บทที่ 801 เธอฝืนกฎธรรมชาติแล้วชัดๆ / บทที่ 802 ไม่จำเป็น

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 801 เธอฝืนกฎธรรมชาติแล้วชัดๆ

เยี่ยหวันหวั่นร้องไห้ขึ้นมาอย่างโศกเศร้าเหลือแสน “อารองเขาโยนสร้อยข้อมือที่หนูเพิ่งให้เป็นของขวัญทิ้ง บอกว่าเกลียดของราคาถูกอย่างนี้ รังเกียจที่จะสวม สร้อยข้อมือนี้หนูตั้งใจใช้เงินเดือนหนึ่งเดือนเต็มซื้อ หนูโกรธมากจริงๆ เลยวิ่งไปเผชิญหน้ากับอาสะใภ้รอง แต่สะใภ้รองก็ผลักหนู…”

“สารเลว! ธะ…เธอพูดเหลวไหลชัดๆ!” เหลียงเหม่ยซวนโกรธแทบตาย เธอรีบอธิบายกับบิดามารดา “คุณพ่อคะ คุณแม่คะ ฉันไม่ได้ผลักเธอเลยนะ เธอต่างหากที่ตบฉันตั้งสองที!”

น้ำตาเยี่ยหวันหวั่นร่วงเผาะลงมา “อาสะใภ้รอง พูดอะไรต้องจริงใจนะคะ ถ้าไม่ใช่เพราะอาพูดแรงเกินไป ถ้าไม่ใช่เพราะอา…ถ้าไม่ใช่เพราะอาพูดว่าคุณปู่คุณย่าไม่ช้าเร็วก็ต้องตายอย่างนั้น หนูจะโกรธจนลงมือกับอาได้ยังไง

อีกอย่าง อาไม่ได้ผลักหนู หรือว่าหนูล้มลงกับพื้นเอง? สร้อยข้อมือหยกอาไม่ได้โยน หรือว่าหนูดึงสร้อยข้อมือจากมืออามาโยนลงพื้นเองได้? อาสะใภ้รองรังแกกันเกินไปแล้ว!”

“…!” เหลียงเหม่ยซวนได้ยินก็ทั้งตกใจลนลาน ตาโตอ้าปากค้าง โกรธจนเกือบกระอักเลือด

ก็เธอนั่นแหละที่ล้มเอง กระชากสร้อยข้อมือจากมือเธอโยนลงพื้นเองไม่ใช่เหรอ!

ทั้งที่เธอแค่พูดว่า ‘ขยะสำส่อน’ ฝ่ายตรงข้ามก็ถึงกับคิดเองไปมากมาย แถมยังพูดแต่ละคำยุแยงความสัมพันธ์ของเธอกับกับพ่อแม่อีก

สองผู้เฒ่าเดิมทียังไม่เชื่อเยี่ยหวันหวั่นมากนัก แต่เมื่อฟังมาถึงตรงนี้ โดยเฉพาะเมื่อเห็นเม็ดหยกที่ตกกระจายบนพื้น พวกเขาก็เชื่อไปเกินครึ่งแล้ว

ถ้าเป็นคำพูดของเยี่ยหวันหวั่นเมื่อก่อน สองผู้เฒ่าไม่มีทางเชื่อ แต่หมู่นี้เยี่ยหวันหวั่นประพฤติตัวดีมาก อีกทั้งการวางตัวในคืนนี้ยังทำให้พวกเขาพอใจ จึงยิ่งเพิ่มระดับความน่าเชื่อถือในคำพูดพวกนี้ไปแล้ว

เยี่ยหงเหวยตวัดมองเหลียงเหม่ยเซวียนอย่างเด็ดขาดทันที

หลายปีนี้บ้านรองกุมอำนาจมากจนหยิ่งผยองเกินไปแล้วจริงๆ

เขายังไม่ตายสักหน่อย แต่ถึงกลับกล้าพูดเด็ดขาดว่าบ้านนี้เป็นของตัวเอง? ใครให้สิทธิ์เธอกัน!

ถึงบ้านนี้ไม่ช้าเร็วก็ต้องยกให้บ้านรองสืบทอด แต่ในใจเยี่ยหงเหวยพลันรู้สึกไม่ยินยอมอย่างยิ่งยวด…

“คุณพ่อคุณแม่อย่าเชื่อนางเด็กนี่เชียวนะคะ!” เยี่ยอีอีรีบร้อนพูด

เยี่ยหวันหวั่นปาดน้ำตาไปพลางลุกขึ้นยืนไปพลาง เธอก้มตัวเก็บเม็ดหยกที่กระจายบนพื้นทีละเม็ด ไม่อธิบายสักประโยคเดียว “คุณปู่คุณย่า ขอโทษที่หนูสร้างปัญหาให้นะคะ ตอนแรกหนูคิดว่าที่นี่เป็นบ้านหนู หนูถึงพยายามลองเปลี่ยนแปลงตัวเอง พยายามให้ตัวเองกลมกลืนกับบ้านนี้ หนูถึงขั้น…ให้คนที่รักที่สุดออกไป…แต่ตอนนี้ หนูว่าหนูคิดผิดไปแล้ว…”

“พี่มู่ฝาน พวกเราไปกันเถอะ…”

“อ๊ะ? โอ้…” จนกระทั่งเยี่ยหวันหวั่นเรียกชื่อตน เยี่ยมู่ฝานถึงตั้งสติกลับมาในที่สุด และตามน้องสาวตัวเองออกไปอย่างมึนงง

พวกเขาเดินออกมาจากบ้านเก่า

เพิ่งขึ้นรถ เยี่ยหวันหวั่นก็กลับมามีท่าทีเฉื่อยชาไม่สนใจสิ่งใดอีก เหมือนกับว่าหญิงสาวน่าสงสารที่ได้รับความไม่เป็นธรรมและถูกรังแกเมื่อครู่เป็นแค่ภาพลวงตาของเยี่ยมู่ฝาน

เยี่ยมู่ฝานกลืนน้ำลายดัง ‘เอื๊อก’ “เชี่ย…ฉันว่าฉันแสดงเก่งแล้วนะ ครั้งก่อนยังนึกดีใจแทบตาย แต่พอเห็นแกเมื่อกี้ ฉันแม่งเพิ่งรู้ว่าอะไรคือทักษะการแสดงระดับราชินีจอเงิน! แกฝืนกฎธรรมชาติแล้วชัดๆ ฉันมองอยู่ด้านข้างจนงงไปหมด ไม่ทันได้เตรียมใจสักนิด ดีเลวยังไงก็เตือนกันล่วงหน้าหน่อยสิ…”

เยี่ยหวันหวั่นโยนเม็ดหยกในมืออย่างสบายๆ เอ่ยอย่างไม่ทุกข์ร้อนว่า “ฉันแค่ใช้วิธีคนอื่นย้อนใส่ตัวคนนั้นก็เท่านั้น”

เหลียงเหม่ยซวนกับเยี่ยอีอีสองแม่ลูกชอบเสแสร้งที่สุดไม่ใช่หรือไง

งั้นมาลองดูกันว่า สุดท้ายใครจะเสแสร้งได้ดีกว่ากัน

————————————————————-

บทที่ 802 ไม่จำเป็น

ถึงแม้ผู้อาวุโสจะมีอายุมากแล้ว แต่เขาก็ยังให้ความสำคัญกับอำนาจของตัวเองมาก บทสนทนาในคืนนี้เพียงพอจะให้ผู้อาวุโสเกิดเมล็ดแคลงใจฝังในอกได้แล้ว…

ตกดึกที่บ้านเยี่ย

ถานอี้หลานขมวดคิ้วมุ่น “หงเหวย คุณคิดยังไงกับเรื่องคืนนี้ เหม่ยซวนกับอีอียืนยันหนักแน่นว่าหวันหวั่นจงใจใส่ร้ายพวกเธอ แต่ฉันว่านิสัยของเหม่ยซวนความจริงไม่น่าพูดอย่างนั้นออกมา อีกอย่างอีอีก็ยังเป็นพยาน…”

ผู้อาวุโสแค่นเสียงหึ “อีอีต้องพูดเพื่อแม่เขาอยู่แล้ว ส่วนหวันหวั่น เธอคิดว่าเด็กนั่นมีหัวคิดทำเรื่องอย่างนั้นได้เหรอ เหม่ยซวนคงพูดคำพวกนั้นนั่นแหละ!”

ถานอี้หลานได้ยินแบบนั้นก็อดคิดดูไม่ได้ หลานสาวของเธอมุทะลุหยาบคายเป็นที่สุด ทุกครั้งรู้จักแต่โวยวายสร้างเรื่อง ไม่ใช่คนที่มีหัวคิดเจ้าเล่ห์จริงๆ

ผู้อาวุโสครุ่นคิดพลางเอ่ย “ตอนนี้บ้านรองเหิมเกริมไปแล้ว ฉันยังไม่ตายทีก็เริ่มอยากให้ฉันตาย จะได้กุมอำนาจทั้งหมด!”

ถานอี้หลานกล่าว “เหม่ยซวนไม่ค่อยถูกกับหวั่นจวิน อาจพูดไม่เข้าหูด้วยความความคึกคะนองจริงๆ แต่เด็กคนนี้กตัญญูรู้คุณตลอด ไม่น่าจะพูดอะไรอย่างแช่งให้พวกเราตาย เกรงว่าหวันหวั่นนั่นแหละที่ตั้งใจพูดเกินจริง”

ผู้อาวุโสแค่นเสียงหยัน “ต่อให้ไม่เคยพูด แต่เธอกล้ารับประกันไหมว่าเจ้ารองกับเมียเขาไม่คิดแบบนั้น”

ถานอี้หลานถอนหายใจ “ความจริง อยากกุมอำนาจก็ไม่ได้ผิดอะไร บ้านใหญ่พึ่งพาไม่ได้แล้ว ตระกูลเยี่ยได้แต่พึ่งพาบ้านรองช่วยค้ำจุน พวกเขาจะสืบทอดตระกูลเยี่ยก็เป็นเรื่องไม่ช้าเร็ว…”

นัยน์ตาผู้อาวุโสวาบแสงรางๆ “นั่นก็ไม่แน่!”

เขาผิดหวังที่ลูกชายคนโตทำเรื่องแบบนั้นมาก หลานๆ ก็ยังเป็นลูกคุณหนูไม่มีความรู้ความสามารถ อ่อนแอไม่เป็นโล้เป็นพาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหลานสาวที่ทำตัวเหลวไหลเต็มที่เลย บ้านใหญ่ไม่ว่าใครก็ทำตัวเหลวไหลเกินไป

เขาไม่อยากให้สิ่งที่ตัวเองทุ่มเททำมาครึ่งชีวิตหายไปในมือคนรุ่นหลัง จึงไม่ลังเลที่จะตัดสินลงโทษคนในครอบครอบครัวเพื่อผดุงความถูกต้อง แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงตอนจบ ใช่ว่าผู้สืบทอดจะถูกตัดสินแล้ว

“ฉันว่าช่วงนี้มู่ฝานกับหวันหวั่นประพฤติตัวไม่เลว!” ผู้อาวุโสไตร่ตรอง

ถานอี้หลานก็เห็นด้วยกับจุดนี้ “ถ้ามู่ฝานกลับตัวกลับใจได้จริงๆ ก็ย่อมเป็นเรื่องดี กลัวแต่ว่านิสัยเขาจะคงทนได้ไม่นาน ใช่ว่าไม่เคยเกิดเรื่องอย่างนี้มาก่อน”

ผู้อาวุโสพึมพำ “ไม่รีบ ค่อยๆ ดูไปเถอะ”

จูเจียงรอยัล

หลังมาถึงคอนโด เยี่ยหวันหวั่นก็ลงจากรถและให้เยี่ยมู่ฝานลงมา “ถึงแล้ว ลงรถเถอะ”

“แกไม่กลับไปเหรอ” เยี่ยมู่ฝานขมวดคิ้วถาม

เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย “ไม่กลับ ฉันยังมีนัดต่อ”

เยี่ยมู่ฝานพองขน “ล้อเล่นหรือเปล่า พวกเธอเพิ่งไปเที่ยวกลับมากันนะ วันๆ ยังตัวติดด้วยกันอีก! ไม่รำคาญกันบ้างรึไง!”

เยี่ยหวันหวั่นทำเสียงจิ๊ปาก “หมาโสดอย่างพี่ไม่เข้าใจหรอก”

ความจริงเธอกับซือเยี่ยหานไม่ได้เพิ่งกลับมาจากเที่ยวด้วยกัน แต่เป็นคู่รักที่ยิ่งรักกันเมื่อแยกห่างกันไปนาน เมื่อคืนวานเธอเดินรีบร้อนแถมไม่ได้อยู่นาน ย่อมต้องชดเชยเป็นธรรมดา

“เชี่ย…” เยี่ยมู่ฝานโดนมีดแทงกลางใจ เขานึกไม่ถึงสักนิดว่าจะมีวันที่ตัวเองถูกเรียกว่าหมาโสด

เยี่ยมู่ฝานกำลังจะจากไป แต่เยี่ยหวันหวั่นชำเลืองมองพลางเรียกเขาไว้ก่อน “อ๊ะ พี่รอเดี๋ยว ฉันได้ยินว่าคราวก่อนมีคนส่งไวน์ดีให้พี่เหรอ”

ช่วงนี้ทุกอย่างราบรื่น วันนี้เธอยังทารุณเหลียงเหม่ยเซวียนได้อีก เยี่ยหวันหวั่นอารมณ์ดีมากจนพลันนึกอยากดื่มเหล้านิดหน่อย

ก็เหมือนกับที่จู่ๆ ก็นึกอยากกินเค้กอัลมอนด์เป็นพิเศษ

เยี่ยมู่ฝานมองเธออย่างสงสัย “ใช่ ส่งโรมาเน กองติมาให้หนึ่งขวดน่ะ แกจะทำอะไร?”

………………………