ไท่จื่อกับสกุลอวี่เหวินก่อกบฎหรือ?
ซูจิ่นซีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ทว่านางเพิ่งพบกับไท่จื่อเยี่ยเซิน
หรือว่า…
ไม่น่าแปลกใจที่เยี่ยเซินมาพบนางอย่างกะทันหัน ทว่าตอนนั้นนางไม่ได้สนใจคำพูดเหล่านั้นของเยี่ยเซิน ตอนนี้เมื่อคิดดูแล้วจึงเข้าใจ
เยี่ยโยวเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อย หลานเสวียนหมิงพูดต่ออีกครั้งว่า “ไท่จื่อสมรู้ร่วมคิดกับแคว้นไหวเจียง สายลับแคว้นไหวเจียงที่เหลืออยู่ได้ลอบวางยาพิษประชาชนในเมืองทางใต้ และทางตะวันตก จนทำให้เกิดความวุ่นวายภายในเมืองหลวง ไท่จื่อจึงอาศัยโอกาสนี้ก่อกบฎพ่ะย่ะค่ะ ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก”
ฟังมาถึงตรงนี้ ซูจิ่นซีก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
อย่างไรนางก็คิดไม่ถึงว่าเยี่ยเซินจะสมรู้ร่วมคิดกับแคว้นไหวเจียง อีกทั้งเพียงเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ถึงกับวางยาพิษประชาชนผู้บริสุทธิ์
ดั่งคำกล่าวที่ว่า ผู้ที่ชนะใจประชาชนย่อมเป็นผู้ชนะทั้งแผ่นดิน ในฐานะผู้ที่มีตำแหน่งสูงศักดิ์ การกระทำเช่นนี้เท่ากับการฆ่าตนเอง
เยี่ยเซินเติบโตมาในราชวงศ์ ทว่าเขาไม่เข้าใจกระทั่งหลักการเช่นนี้หรือ?
“จิ่นซี เปลี่ยนชุดให้ข้า! ”
เยี่ยโยวเหยาพูดพลางเดินเข้าไปในตำหนักฝูอวิ๋น
ซูจิ่นซีเดินตามเยี่ยโยวเหยาเข้าไป ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล “เยี่ยโยวเหยา อาการบาดเจ็บของท่านเพิ่งจะหายดี อีกทั้งอาการกำเริบของหมุดกร่อนรักก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข ทำให้เคลื่อนไหวยากลำบาก ไม่เช่นนั้นให้หม่อมฉันไปกับแม่ทัพใหญ่หลานดีกว่าเพคะ”
“นี่เป็นเรื่องของบุรุษ ข้าจะให้สตรีที่ไม่มีวรยุทธ์อย่างเจ้า ไปได้อย่างไร? ”
เยี่ยโยวเหยาพูดพลางหยิบเสื้อคลุมสีดำจากราวแขวนมาสวมด้วยตนเอง แม้จะบอกให้ซูจิ่นซีเปลี่ยนชุดให้ ทว่าเยี่ยโยวเหยาไม่ได้หมายความว่าจะให้ซูจิ่นซีทำทั้งหมด
“เรื่องการเคลื่อนทัพมีแม่ทัพใหญ่หลานและเจ้ากรมกลาโหมจัดการ ความจริงท่านไม่ต้องไปก็ได้ หม่อมฉันจะไปถอนพิษให้ประชาชน ทั้งหม่อมฉันยังรู้สึกว่า ในเมื่อครั้งนี้เยี่ยเซินกล้าสมรู้ร่วมคิดกับแคว้นไหวเจียง แสดงว่าเขาไม่ได้วางแผนจะอยู่ในแคว้นจงหนิงต่อ จุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาคือคิดจะหนีออกจากแคว้นจงหนิง
เรื่องสำคัญเช่นนี้ แคว้นไหวเจียงจะต้องส่งกำลังทหารจำนวนมากมาต้อนรับเยี่ยเซินเป็นแน่ แคว้นไหวเจียงถนัดใช้พิษ ไม่ใช้วรยุทธ์เป็นสำคัญ หากหม่อมฉันไปจะเป็นประโยชน์มากกว่าเพคะ”
ระหว่างที่ซูจิ่นซีพูด เยี่ยโยวเหยาก็สวมเสื้อผ้าเสร็จแล้ว เขาหันไปทางซูจิ่นซีที่พูดไม่หยุดปาก ก่อนจะยกยิ้มอย่างมีเลศนัย ทั้งยังไม่ได้แสดงความคิด ทำเพียงจับมือซูจิ่นซีเดินออกไป
ซูจิ่นซีพูดโน้มน้าวอยู่นาน เยี่ยโยวเหยาก็ยังจะไปอีก นางรู้นิสัยของเยี่ยโยวเหยาดี รู้ว่าพูดไปก็ไร้ประโยชน์ จึงไม่พูดอันใดอีก
เมื่อเยี่ยโยวเหยาลงมือ องครักษ์เงาบางส่วนที่ซ่อนตัวอยู่ในเรือนชิงโยวจึงตามเยี่ยโยวเหยาไปด้วย
ทั้งสองเดินออกมาจากจวนโยวอ๋อง เท้าเพิ่งเหยียบลงบนใบไม้ที่ร่วงหล่น ลมหนาวก็พัดวูบขึ้นมาจากพื้นจนเกิดเสียงดัง ‘ซวบ’ ทันใดนั้นแสงสีขาวราวหิมะก็สาดส่องมาทางเยี่ยโยวเหยากับซูจิ่นซี
แทบจะเป็นเวลาเดียวกัน เยี่ยโยวเหยาดึงซูจิ่นซีมายังด้านหลังของตน แขนเสื้อกว้างสีดำเข้มโบกสะบัด เผชิญหน้ากับเหล่านักฆ่าที่ปรากฏตัวออกมาจากที่หลบซ่อน
แสงจากหินไฟหายวับไป เยี่ยโยวเหยาเข้าต่อสู้พัวพันกับนักฆ่าหลายสิบคนก่อนหน้า องครักษ์เงาของเยี่ยโยวเหยาจึงปรากฏตัวออกจากที่ซ่อนและเข้าล้อมนักฆ่าทั้งหมดไว้ เยี่ยโยวเหยาปกป้องซูจิ่นซีจากการต่อสู้ พานางออกมายืนอยู่ด้านข้าง
หลานเสวียนหมิงรีบมายืนข้างกายเยี่ยโยวเหยา พลางพูดเสียงต่ำว่า “ท่านอ๋อง พวกนี้เป็นนักฆ่าที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นพิเศษของสกุลอวี่เหวิน สามารถฝึกฝนนักฆ่าเหล่านี้ออกมาได้ ดูแล้วสกุลอวี่เหวินยังมีอำนาจแข็งแกร่งอยู่บ้าง นึกไม่ถึงว่าเวลานี้จะเลอะเลือนกระทั่งสมรู้ร่วมคิดกับไท่จื่อ”
“ฆ่าไม่ละเว้น! ”
เยี่ยโยวเหยาไม่พูดอันใดมาก เพียงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขาใช้วิชาตัวเบาปกป้องซูจิ่นซี พานางมุ่งหน้าไปยังเมืองทางใต้
ซูจิ่นซีข้ามมิติมานาน ยังไม่เคยเห็นผู้ใดหาญกล้าส่งนักฆ่ามาลอบสังหารเยี่ยโยวเหยา สกุลอวี่เหวินนับเป็นรายแรก
ซูจิ่นซีรู้สึกสันหลังเย็นวาบอย่างควบคุมไม่ได้ ในใจแอบชื่นชมสกุลอวี่เหวิน แท้จริงแล้วอวี่เหวินเวิงก็มีความทะเยอทะยานอยู่เหมือนกัน
เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วยาม เยี่ยโยวเหยาพาซูจิ่นซีเหาะลงบนถนนที่คึกคักที่สุดสายหนึ่งของเมืองทางทิศใต้
บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยหมอกหนาทึบสีแดง ทุกหนทุกแห่งมีแต่ความวุ่นวาย
‘ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด… ’ ระบบถอนพิษส่งสัญญาณเตือนติดต่อกัน สองสามครั้ง
ใบหน้าซูจิ่นซีเคร่งขรึม นางมองผู้คนเต็มท้องถนนที่ส่งเสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า “เยี่ยโยวเหยา พวกเขาทั้งหมดถูกพิษจากแคว้นไหวเจียง ต้องระมัดระวังให้ดีเพคะ”
เยี่ยโยวเหยาพยักหน้า ซูจิ่นซีนำยาเม็ดหนึ่งออกมาจากระบบถอนพิษและมอบให้เยี่ยโยวเหยา “ทานก่อนเพคะ ยาเม็ดนี้สามารถป้องกันพิษได้”
เยี่ยโยวเหยารับยาเม็ดของซูจิ่นซีมาทานทันที
“พี่จิ่นซี… พี่จิ่นซี” เสียงของซูอวี้ดังมาแต่ไกล
ซูจิ่นซีหันไปยังทิศทางเสียงนั้น ซูอวี้กับหมอหลวงสวี่แห่งหอโอสถสกุลซูกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้
“เหตุการณ์เป็นอย่างไรบ้าง? ” ซูจิ่นซีถาม
ซูอวี้ขมวดคิ้วพลางส่ายศีรษะ “สถานการณ์ไม่สู้ดีนัก ก่อนหน้านี้ชาวบ้านทุกคนถูกพิษ ทว่าหลังจากที่เหล่าแพทย์ของสำนักแพทย์เทียนอีจัดยาถอนพิษให้ก็บรรเทาเหตุการณ์ลงไปไม่น้อย หลังจากนั้นไม่รู้เกิดอันใด แมลงปอโลหิตปรากฏขึ้นจำนวนมาก มันทำให้สารพิษในตัวของชาวบ้านเกิดการเปลี่ยนแปลง พิษมีความซับซ้อนมากขึ้น จนถึงเวลานี้พวกเรายังไม่สามารถผสมยาถอนพิษออกมาได้ขอรับ”
ซูจิ่นซีสังเกตสถานการณ์โดยรอบอย่างละเอียด พบว่าแมลงปอโลหิตจำนวนมากโบยบินอยู่ในอากาศจริง บางตัวก็บินเกาะบนร่างของประชาชนที่ถูกพิษอยู่ก่อนแล้ว
“โชคดีที่พระชายามาได้ทันเวลา พระชายาเชี่ยวชาญวิชาพิษโดยเฉพาะ นี่มันเป็นพิษอันใด? ท่านมีวิธีถอนพิษหรือไม่? ”
ซูจิ่นซีไม่พูดอันใด นางแอบปรับระดับความถี่ของอาคมกำไลปี่อั้นจนถึงระดับสูงสุด
ผ่านไปครู่ใหญ่ ซูจิ่นซีจึงพูดว่า “แมลงปอโลหิตเหล่านี้คงถูกเลี้ยงมาด้วยยาพิษเช่นเดียวกับศพพิษของแคว้นไหวเจียง ทว่าศพพิษถูกควบคุมด้วยเสียงขลุ่ย แมลงปอโลหิตเหล่านี้อาจถูกควบคุมด้วยเสียงพิณ
แม้ในตัวแมลงปอโลหิตเหล่านี้จะมีพิษ ทว่าในสถานการณ์ทั่วไป สารพิษจะไม่แพร่กระจายออกมา จังหวะของเสียงพิณสามารถกระตุ้นอารมณ์แมลงปอให้คลุ้มคลั่ง จากนั้นพวกมันจะแพร่กระจายกลิ่นที่รุนแรงออกมาจากลำตัว เมื่อทุกคนได้สูดดมกลิ่นเหล่านั้นก็จะถูกพิษ”
“เสียงพิณ? กลิ่น? พระชายา พวกกระหม่อมไม่ได้ยินเสียงอันใด และไม่ได้กลิ่นอันใดเลยพ่ะย่ะค่ะ” หมอหลวงสวี่พูด
ซูจิ่นซีหันไปมองเยี่ยโยวเหยา แม้เยี่ยโยวเหยาจะมีท่าทีเย็นชาเหมือนปกติ ทว่าแววตาของเขากลับบอกซูจิ่นซีว่า เขาเองก็ไม่ได้ยินเช่นกัน
“โสมเหลือง ไป่ชี อวิ๋นซานถง กุ้ยเหริน… ” ซูจิ่นซีพูดชื่อยาสมุนไพรหลายชนิดออกมา “อวี้เอ๋อร์ หมอหลวงสวี่ ยาสมุนไพรเหล่านี้หาได้ไม่ยาก ส่วนใหญ่อยู่ในหอโอสถสกุลซู ร้านยาส่วนน้อยมักไม่มี หอโอสถสกุลซูมียาเหล่านี้อยู่ พวกเจ้ารีบไปหายาสมุนไพรเหล่านี้ให้พบ ข้ากับท่านอ๋องจะไปรับมือกับผู้ที่ดีดพิณควบคุมแมลงปอโลหิต หลังจากปรุงยาถอนพิษแล้ว ยังต้องใช้โลหิตของผู้ที่ดีดพิณผสมลงไปด้วย”
แม้ซูอวี้กับหมอหลวงสวี่จะไม่ได้ยินเสียงพิณและไม่ได้กลิ่นของแมลงปอโลหิตที่ซูจิ่นซีพูดถึง ทว่าพวกเขาไม่สงสัยในคำสั่งของซูจิ่นซีแม้แต่น้อย เนื่องจากด้านการถอนพิษ ซูจิ่นซีมีความเชี่ยวชาญมากกว่าพวกเขา ทั้งสองจึงรีบตอบรับและแยกย้ายกันไปหายาสมุนไพร
“เสียงพิณอยู่ที่ใด เจ้าใช้อาคมกำไลปี่อั้นฟัง จากนั้นบอกทิศทางให้ข้า ข้าจะพาเจ้าไป” เยี่ยโยวเหยาพูด
“เยี่ยโยวเหยา ที่นี่ทุกแห่งล้วนมีพิษ แม้แต่อวี้เอ๋อร์กับหมอหลวงสวี่ที่เชี่ยวชาญวิชาแพทย์ก็ได้รับพิษแล้ว ตอนนี้ร่างกายของท่านยังไม่ฟื้นฟู ไม่เหมาะที่จะอยู่ที่นี่นานนัก ท่านอ๋องกลับจวนก่อนเถิด! ให้ยอดฝีมือพาหม่อมฉันไปก็ได้”