วีนาส่ายหน้า “แม่ไม่ไป ถ้าแม่ไปใครจะดูแลเธอ”
“ถ้างั้น ฉันก็เคารพการตัดสินใจของแม่” เทาเท่ไม่อยากพูดอะไรให้มากความ
ถ้าวีนาไม่อยากไป เขาก็ไม่บีบบังคับ เมื่อถึงเวลาที่พินอินมาอยู่ใต้จมูกของเขา จะเกิดอะไรขึ้น วีนาต้องพึ่งพาเขา หวาดระแวงว่าเขาจะดูแลพินอินไม่ดีพอ
เทาเท่กำชับ “งั้นช่วงนี้อย่าออกไปไหน ถ้ามีอะไรให้โทรหาผม”
“ตอนนี้เรื่องมันถูกเปิดเผยแล้ว ต้องใจเย็นๆ แม่ควรจับตาดูคนของเบลซให้ดี ดีที่สุดคือขีดเส้นกั้นกับครอบครัวของพวกเขาให้ชัดเจน” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้เทาเท่กำชับเป็นพิเศษ “ยิ่งพินอินด้วยแล้ว บอกเธออย่าติดต่อกับซูซี เพื่อไม่ให้ซูซีใช้เธอเป็นเครื่องมือ”
“เรื่องเมื่อคราวที่แล้ว ก็ไม่ใช่เพราะว่าซูซียุยงหรอกเหรอ”
“ใช่” วีนารู้เรื่องภายในครอบครัวของเบลซเป็นอย่างดี อีกทั้งเรื่องนี้ยังถูกเปิดเผยแล้ว เธอก็ไม่จำเป็นต้องญาติดีกับเบลซและซูซีอีกต่อไป
การต้องคอยระวังเพื่อทำให้คนอื่นพอใจ เมื่อนานวันเข้า เธอก็เหนื่อยเหมือนกัน
หลายวันมานี้พินอินอยู่แต่บ้าน คุยกับซูซีทั้งวัน แต่ดูแล้วซูซีไม่ได้สนใจเธอเลยสักนิด วีนาเองก็คุยกับพินอินแค่ไม่กี่ครั้ง แต่พินอินกลับไม่ได้รู้สึกว่าซูซีเมินเฉยต่อเธอ เพียงคิดว่าซูซีเปิดบริษัทของตัวเองแล้วคงยุ่งมาก เลยไม่มีเวลามาสนใจเธอ
เทาเท่พูดไม่ออกกับความคิดไร้เดียงสาของน้องสาว วีนาถือโอกาสพูดขึ้น “ดังนั้น สองสามวันนี้ลูกกลับมาพักที่นี่ได้ไหม? มาช่วยหว่านล้อมพินอินและอยู่เป็นเพื่อนพวกเรา”
เทาเท่ปฏิเสธอย่างไม่คิด “ไม่ได้ครับ”
ประการแรก จากก้นบึ้งของหัวใจของเขาปฏิเสธที่จะอยู่กับวีนาและพินอิน มุมมองของทั้งสามไม่ตรงกันโดยสิ้นเชิง ให้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมีแต่ความโมโห โดยเฉพาะพินอิน ที่ทำให้เขาโมโหแทบอกแตกตายได้
ประการที่สอง ความสัมพันธ์ของเขากับหลินจือก็พึ่งจะก้าวไปอีกขั้น เขาทิ้งหลินจือไว้ไม่ได้
วีนายื่นข้อเสนอแบบนี้ก็เพื่อให้เขาอยู่ห่างจากหลินจือ เขาดูออก แม้ว่าเธอไม่คิดจะให้เขาอยู่กับซูซี แต่เธอก็ไม่ยอมรับหลินจืออยู่ดี
ตอนนี้เธอไม่ชอบหลินจือ ไม่ได้เกี่ยวกับภูมิหลังของหลินจือเลยสักนิด เพียงแค่ไม่ชอบขี้หน้าเท่านั้น
เธอเคยชินกับการอยู่เหนือหลินจือมาโดยตลอด และไม่มีทางยอมรับว่าเธอเท่าเทียม ถึงขนาดชอบทำหน้านิ่งใส่หลินจือทุกครั้งที่เจอกัน
เทาเท่ปฏิเสธตรงๆ แบบนี้ วีนาถึงกับพูดอะไรไม่ออก
เธอรู้ว่าลูกชายคนนี้ไม่ค่อยญาติดีกับเธอสักเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับคุณของเขา
“ผมต้องไปแล้ว” พูดจบเทาเท่ก็หันหลังเดินจากไป
หลังจากที่เทาเท่ออกไป พินอินก็วิ่งออกมาจากห้องตัวเอง “แม่คะ พี่เขาว่ายังไงบ้าง?”
วีนาตอบด้วยอารมณ์หงุดหงิด “จะพูดอะไรได้อีก แค่บอกให้พวกเราอยู่แต่บ้านอย่าออกไปไหน”
“หนูว่าแล้วมันต้องเป็นอย่างนี้” พินอินขุ่นเคือง “พี่เขาไม่ช่วยเราสองคนเลยสักนิด ไม่ว่าจะเรื่องของหนูหรือเรื่องของแม่ เขาไม่คิดว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกันด้วยซ้ำ”
ใจของวีนาที่เย็นลงแล้วเมื่อครู่ บัดนี้กลับรู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาอีกรอบเพราะคำพูดของพินอิน
พินอินพูดอย่างเย่อหยิ่ง “หนูไม่สนหรอก ถึงพี่เขากับซูซีจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน หนูก็ไม่ยอมรับหลินจือเด็ดขาด”
พินอินพูดสิ่งที่อยู่ในใจของวีนา วีนาจึงตอบรับทันที “แม่ก็ไม่ยอมรับ”
เทาเท่ขับรถกลับมาบ้านของตัวเอง มองดูบ้านของหลินจือและเห็นว่าเธอยังไม่กลับบ้าน
เทาเท่ขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อเขาคิดอยากให้เธอเพิ่มลายนิ้วมือของเขาลงไปด้วย และไม่รู้ทำไม หลังจากเหตุการณ์เมื่อครั้งก่อน เขาไม่อยากกลับบ้านตัวเองเลย เขาอยากอยู่แค่กับเธอไม่อยากจากไปไหน
แต่ตอนนี้เขาเข้าบ้านเธอไม่ได้ จึงทำได้เพียงกลับบ้านของตัวเองไปก่อน
เขาโทรหาหลินจือตอนกำลังเดินเข้าบ้าน หลินจือกำลังหลับอยู่ในรถพี่เลี้ยงของนานิ
นานิไปถ่ายละครต่อ แต่เธอไม่อยากกลับบ้านไปเจอเทาเท่ ดังนั้นจึงมาอาศัยอยู่ในรถพี่เลี้ยงของนานิ
แน่นอนว่าหลินจือไม่ได้นอนหลับ เธอกำลังใช้มือถือเขียนข้อตกลงบางอย่าง
ข้อตกลงเกี่ยวกับการอยู่ร่วมกันของพวกเขาทั้งสองคน เธอวางแผนจะให้เทาเท่อ่านตอนกลับถึงบ้าน
เสียงโทรศัพท์จากเทาเท่ปลุกเธอ เธอนวดคลึงหน้าผากที่ปวดเมื่อยของตัวเอง แล้วลุกขึ้นเพื่อรับสาย
“คุณจะกลับตอนไหน” เทาเท่ที่อยู่ปลายสายถามขึ้นมา
เธอตอบกลับตามจริง “คุณจงบอกว่าเย็นนี้มีงานเลี้ยงคนในกองถ่าย ฉันคงยังไม่กลับ”
ประจวบเหมาะว่าเธอยังอยู่ข้างนอก และเป็นหนึ่งในแขกรับเชิญที่เจเทาวน์เป็นคนเชิญอีกซะด้วย
เทาเท่ถามต่อด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย “เขาอยากชวนคุณแค่คนเดียวหรือเปล่านะ”
แต่เพราะเจเทาวน์กำลังเป็นที่ถูกจับตามอง ไม่ดีแน่ถ้าจะชวนหลินจือไปรับประทานอาหารกันอย่างโจ่งแจ้ง นั้นเป็นเหตุผลที่ต้องชวนคนในกองถ่ายไปรับประทานด้วยกัน
หลินจือไม่พอใจ “ทำไมคุณถึงเป็นคนชอบพูดประชดประชันแบบนี้ จงเทาวน์คิดว่าเรื่องคราวก่อนคลี่คลายแล้ว จึงอยากจะฉลองแค่นั้นเอง”
หลินจือพูดแทนเจเทาวน์โดยไม่ได้คิดอะไร ทำให้เทาเท่โมโหเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมา
เวลาโมโห เมื่อรู้สึกได้ถึงโทนเสียงอ่อนโยนของเธอ จึงทำให้เขาโกรธไม่ล
หลินจือไม่ใช่ผู้หญิงเสียงดัง แม้จะเป็นตอนโกรธ ก็จะพูดช้าๆ นิ่งๆ ทำให้คนฟังแล้วรู้สึกอ่อนโยน อบอุ่น
เทาเท่อดไม่ได้ที่จะปรับน้ำเสียงให้อ่อนลง “ผมคิดถึงคุณแล้ว รีบกลับได้ไหม”
หลินจือฟังแล้วขนลุกไปทั้งตัว “เทาเท่ ฉันกำลังเขียนอะไรบางอย่างอยู่ เดี๋ยวส่งให้คุณอ่าน”
หลินจือพูดจบก็รีบวางหูแล้ว ก็ส่งข้อตกลงให้เทาเท่ทันที
ข้อตกลงข้อที่หนึ่ง : เทาเท่ต้องคุมกำเนิด
แค่ข้อแรกก็ทำเอาเทาเท่พูดไม่ออก เขาถือโทรศัพท์ไว้พักหนึ่งพาลไม่อยากอ่านสิ่งที่เธอเขียนต่อ
สำหรับเขาเป็นการดูถูกันชัดๆ
ตอนแรกเขาพูดอย่างเย็นชากับหลินจือว่าเธอไม่คู่ควรกับการเป็นแม่ของลูกเขา ตอนนี้เธอกลับบอกให้เขาไปทำหมัน
เขาเคยคิดพยายามให้เธอตั้งครรภ์แม้เธอจะไม่พร้อม แต่ตอนนี้เธอเอาคืนด้วยวิธีนี้ เหมือนเธอจะเริ่มรู้ตัวแล้ว…
ข้อตกลงข้อที่สอง : พยายามอย่าติดต่อกันในวันธรรมดาหากไม่จำเป็น ต้องทำเหมือนคนแปลกหน้าหากอยู่ต่อหน้าคนภายนอก และห้ามเปิดเผยความสัมพันธ์นี้ต่อสาธารณชน
เทาเท่รู้สึกเจ็บขึ้นมาทันที เธอไม่คิดจะยอมรับเขาจริงๆ
ข้อตกลงข้อที่สาม : ห้ามเข้าบ้านอีกฝ่ายหากไม่ได้รับอนุญาต
เห็นได้ชัดว่าข้อนี้เพื่อเป็นการประท้วงที่เขาเข้าบ้านเธอทางหน้าต่างสองครั้งก่อนหน้านี้ เป็นการบุกรุกแบบไม่ทันตั้งตัว เทาเท่เย็นลงมากเมื่ออ่านถึงตรงนี้และข้อต่อไปไม่มีอะไรมีผลต่อเขาอีก