บทที่ 1598+1599

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1598 นี่มันคำอุปมาบ้าบออะไร?!

บางทีด้านอื่นๆ ของนางคงมีเพียงตี้ฝูอีที่ได้เห็นกระมัง?

นางในตอนนี้ก็เหมือนกับสวมหน้ากากเอาไว้ ไม่มีผู้ใดมองลอดเข้าไปเห็นเนื้อในของนางได้

คนสองคนเดินกันเฉยๆ ค่อนข้างน่าเบื่ออยู่บ้าง ขณะที่เชียนหลิงอวี่กำลังหาหัวข้อสนทนามาชวนคุยอยู่ กู้ซีจิ่วกลับเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อน “หลิงอวี่ เจ้าคิดว่าจักรพรรดิองค์นี้เป็นอย่างไรบ้าง?”

เชียนหลิงอวี่ตะลึงไปครู่หนึ่ง สัญญาณเตือนภัยดังขึ้นในหัวใจ รีบตอบทันที “จะเป็นอย่างไรได้เล่า? รูปโฉมหล่อเหลายิ่งนัก แต่ข้าก็ไม่ด้อยกว่าเช่นกัน…”

“ข้าไม่ได้พูดถึงรูปโฉมเขา เจ้าคิดว่านิสัยใจคอของเขาเป็นอย่างไร?”

สัญญาณเตือนภัยของเชียนหลิงอวี่ดังขึ้นอีกครั้ง “นิสัย…นิสัยก็พอใช้ได้กระมัง ดูอ่อนโยนยิ่ง ยามคลี่ยิ้มเสมือนดอกพวงหางสุนัข”

กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย นี่มันคำอุปมาบ้าบออะไร?!

“เจ้าก็คิดว่าเขาอ่อนโยนเหมือนกันหรือ? เจ้าพบความสง่างามเจ้าสำราญของลูกหลานจากตะกูลมั่งคั่งบนตัวเขาบ้างหรือไม่?”

สัญญาณเตือนภัยในใจเชียนหลิงอวี่เริ่มส่งเสียงดังลั่น เขากระแอมคราหนึ่ง “นี่จะมีอะไรกัน? ความสง่างามผ่าเผยผู้ใดบ้างเล่าที่ทำไม่ได้? คุณชายอย่างข้าก็แสดงความสง่างามได้ไม่ด้อยไปกว่าเขาเช่นกัน!” ยามที่กล่าวประโยคนี้ออกมา เขาก็อดไม่ได้ที่จะเสยผม แล้วสะบัดอาภรณ์คราหนึ่ง

ในที่สุดกู้ซีจิ่วหันมองเขาแวบหนึ่ง “วันนี้เจ้ากินยาผิดหรือไง? เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับผู้อื่นทำไม?”

เชียนหลิงอวี่เงียบไปแล้ว

กู้ซีจิ่วคล้ายจะคิดอะไรอยู่อีกแล้ว เธอรู้สึกอยู่เสมอว่าหรงเจียหลัวในปัจจุบันแตกต่างไปจากหรงเจียหลัวในอดีต หรงเจียหลัวในอดีตเป็นพี่ชายรูปงามสีหน้าเยือกเย็น ต่อให้ชอบพอกู้ซีจิ่วเป็นที่สุด เขาก็ไม่ยิ้มออกมาบ่อยๆ และคุยไม่เก่ง

แต่หรงเจียหลัวในปัจจุบันกลับช่างพูดกว่าเมื่อก่อนมาก บนร่างคล้ายจะมีบุคลิกอย่างหนึ่งเพิ่มขึ้นมา สง่างามดั่งบทกวี อ่อนละมุนเช่นสุรา หนึ่งยิ้มล่มเมืองได้

ถึงอย่างไรกู้ซีจิ่วก็แยกจากหรงเจียหลัวไปถึงแปดปี ดังนั้นจึงไม่ทราบแน่ชัดเช่นกันว่าเขาเปลี่ยนแปลงไปเพราะกาลเวลา มีประสบการณ์ทางอารมณ์อย่างโชกโชนหรือไม่ ถึงได้กลายเป็นเช่นนี้

อีกอย่างไม่ได้พบหน้ากันแปดปี รูปโฉมของหรงเจียหลัวกลับไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย ยังดูเหมือนคนวัยยี่สิบอยู่ พลังวิญญาณของเขาก็ก้าวหน้าขึ้นไม่น้อยเลย เมื่อก่อนอยู่ที่ขึ้นหกตอนกลาง ยามนี้บรรลุขั้นแปดแล้ว ข้อเสียเพียงอย่างเดียวก็คือ ผิวพรรณเขาขาวซีดไปหน่อย เหมือนไม่พบเจอแสงอาทิตย์มาหลายปีแล้ว

กู้ซีจิ่วนึกถึงวิญญาณอาฆาตไม่กี่ดวงที่เพิ่งสวดส่งวิญญาณไปอีกครั้ง วิญญาณอาฆาตเหล่านั้นเห็นได้ชัดว่าก่อนตายถูกทรมานมา บิดเบี้ยวจนไม่เข้าที แม้แต่เป็นหญิงหรือชายก็มองไม่ออกเลย ทั้งร่างแดงฉานดั่งโลหิต ไอพยายาทสูงท่วมท้น!

หากมิใช่เพราะมีคาถาส่งวิญญาณขั้นสูงสุดล่ะก็ เกรงว่าคงได้รับผลกระทบจากวิญญาณอาฆาตเหล่านี้ไปแล้ว จิตใจด้านลบจะปะทุขึ้นมา…

ต่อให้เป็นเช่นนี้ หลังจากเธอส่งวิญญาณพวกมันเสร็จ เลือดลมก็ยังคงพลุ่งพล่านยิ่งนัก พลังงานด้านลบในจิตใจที่เดิมทีฝืนสะกดไว้ถูกไอพยาบาทกระตุ้นขึ้นว่าจนต้องการหาทางระบายออก ถึงขั้นที่ว่ามีอยู่แวบหนึ่งที่เธอต้องการเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่!

เคราะห์ดีที่พลังยุทธ์เธอสูงส่ง พบเห็นสถานการณ์ผิดปกติได้ทันท่วงที จึงแอบปรับลมปราณให้บริสุทธิ์

ถึงสามารถชำระล้างไอพยาบาทที่เข้าสู่ร่างเธอให้หมดจดไปได้ อารมณ์ก็กลับสู่ความสงบอีกครั้ง

ด้วยพลังยุทธ์ของเธอในตอนนี้ ไอพยาบาทแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายได้ยาก จู่ๆ วันนี้กลับเป็นเช่นนี้ไปได้ เป็นเพราะระยะนี้จิตใจเธอไม่ค่อยมั่นคงงั้นหรือ? หรือว่าไอพยาบาทนี้มีความพิเศษ?

“เจ้ารู้สึกหรือไม่ว่าวิญญาณอาฆาตวันนี้แกร่งกล้าเป็นพิเศษ?” กู้ซีจิ่วเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

เชียนหลิงอวี่ตะลึงไปครู่หนึ่ง พยักหน้ารับ “แกร่งกล้ามากจริงๆ! ตนเดียวยังเหนือกว่าวิญญาณทั่วไปสิบตัวเสียอีก!”

เขาไตร่ตรองอีกครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “วิญญาณอาฆาตหนนี้ดูบิดเบี้ยวเกินไป! ก่อนตายน่าจะถูกทรมานอย่างหนัก มีอยู่ตนหนึ่งเหมือนจะถูกประหารด้วยวิธีแล่เนื้อเถือหนัง ตะโกนว่า ‘คืนเนื้อข้ามา’ ใส่ข้าอยู่ตลอด ทำให้คุณชายอย่างข้าขนลุกไปทั้งตัวเลย”

“วิญญาณอาฆาตเหล่านี้คล้ายว่ามีคนสร้างขึ้นโดยเจตนา คงจะมิใช่ ‘ผลงาน’ ของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมผู้นั้นอีกกระมัง?”

————————————————————————————-

บทที่ 1599 ไม่ใช่ ข้ากำลังรอเจ้าอยู่

“ถึงอย่างไรวิญญาณอาฆาตในกำแพงวิญญาณอาฆาตนั้นก็ไม่ต่างจากพวกนี้เท่าไหร่ แน่นอนว่าพวกนี้ดูเลวร้ายยิ่งกว่า…ดูเหมือนว่าถึงแม้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้จะมอดม้วยไปแล้ว แต่ภัยพิบัติก็ไม่อาจกวาดล้างให้สิ้นซากได้ในชั่วขณะ ซีจิ่ว เจ้ายังมีกิจยุ่งเหยิงอยู่ ให้ข้าอยู่ช่วยเจ้าเถอะ!” เชียนหลิงอวี่ฉวยโอกาสเสนอตัว

กู้ซีจิ่วส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก เจ้าก็ต้องทำบทเรียนของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ให้เสร็จสิ้นเหมือนกัน มัวโอ้เอ้อยู่ที่นี่ตลอดไม่ได้หรอก ระวังตาเฒ่ากู่จะทุบเจ้าด้วยหลังแหวนเอานะ!”

“ซีจิ่ว อันที่จริงข้าสามารถสำเร็จการศึกษาจากสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ได้แล้ว เฒ่ากู่บอกไว้เมื่อปีก่อนว่าข้าสามารถสำเร็จการศึกษาไปได้แล้ว”

กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว “เช่นนั้นเจ้ายังรั้งอยู่ที่นั่นเพื่อศึกษาเพิ่มเติมงั้นหรือ?”

เชียนหลิงอวี่นิ่งไปครู่หนึ่ง รวบรวมความกล้าเอ่ยออกไป “ไม่ใช่ ข้ากำลังรอเจ้าอยู่”

กู้ซีจิ่วชะงักเท้าทันที

ภายใต้แสงดาว แววตาของเชียนหลิงอวี่ส่องประกายดุจดวงดาว “ถึงแม้เจ้าจะหายตัวไปแปดปีแล้ว แต่เจ้าก็ยังไม่สำเร็จการศึกษาจากสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ ขอเพียงเจ้าปรากฏตัวก็ต้องมาหาพวกเราที่สำนักแน่นอน ข้าเกรงว่าถ้าข้าสำเร็จการศึกษาแล้วจากไป เมื่อเจ้ามาข้าจะอดพบหน้า”

กู้ซีจิ่วเม้มริมฝีปากบางนิดๆ “เชียนหลิงอวี่…”

เชียนหลิงอวี่โบกมือ ไม่อยากฟังนางกล่าวคำปฏิเสธอันใด “ซีจิ่ว ข้าชอบเจ้า คนในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ล้วนทราบกันถ้วนหน้า หากว่าเจ้าไม่ได้เลิกรากับตี้ฝูอี ข้าก็จะมอบคำอวยพรของข้าให้อย่างจริงใจ ไม่สร้างความลำบากใจให้แก่เจ้า ข้าจะเป็นสหายที่ดีที่สุดของเจ้า…”

เขาชะงักไปครู่หนึ่ง ไม่รอให้กู้ซีจิ่วได้พูดจา ก็เอ่ยเสริมขึ้นมาอีก “วางใจเถอะ ข้ารู้ว่าตอนนี้เจ้ายังไม่คิดตอบรับความในใจของบุรุษคนใด เจ้าต้องการเวลาสงบสติอารมณ์ ข้าก็จะไม่บีบคั้นเจ้าเช่นกัน แต่ข้ารอได้! รอให้ถึงวันที่เจ้าสามารถเปิดใจรับความสัมพันธ์อีกครั้งได้” เขาเอ่ยสัตย์วาจาน่าเชื่อถือ เปี่ยมด้วยความมั่นใจ

กู้ซีจิ่วเงียบงัน

ไม่ใช่ว่าไม่หวั่นไหวเลย แต่กู้ซีจิ่วก็ทราบอย่างชัดเจนเช่นกัน เชียนหลิงอวี่ไม่ใช่สเปคของเธอ ไม่ว่าเขาจะรอเธอสักกี่ปี เธอก็ไม่มีทางรักเขาได้ เธอให้เขาเป็นเพื่อนสนิทได้ คนรักอย่างเดียวเท่านั้นที่ให้เป็นไม่ได้…

อันที่จริงกู้ซีจิ่วรู้สึกว่า หัวใจของเธอตายด้านแล้ว ชีวิตนี้ตนคงครองตัวเป็นโสดไม่แต่งงาน ไม่อาจรักใครได้อีกแล้ว

“เชียนหลิงอวี่ เจ้าไม่ต้องรอข้าหรอก” กู้ซีจิ่วเอ่ยขึ้นช้าๆ “ข้าจะไม่ชอบผู้ใดอีกต่อไปแล้ว เอาล่ะ เจ้ากลับสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ไปเถอะ เลี่ยงไม่ให้ถูกลงโทษ” เธอพลันใช้วิชาเคลื่อนย้าย หายวับไปทันที

เชียนหลิงอวี่นิ่งงัน

เขายืนอยู่ตรงนั้น มองถนนสายยาวที่ว่างเปล่า ตบศีรษะตัวเองด้วยความโมโห!

เขาไม่ควรพูดถ้อยคำเหล่านี้ในตอนนี้! บัดนี้ถูกปฏิเสธแล้ว เกรงว่านางคงไม่ยอมให้เขาใช้สถานะสหายอยู่ข้างกายต่อแล้ว…

เขาทำทุกอย่างพังหมดแล้ว!

เขานึกถึงคำพูดของมู่เฟิงขึ้นมา มู่เฟิงบอกว่าสตรีเลิศล้ำเช่นกู้ซีจิ่ว จะต้องเป็นคนสุขุมปราดเปรื่องมีศักดิ์มีฐานะเท่านั้นถึงจะคู่ควรอยู่ข้างกายนาง…

เชียนหลิงอวี่ทราบดี เหล่าดอกท้อที่อยู่รอบกายกู้ซีจิ่วมีไม่น้อยเลย ตี้ฝูอี หรงเจียหลัว หลงซือเย่ หลงฟั่น มีแม้กระทั่งจอมมารโม่เจ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตนนั้น…

คนเหล่านี้แต่ละคนล้วนเป็นผู้ที่มีฐานะสูงศักดิ์ยิ่งนักทั้งสิ้น บ้างก็เป็นผู้เรืองอำนาจ บ้างก็เป็นจักรพรรดิ ผู้ที่ด้อยที่สุดก็ยังอยู่ในระดับเจ้าสำนักเลย

ส่วนเขาเป็นเพียงทายาทสืบสกุลของตระกูลเชียนเท่านั้น อนาคตที่รุ่งโรจน์ที่สุดในภายหน้าก็คือตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลเชียน…เมื่อเทียบกับหลายคนก่อนหน้านี้แล้วด้อยกว่าไม่รู้ตั้งกี่ขุม

ลูกผู้ชายต้องมีใจฝักใฝ่ทะเยอะทะยาน ลูกผู้ชายต้องเก่งกล้าสามารถ! นี่เป็นสิ่งที่มู่เฟิงกล่าว เห็นทีว่าเขาสมควรจะสร้างกิจการของตัวเองได้แล้ว!

มู่เฟิงยังบอกอีกว่า ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์คิดจะก่อตั้งอาณาจักรเฮ่าเยวี่ยขึ้นมาอีกครั้ง กำลังเฟ้นหาผู้มีคุณสมบัติเป็นจักรพรรดิในอนาคตอยู่ ให้เขาลองพยายามช่วงชิงดู ก้าวออกมาจากเขตปลอดภัยของตัวเองดู

ด้วยเหตุนี้ในที่สุดจิตใจทะเยอะทะยานในการเป็นราชันของเชียนหลิงอวี่ก็ลุกโชนขึ้นมาแล้ว!

————————————————————————————-