ตอนที่ 2058 สำนักทั้งหลายตกตะลึง (6) / ตอนที่ 2059 อวิ๋นรั่วสุ่ยและอู๋เหยียน (1)

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ตอนที่ 2058 สำนักทั้งหลายตกตะลึง (6)

ทว่าก่อนหน้านี้พวกเขาไม่รู้อะไรเลยไม่ใช่หรือ ในสถานการณ์ที่พวกเขาไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของอวิ๋นลั่วเฟิงแต่พวกเขาก็ยังอยู่เคียงข้างคอยสู้กับตระกูลที่ทรงพลังอย่างตระกูลฉินโดยไม่ลังเล

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะช่วยอะไรไม่ได้ อวิ๋นลั่วเฟิงก็จดจำความสัมพันธ์ของพวกเขาไว้ในใจแล้ว

มู่ต้งเลยรับผลไม้ไว้แล้วจดจำบุญคุณครั้งนี้ไว้ในใจ ดังนั้นในตอนนั้นเองเหนือจวนตระกูลจวินจึงมีอัสนีสวรรค์ผ่าลงมาติดๆ กัน สายฟ้าผ่าลงมาอย่างต่อเนื่องถึงสามวันสามคืนก่อนจะหายไป

คนที่มาหาอวิ๋นลั่วเฟิงเหล่านั้นก็ยังไม่กลับไป ทำให้พวกเขาได้เห็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่นี้ด้วย ตอนนั้นเองพวกเขาทุกคนก็ตัดสินใจกลับไปรายงานต่อนายท่านของพวกเขาพร้อมกัน ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป พวกเขาไม่สามารถต่อกรกับคนที่อยู่ข้างกายอวิ๋นลั่วเฟิงได้เลยสักคนเดียว

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้พวกเขาก็รีบมุ่งหน้ากลับไป และเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตระกูลจวินก็ถูกแพร่ออกไปทั่วทั้งแคว้น จากนั้นคนทั้งแคว้นเจ็ดเมืองก็อยู่ในภาวะตกตะลึง!

อัสนีสวรรค์งั้นหรือ อัสนีสวรรค์คืออะไรกัน มีแค่คนที่ผ่านด่านขั้นเซียนเท่านั้นถึงจะสามารถทำให้เกิดอัสนีสวรรค์ได้ไม่ใช่หรือ

แต่ว่าอัสนีสวรรค์ที่เกิดขึ้นในตระกูลจวินไม่ได้มีแค่เส้นเดียว แต่กลับมีสายฟ้าผ่าลงมานับไม่ถ้วน! เมื่อรู้เรื่องนี้แล้วพวกเขาจะไม่ประหลาดใจได้อย่างไร

แน่นอนว่าทุกคนในตระกูลจวินไม่ได้สนใจเสียงวุ่นวายด้านนนอกเพราะกลัวว่าอัสนีสวรรค์จะผ่าลงมาเร็วเกินไปจนทำให้อวิ๋นอี้เข้าไปรับไม่ทันแล้วจะเกิดการบาดเจ็บโดยไม่จำเป็น อวิ๋นลั่วเฟิงจึงสั่งให้พวกเขาผ่านด่านกันทีละคน

ผลก็คืออัสนีสวรรค์ผ่าลงมาอย่างต่อเนื่องถึงสามวันสามคืน แต่ว่าครั้งนี้ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างยอดเยี่ยม

คนส่วนใหญ่พัฒนาถึงขั้นเซียนสวรรค์ในขณะที่ผู้เฒ่าจวิน มู่ต้ง หนิงซินและคนอื่นๆ พัฒนาถึงขั้นเซียนอาวุโส!

สิ่งที่ทำให้อวิ๋นลั่วเฟิงตะลึงก็คือเมื่อตอนนั้นอวิ๋นลั่วชิงหย่าสมควรถูกเรียกว่าอันดับหนึ่งในแผ่นดินหลงเซียวแล้ว! ศักยภาพแต่กำเนิดของเขาอยู่เหนือทุกคน เพราะเขาสามารถพัฒนาถึงขั้นเซียนจักรพรรดิ!

เมื่อมีอวิ๋นชิงหย่าและไป๋หลิงปกป้องแคว้นเจ็ดเมือง ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดเรื่องเลวร้ายเหมือนก่อนหน้านี้ซ้ำอีก…

ผู้เฒ่าอวิ๋นไม่พอใจ ใบหน้าของเขาย่นยู่จากความขุ่นเคือง “เหตุใดพวกเจ้าทุกคนถึงผ่านด่านขั้นเซียนแล้วยังผ่านด่านขั้นเซียนอาวุโสอีก แม้แต่บุตรชายของข้ายังพัฒนาถึงขั้นเซียนจักรพรรดิ แต่ข้ากลับเป็นคนเดียวที่อยู่ในขั้นเซียน”

หรือว่าศักยภาพแต่กำเนิดของเขาไม่ดีงั้นหรือ

“ไม่มีทางหรอก!” ผู้เฒ่าอวิ๋นมองอวิ๋นลั่วเฟิง “เอาผลเขฬะมังกรมาให้ข้าอีก!”

อวิ๋นลั่วเฟิงกลอกตา “ต่อให้ข้าเอาให้ท่านอีกลูก ท่านก็ไม่ผ่านด่านอีกต่อไปแล้ว”

เมื่อได้ยินคำพูดของนาง ผู้เฒ่าอวิ๋นก็จ้องหน้านาง “ข้าเอามากินเป็นของว่างไม่ได้หรือ”

เขาพูดว่าเขาอยากกินสมบัติล้ำค่าอย่างผลเขฬะมังกรเป็นของว่างจริงๆ งั้นหรือ บนโลกนี้คงมีเขาคนเดียวที่สามารถพูดอะไรแบบนี้ได้

“ถ้าท่านไม่กลัวว่าจะส่งผลร้ายต่อร่างกาย ข้าก็ไม่ห้ามหรอก” อวิ๋นลั่วเฟิงยักไหล่แล้วแสร้งยิ้ม

ผู้เฒ่าอวิ๋นเงียบลงแล้วจ้องหน้าอวิ๋นลั่วเฟิงด้วยความเสียใจ “ข้าก็แค่ล้อเล่น! เจ้าคงไม่คิดว่าข้าพูดจริงใช่หรือไม่ เทียบกับผลเขฬะมังกรแล้ว เมื่อไหร่เจ้าจะมีหลานให้ข้าได้เล่นด้วยสักที”

มีหลาน…ให้เขาได้เล่นด้วยงั้นหรือ

มุมปากของอวิ๋นลั่วเฟิงกระตุก แล้วพักใหญ่ถึงจะกลับมามีอารมณ์มั่นคง “ท่านแม่ไม่บอกท่านหรือว่าข้ากำลังตั้งครรภ์”

ผู้เฒ่าอวิ๋นที่ตอนแรกกำลังบ่นก็ตกตะลึงทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนาง

อะไรนะ ข้าได้ยินอะไรผิดไปหรือไม่ หลานสาวสุดที่รักของข้าตั้งครรภ์งั้นหรือ

จวินหลิงเทียนและคนอื่นๆ ก็ยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว ลมหายใจของพวกเขาถี่ขึ้นขณะที่ความตื่นเต้นในใจไม่สามารถปกปิดได้

ตอนที่ 2059 อวิ๋นรั่วสุ่ยและอู๋เหยียน (1)

“ท่านแม่ ท่านยังไม่ได้บอกพวกเขาหรือเจ้าคะ” อวิ๋นลั่วเฟิงมองไป๋หลิงด้วยความตกใจขณะเอ่ยถาม

“แม่คิดว่าลูกบอกพวกเขาแล้ว” ไป๋หลิงพูดไม่ออกเหมือนกัน

กลายเป็นว่าพวกนางยังไม่ได้บอกข่าวเรื่องที่เฟิงเอ๋อร์ตั้งครรภ์แล้วงั้นหรือ ผู้เฒ่าอวิ๋นแสดงสีหน้าเศร้าสร้อย พวกนางปิดบังเรื่องสำคัญแบบนี้กับเขางั้นหรือ

“ท่านอา ข้ารบกวนให้ท่านเดินทางไปที่แดนลับแลและพาตระกูลเยี่ยมาที่นี่ รวมถึงนำตัวเทียนหยาที่อยู่ในไพรลับแลและทุกคนกลับมาที่นี่ด้วย”

ถ้าตระกูลฉินไม่สามารถจัดการกับตระกูลอวิ๋นได้ ไม่แน่พวกเขาอาจจะถอยแล้วไปสร้างปัญหาให้ตระกูลเยี่ยแทน ดังนั้นนางจึงต้องดูแลจัดการทุกอย่างที่อาจเป็นไปได้ และป้องกันไม่ให้พวกเขามุ่งไปหาคนที่นางใกล้ชิด

“ได้สิ” อวิ๋นชิงหย่าพยักหน้า

“นอกจากนี้จงส่งคนไปตามหาท่านพ่อกับท่านแม่รวมถึงเยี่ยซีมั่วและเยี่ยฉีด้วยแล้วปกป้องพวกเขา จากสถานการณ์ตอนนี้มันเป็นเรื่องอันตรายมากหากพวกเขาอยู่ข้างนอก”

ท่านพ่อและท่านแม่ที่นางพูดถึงคือเยี่ยจิ่งเฉิงและจวินเฟิ่งหลิง เพราะพวกเขาเป็นคนที่นางเป็นห่วงมากที่สุด

“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะจัดการเรื่องนี้ให้รอบคอบ” อวิ๋นชิงหย่ายิ้มบาง ตอนนี้เขาครอบครองพลังที่สามารถปกป้องคนสนิทของเขาได้แล้ว แม้แต่วิธีที่เขาพูดก็มั่นใจมากขึ้น

“ท่านแม่” อวิ๋นลั่วเฟิงหันไปหาไป๋หลิงแล้วพูดต่อ “ข้าให้ท่านอาออกไปตามหาคนอื่น ส่วนการปกป้องผู้เฒ่าและคนที่เหลือ ข้ามอบให้ท่านจัดการนะเจ้าคะ เมื่อมีท่านอยู่ ข้าก็จะได้ออกไปได้อย่างสบายใจ”

ไป๋หลิงตะลึงไปชั่วครู่ “ลูกกำลังจะออกไปงั้นหรือ”

เมื่อเผชิญหน้ากับความไม่เต็มใจของไป๋หลิง อวิ๋นลั่วเฟิงก็พยักหน้า “การกระทำของตระกูลฉินไม่ได้เกิดจากที่ข้าสังหารฉินลั่วเพียงอย่างเดียว พวกเขาต้องมีเจตนาอื่นซ่อนไว้แน่ ข้าจะเดินทางไปที่แผ่นดินเทพวิญญาณกับอวิ๋นเซียว ข้าไม่สามารถปล่อยให้ศัตรูซ่อนตัวอยู่ในที่มืดและพวกเราอยู่ในที่แจ้งเช่นนี้ต่อไปได้”

ไม่รู้ว่าทำไม แต่นางสังหรณ์ใจว่า…การกระทำของตระกูลฉินเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนที่ครั้งหนึ่งเคยไล่ล่าเจวี๋ยเชียน ดังนั้นนางจึงต้องเดินทางไปที่แผ่นดินเทพวิญญาณ

เมื่อรู้ว่ามีอวิ๋นเซียวและเซียนจักรพรรดิอีกสองคนอยู่ข้างอวิ๋นลั่วเฟิงเพื่อปกป้องนาง ไป๋หลิงก็ผ่อนคลาย

“เจ้าไปโดยไม่มีอะไรต้องห่วง เมื่อมีข้าอยู่ที่นี่ก็ไม่มีใครบุกรุกตระกูลจวินได้!”

อวิ๋นลั่วเฟิงไม่ได้พูดอะไรต่อ นางก็หยิบผลเขฬะมังกรออกมาห้าผลก่อนจะมอบให้ไป๋หลิง

“ผลไม้ห้าผลนี้มีไว้ให้ผู้เฒ่าเยี่ย เยี่ยฉี เยี่ยซีมั่วและท่านพ่อท่านแม่ของข้า ท่านแม่เมื่อถึงตอนนั้นท่านช่วยมอบให้พวกเขาแทนข้าด้วยนะเจ้าคะ”

หลังจากที่นางฝากฝังทุกอย่างไว้หมดแล้ว อวิ๋นลั่วเฟิงก็สบตากับอวิ๋นเซียวแล้วเดินออกจากสวนไป

“เฟิงเอ๋อร์ พวกเราจะออกเดินทางเมื่อไหร่”

“พวกเราจะออกไปพรุ่งนี้”

อวิ๋นลั่วเฟิงเงียบขรึม นางคิดแต่เพิ่มความแข็งแกร่งให้คนในครอบครัวของนางเท่านั้น และลืมเกี่ยวกับเหล่าทัพเหล็กกล้าและเหล่าทัพเพลิงพิโรธไปเลย

สมาชิกเหล่านั้นเติบโตและติดตามอยู่ข้างกายนางมาตั้งแต่เริ่มแรก เป็นความสนิทสนมที่ไม่มีอะไรมาแทนได้ ดังนั้นหลังจากที่นางกลับไปที่สวนของนาง นางก็เรียกเหล่าทัพและเผ่าหนูออกมา แม้แต่ฉาฉาและเสี่ยวโม่ก็ถูกเรียกกลับมาจากข้างนอก

“นายหญิง มีบางอย่างเกิดขึ้นหรือขอรับ ถึงเรียกพวกเรามาอย่างเร่งด่วนแบบนี้”

ไหน่ฉาและคนอื่นๆ อาศัยอยู่ในมิติลวงตาดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้สถานการณ์ในปัจจุบัน ส่วนเสี่ยวโม่ อวิ๋นลั่วเฟิงได้อธิบายสถานการณ์ให้เขาฟังผ่านทางการสื่อสารทางจิตไปแล้ว…