องยอมรับสมมติฐานนี้ขอรับ อาจารย์ขอรับ ท่านเคยสอนข้าเองว่าประสบการณ์และความรู้ในอดีตก็อาจเป็นอุปสรรคของเราเช่นกัน”

เมื่อได้ยินดังนั้น เฟอร์นันโดก็ตกอยู่ในความเงียบงัน เจ้าแห่งวายุยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น สายลมรอบตัวพัดเสื้อคลุมสีแดงสดของเขาสยาย หลังจากผ่านไปสักพักใหญ่ๆ สายฟ้าก็พลันหายไปจากปากของเขา เช่นเดียวกันกับพายุด้านนอก

“นี่เป็นเพียงสมมติฐานชั่วคราว ข้าจะศึกษาต่อไปและหาคำอธิบายอื่น” เฟอร์นันโดถอนหายใจเบาๆ เสียงของเขาฟังดูเหนื่อยล้า

“ท่านเป็นอะไรหรือเปล่าขอรับ อาจารย์” ลูเซียนถามด้วยความเป็นกังวล

“ยังโชคดี นี่เป็นเพียงสมมติฐานชั่วคราว” เฟอร์นันโดพูดซ้ำ “ถ้าเจ้ามีหลักฐานหนักแน่นพอสนับสนุนสมมติฐานของเจ้า หัวของข้าคงระเบิดไปแล้ว หรือเหตุผลที่ควรของข้ายังไม่เป็นอะไรอาจเป็นเพราะโลกแห่งพุทธิปัญญาของข้าหนักแน่น ถ้าเป็นอย่างนั้น ข้าคงไม่อาจศึกษาเพิ่มเติมไปได้มากกว่านี้ แต่เพราะสิ่งที่เจ้าพูดยังเป็นเพียงสมมติฐาน ข้ายังมีเวลาพอให้ปรับตัวและอาจจะหาทฤษฎีอื่นมาอธิบายสูตรนี้ แต่แน่นอนว่า จากการทดลองที่เราทำด้วยกัน ข้ารู้ว่าคงเป็นไปได้ยาก… ทฤษฎีใหม่ๆ ที่ข้าจะค้นเจอในอนาคตอาจเป็นหลักฐานสนับสนุนสมมติฐานของเจ้าได้”

ลูเซียนรู้ว่านี่เป็นเพียงการเริ่มต้น ยังมีผลการวิจัยที่จะทำให้ทุกคนตกตะลึงรอพวกเขาอยู่อีกมากมาย แม้แต่นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกใบเก่าอย่างไอน์สไตน์ ก็ไม่อาจพัฒนาได้ก้าวหน้ามากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะเขาไม่ยอมรับในทฤษฎีใหม่ๆ

อย่างไรก็ตาม แน่นอนว่าลูเซียนไม่สามารถบอกเรื่องนี้กับเฟอร์นันโดได้ เส้นทางสู่ ‘ปรมัตถสัจจะ’ ของโลกนี้ช่างโหดร้าย แต่โชคดีที่เฟอร์นันโดยังคงควบคุมสติอารมณ์อยู่ ตอนนี้ยังไม่มีผู้วิเศษชั้นตำนานคนใดหัวระเบิด ไม่มีใครรู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร

อาจจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ได้ เหมือนตอนที่นักเวทชั้นกลางหรือชั้นอาวุโสหัวระเบิด หรือพลังที่อาจรุนแรงจนกระทั่งข้าวของรอบๆ ตัวผู้วิเศษระดับตำนานที่หัวระเบิดจะถูกทำลายไปด้วย

เมื่อหยุดคิดสักพักหนึ่ง เฟอร์นันโดก็ถอนหายใจ ไม่เหมือนกับเจ้าแห่งวายุผู้มีอารมณ์ร้าย แต่เหมือนกับชายชราคนหนึ่งเท่านั้น “ข้าไม่น่ามาทดลองเรื่องเกี่ยวกับการแผ่ความร้อนเลย ข้าไม่น่ามารับรู้เรื่องพวกนี้ ในอนาคต เราอาจกลายเป็นผู้ทำลายระบบอาร์คานา โลกเวทมนตร์ หรือแม้กระทั่งจักรวาลทั้งหมด แต่ก่อนจะถึงวันนั้น ข้าไม่อยากจะเชื่อว่าพลังของโลกใบนี้ไม่ต่อเนื่องกัน… แม้กระทั่งโลกก็ไม่ต่อเนื่องกัน เหมือนเอาภาพมาเรียงซ้อนกัน! นักเวทคนอื่นจะมีปฏิกิริยาต่อสมมติฐานอย่างไร? เจ้ามองว่าอย่างไร?”

ลูเซียนปรับทัศนคติความเข้าใจของเฟอร์นันโด หากพูดให้ตรงๆ ก็เพราะโลกก็เหมือนกับภาพยนตร์ที่ประกอบด้วยเฟรมหลายๆ เฟรม เขาตอบเฟอร์นันโด “นักเวทส่วนใหญ่น่าจะกลัวกันขอรับ แล้วพวกเขาจะบอกกับตัวเองว่านี่เป็นเพียงสมมติฐาน แล้วพวกเขาจะใช้สูตรแต่ผิวเผินเท่านั้น โดยไม่สนใจความหมายของสูตร มีเพียงไม่กี่คนที่หัวจะ…”

“ข้าดีใจที่เจ้าเข้าใจ” เฟอร์นันโดมีสีหน้าจริงจังอีกครั้ง “เราคงต้องใช้ความรอบคอบมากๆ ตอนเสนอบทความ แม้ว่าจะเป็นเพียงสมมติฐานเท่านั้น ส่งบทความของเจ้าไปให้ดักลาสก่อน เขาน่าจะเป็นมหาจอมเวทที่พร้อมจะยอมรับทฤษฎีของเจ้า พลังงานแบบไม่ต่อเนื่อง… แตกเป็นส่วน เป็นจำนวนเล็กๆ… เหมือนกับอนุภาค… เราต้องเรียกว่าควอนตัมสินะ สำหรับแฮททาเวย์และมหาจอมเวทคนอื่นๆ เราต้องแยกบทความออกเป็นสองส่วน พวกเขาจะได้มีเวลาทำใจยอมรับความตกตะลึง หลังจากได้อ่านส่วนแรก”

ลูเซียนแก้ไขบทความเสร็จหลังสิ้นคำของเฟอร์นันโด ขณะที่ลูเซียนกำลังจะใส่ชื่ออาจารย์ของเขาลงในบทความข้างหน้าชื่อเขา เฟอร์นันโดนั่งลงบนเก้าอี้และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เจ้าเป็นผู้เขียนคนเดียวของบทความชิ้นนี้ ข้าต้องผงะถอยหลังต่อหน้าสมมติฐานนี้ เจ้าเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว”

“ขอรับอาจารย์…” ลูเซียนประหลาดใจมาก

เฟอร์นันโดจ้องมองลูเซียน “ทำตามที่เขาบอก ข้าไม่อยากเห็นชื่อตัวเองอยู่บนบทความที่ข้ายังไม่ยอมรับ”

หลังจากส่งจดหมาย เฟอร์นันโดหลับตาลงเพื่อตั้งสติโลกแห่งพุทธิปัญญาของเขาให้มั่นคง และพิจารณาถึงความเป็นไปได้อื่นๆ ที่จะใช้อธิบายสูตรนี้ ห้องทำงานทั้งห้องก็เงียบลงอีกครั้ง

ลูเซียนเองก็พยายามสงบสติอารมณ์ เขาวิตกกังวลเกินไปจนลืมสังเกตว่าเหงื่อไหลท่วมตัวและหัวใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ

ในห้องทำงานอันเงียบงัน เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็ใกล้เวลาเที่ยงวัน ลูเซียนรู้สึกว่าเขาอึดอัดกับบรรยากาศในห้องเต็มที ขณะที่เขากำลังจะออกปากขอกลับเร็วกว่าปกติ ลำแสงสว่างจ้าก็พุ่งออกมาจากมุมหนึ่งในห้อง

ไม่รู้ด้วยเพราะเหตุใดวงเวทที่มีอยู่กับไม่ทำงาน ชายชราผมขาวร่างสูงผู้มีดวงตาสีฟ้าเดินออกมาจากลำแสงนั้น ใบหน้าของเขาดูมีเมตตาและสง่างาม แต่อยู่ๆ ก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดและตะลึงงัน

ด้วยกองเอกสารที่อยู่ในมือ ชายชราตะโกนออกมา “เฟอร์นันโด นี่เป็นเพียงสมมติฐาน!”

“แต่นี่ก็เป็นเพียงสมมติฐานเดียวที่มี!” ครั้งนี้ เฟอร์นันโดไม่ผงะกลัว

ลูเซียนรู้สึกว่าบรรยากาศภายในห้องเปลี่ยนไปในฉับพลัน หากระบุให้ละเอียด แม้แต่แรงโน้มถ่วงภายในห้องก็เปลี่ยนไป! ลูเซียนรู้ได้ทันทีว่าชายชราผมขาวร่างสูงผู้นี้คือ ดักลาส ประธานสภาเวทมนตร์ จักรพรรดิแห่งอาร์คานา ผู้ถูกเลือก!

“ไม่ว่าเจ้าจะว่าอะไร แต่เจ้าไม่มีหลักฐาน!” ดักลาสขมวดคิ้ว “เรื่องนี้ไม่น่าเชื่อเสียยิ่งกว่าการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันโบราณ!”

“สิ่งที่เจ้ารู้เป็นอุปสรรคต่อการมองเห็นโลกกว้าง ดักลาส จนถึงตอนนี้ นี่เป็นเพียงคำอธิบายเดียวที่เหมาะสมที่เราค้นพบ” เมื่อสนทนาเป็นการส่วนตัว เฟอร์นันโดมักเรียกชื่อประธานออกไปตรงๆ

“เราต้องการหลักฐานมากกว่านี้!” เมื่อเจอกับการคำรามของคู่สนทนา ดักลาสก็ยังคงสงบสติให้สุขุมอยู่ได้

หลังจากตะโกนใส่กันไปมา ทั้งสองก็ค่อยๆ ใจเย็นลง สิ่งที่ทั้งคู่กำลังถกเถียงกันยังคงเป็นเพียงสมมติฐานเท่านั้น

“ลูเซียน… ข้าเกรงว่ามีเพียงเด็กหนุ่มอย่างเจ้าคนเดียวที่ปลอดจากประสบการณ์ที่ผ่านมาจะสามารถตีโจทย์สมมติฐานนี้ได้” ดักลาสถอนหายใจเบาๆ “แม้ว่ายังเป็นเพียงสมมติฐาน แต่สูตรนี้ก็มีคุณค่ามหาศาลและจะเป็นองค์ประกอบสำคัญในการพัฒนาสำนักอุณหพลศาสตร์ ข้าเชื่อว่ากลุ่มกระท่อมแห่งพาล์เมราและดินแดนตอนเหนืออันไกลโพ้นไม่มีวันมองข้ามความสำเร็จของเจ้า เจ้าควรค่ากับเหรียญน้ำแข็งและหิมะ”