44 แผนการที่จะรวบรวม

The Bloodline System

**ตอนที่****44:**แผนการที่จะรวบรวม

 

ละแวกใกล้เคียงรู้ว่ากุสตาฟฆ่าหมาป่าตัวนี้และเขาก็รู้สึกประหลาดใจกันอย่างมาก พวกเขาปฏิบัติต่อกุสตาฟด้วยความเคารพมากขึ้นหลังจากได้ยินเช่นนั้น

 

ตำรวจได้ซักถามผู้คนเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวรวมถึงกุสตาฟและแองจี้

 

จนถึงเวลาประมาณ11โมงก่อนที่ผู้คนจะเข้ามาในอพาร์ตเมนต์ของพวกเขา

 

กุสตาฟได้รับคำเชิญจากพ่อแม่ของแองจี้ สำหรับมื้ออาหารค่ำในคืนนั้น เขาต้องการจะปฏิเสธในตอนแรก แต่เขาไม่สามารถปฏิเสธคำชักชวนของแองจี้ได้

 

แม้ว่าเขาจะพบว่าเธอน่ารำคาญ แต่ก็เป็นลักษณะนิสัยที่เขายังคงชื่นชมเธอ

 

นี่เป็นครั้งแรกของกุสตาฟที่เข้ามาในอพาร์ตเมนต์ของคนอื่นและเห็นทุกซอกทุกมุมได้อย่างเห็นได้ชัด เขามองไปรอบ ๆ ห้องนั่งเล่น

 

เขาสังเกตว่าห้องนี้ไม่ต่างจากขนาดของห้องของเขา แถมยังดูสกปรกกว่าเล็กน้อย มันต่างจากของเขาที่มีอุปกรณ์ราคาแพงมากมายและของที่เขาชอบอีกมากมายเช่นกัน

 

ตอนนี้อาหารก็มาพร้อมแล้วซึ่งผ่านไปภายในเวลาไม่นาน โดยกุสตาฟรู้สึกขอบคุณมาก และตอนนี้แองจี้ก็ไม่ยอมหยุดพูดเลยแม้แต่น้อย

 

ก่อนที่พวกเขาเริ่มรับประทานอาหาร พวกเขาก็ได้ทำการสวดอ้อนวอนกันในครอบครัวเล็ก ๆ เมื่อเสร็จสิ้นพวกเขาก็เริ่มรับประทาน

 

ทั้งหมดนี้ยังใหม่มากสำหรับกุสตาฟ เขาไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่ามีการกล่าวคำอธิษฐานของครอบครัวก่อนการทานมื้ออาหาร เนื่องจากเขาจำครั้งสุดท้ายที่ทานกับครอบครัวไม่ได้แล้ว

 

ทุกคนรอบตัวเขาขุดคุ้ยเรื่องของแองจี้ตอนเด็กๆ แม่และพ่อรวมทั้งพี่ชายของเธอทำให้กุสตาฟรู้สึกแปลก ๆ แต่ไม่ใช่ในทางที่แย่

 

เขาก็เข้าร่วมการสนทนาด้วย

 

“ กุสตาฟ พ่อแม่ของคุณล่ะ ทำไมคุณถึงอยู่คนเดียว” พ่อของพวกเขาที่เป็นคนตรงไปตรงมาเป็นคนแรกที่ถามคำถามนี้ ในขณะที่พวกเขาทานอาหารเย็นกันอยู่

 

“ ผมไม่มีพ่อแม่” กุสตาฟตอบและนำอาหารอีกช้อนหนึ่งเข้าปาก

 

บริเวณที่กำลังรับประทานอาหารเงียบลงไปชั่วขณะ แต่กุสตาฟก็ดูไม่ใส่ใจนักเพราะเขายังคงกินอาหารอยู่โดยไม่มีท่าทีกังวล

 

“ขอโทษด้วยนะ” พ่อของแองจี้พูดด้วยท่าทางเป็นห่วง ทุกคนสงสัยว่าเขาอยู่คนเดียวได้อย่างไร เขาสามารถจ่ายค่าอพาร์ทเมนต์และค่าครองชีพนั้นได้อย่างไร แต่พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาอาจจะกำลังก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวของเขามากขึ้นไปอีกหรือเปล่า จึงไม่มีการถามคำถามเพิ่มเติม

 

“ ไม่จำเป็นต้องขอโทษครับ” กุสตาฟโบกมือไล่บรรยากาศแปลก ๆ

 

‘เขาไม่ใส่ใจจริงๆเหรอ?’ แองจี้จ้องหน้ากุสตาฟสักพัก ก่อนจะมองลงไปที่อาหารของเธอ เธอไม่รู้ว่าทำไม แต่เธอรู้สึกว่ากุสตาฟดูน่าสงสารมาก

 

ในเวลาไม่กี่นาทีอาหารค่ำก็สิ้นสุดลง แต่พ่อของแองจี้ยังคงต้องการคุยกับกุสตาฟเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่าง

 

 

ต่อมากุสตาฟกลับไปที่อพาร์ตเมนต์ของเขาประมาณเวลาเที่ยงคืน

 

เหตุการณ์เมื่อคืนทำให้เขาลืมตาดูธรรมชาติของโลกมากขึ้น

 

เขาสงสัยว่าเขาจะพยายามช่วยชีวิตผู้คนอย่างแท้จริงหรือไม่ หากระบบไม่ได้มอบภารกิจให้เขาหรือว่าเขามีพลังเพียงพอไหม หลังจากเข้าร่วม MBO แล้ว เขาจะเพิกเฉยต่อสิ่งที่เกิดขึ้นไปด้วยหรือไม่?

 

เขารู้แน่ว่าเขาจะช่วยแองจี้แต่คนอื่น ๆล่ะ? กุสตาฟรู้สึกว่าสภาพจิตใจของเขายุ่งเหยิงตั้งแต่เขาฆ่าพอลไป

 

ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีและอารมณ์ของมนุษย์ที่เขาเคยรู้สึกต่อผู้คน กำลังห่างเหินไปอย่างช้าๆ มีเพียงคน 2 คนที่ส่วนใหญ่เขากล้าจะแสดงด้านที่อบอุ่นของเขาให้เห็น ได้แก่ ครูเอมมี่ และ บอสดันโซ นอกจากนี้เขายังเริ่มแสดงด้านอบอุ่นให้กับแองจี้แล้วด้วย มันเริ่มขึ้นอย่างช้าๆ

 

เขาไม่รู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ต่อไปหรือไม่ แต่เขาตัดสินใจที่จะไม่คิดมาก เขาจึงเอาความคิดทุกอย่างออกไปและให้มันผ่านไปตามกาลเวลา

 

เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้ คือการมีพลังมากพอ ดังนั้นจะไม่มีใครสามารถควบคุมชะตากรรมของเขาหรือควบคุมว่าชีวิตของเขาควรจะเป็นอย่างไรต่อไปได้

 

เขาต้องการให้ชีวิตของเขาไปในทิศทางที่เขาปรารถนา ถ้ามีใครมาทำให้เขาโกรธ เขาก็ไม่ต้องปิดบังอีกต่อไป ความทุกข์ทรมานที่ผ่านมาในอดีตนั้นทำให้เขาสัญญากับตนเองว่าจะไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีก

 

 

เช้าวันรุ่งขึ้นกุสตาฟและแองจี้ไปโรงเรียนด้วยกันอีกครั้ง

 

แองจี้จำเวลาที่แน่นอนที่เขาจะออกจากบ้านและต้องมาพอดีกับกุสตาฟทุกเช้า เพื่อที่พวกเขาจะออกไปด้วยกันได้

 

แองจี้สังเกตว่ากุสตาฟดูน่าสนใจสำหรับเธอมากกว่าเมื่อวาน แต่เธอก็คิดไม่ออกว่าทำไม สิ่งที่เธอไม่รู้คือเธอไม่ใช่คนเดียวที่มีความคิดเช่นนั้น แม้ว่าพวกเขากำลังเดินผ่านถนน แต่ใครก็ตามที่สังเกตเห็นกุสตาฟก็ไม่สามารถหยุดจ้องมองเขาได้ แม้ว่าพวกเขาจะหลบหน้า แต่พวกเขาก็ยังคงแอบจ้องไปในทิศทางของกุสตาฟอยู่ดี หลังจากที่กุสตาฟเดินผ่านไป

 

กุสตาฟเริ่มแสดงด้านที่สนุกสนานกับแองจี้แล้ว แม้ว่าเขาจะยังรู้สึกว่าเธอน่ารำคาญในบางครั้งเพราะเธอมักจะออกนอกลู่นอกทางเพื่อช่วยเหลือผู้คนอยู่เสมอ

 

มีครั้งหนึ่งที่เขาไปโรงเรียนสายเพราะเธอตัดสินใจไล่ล่านักล้วงกระเป๋าที่ขโมยกระเป๋ามาจากย่า  เธออยากช่วยเสมอ แม้ว่ากุสตาฟจะไม่ต้องการก็ตาม

 

กิจวัตรประจำวันของกุสตาฟกลับมาดำเนินตามปกติ

 

ห้องครัวเป็นสถานที่แรกที่เขาไปหาตามคาด หลังจากนั้นก็เป็นชั้นเรียน

 

ชั้นเรียนในวันนี้ดูเหมือนจะขาดชีวิตชีวาเพราะไม่มีครูเอมมี่เลย

 

กุสตาฟหมดความสนใจในชั้นเรียนปกติ ยกเว้น วิชาวิทยาศาสตร์ เขายังคงรู้สึกว่าวิทยาศาสตร์น่าสนใจเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเขามีความคิดใหม่บางอย่างเมื่อเร็ว ๆ นี้

 

เขากำลังคิดที่จะเปลี่ยนห้องว่างห้องที่ 2 ให้กลายเป็นห้องทดลองวิทยาศาสตร์ขนาดเล็ก

 

เมื่อคืนนี้เมื่อเขาฆ่าหมาป่า และนั่นคือที่ที่เขาวางศพไว้

 

เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา หลังจากระลึกถึงรางวัลมากมายที่ได้รับ ขณะที่เขาย้อนกลับไปนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานนี้

 

 

กุสตาฟยืนอยู่หน้าร่างของหมาป่า หมัดของเขาเต็มไปด้วยหยดเลือดและเขายังอยู่ในร่างวัวกลายพันธุ์

 

หมาป่ากระหายเลือดหยุดการสร้างร่างกายใหม่และกำลังหายใจเฮือกสุดท้าย

 

‘ฉันรู้ว่ามันจะต้องมีขีดจำกัดอยู่แน่ ‘ กุสตาฟกำลังศึกษาการงอกบางส่วนของร่างกายใหม่ของหมาป่า และนอกจากนั้นเขาจะได้รับการฟื้นฟูด้วยเช่นกัน

 

เขาเคยตัดร่างกายตัวเองมาก่อนแล้ว เพื่อทดสอบการฟื้นฟูของเขาและสังเกตว่ามันขึ้นอยู่กับคะแนนพลังงานของเขา เขาถึงจะสามารถสร้างร่างกายส่วนใหม่มาได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ปัญหาคือการฟื้นฟูของเขาช้าลง ซึ่งหมายความว่าเขาจะไม่สามารถติดตามการต่อสู้ที่ดุเดือดได้ หากเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสในจังหวะนั้น

 

เขารู้ว่านี่เป็นเพราะการฟื้นฟูของเขายังคงอยู่ที่ระดับ 3 ซึ่งทำให้เขามีความหวังเกี่ยวกับระดับในอนาคตที่จะทำให้การฟื้นฟูเร็วขึ้นกว่านี้

 

กุสตาฟเดินไปข้างหน้าพลางยกเท้าขวาด้วยความรุนแรงและเหยียบลงที่คอของหมาป่าด้วยแรงที่มี

 

กึ้ก! กระฉอก!

 

เลือดกระเซ็นไปทุกทิศทาง ขณะที่หัวของหมาป่าแทบจะถอนออกจากคอของมันได้แล้ว แม้ว่าคอของมันจะไม่ถูกถอนออกจนหมด แต่หมาป่าก็ตายไปแล้ว เพราะมันไม่สามารถงอกร่างกายใหม่ได้แล้ว

 

—————————-

 

[ภารกิจฉุกเฉินเสร็จสมบูรณ์]

 

[รางวัล]

<5,000 ประสบการณ์>

 

<+2 คะแนนคุณสมบัติที่เพิ่มในคุณสมบัติทั้งหมด>

 

<เพิ่มระดับสำหรับทักษะและความสามารถทั้งหมด>

 

<ความสามารถในโหมดการพักผ่อนเปิดใช้งานได้แล้ว>

 

[โฮสต์เลเวลอัพแล้ว]

 

—————————–

 

กุสตาฟรู้สึกประทับใจกับรางวัลมากมาย แต่ก่อนที่เขาจะเริ่มตรวจสอบ  การแจ้งเตือนครั้งใหม่ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

 

———————————–

 

<คุณฆ่า หมาป่าเลือดผสม>

 

<5,000 ประสบการณ์ เพิ่มเติม>

 

———————————–

 

การแจ้งเตือนครั้งสุดท้ายเป็นการแจ้งเตือนที่ทำให้เขาตกใจอย่างมาก

 

————————————

 

[พบสายเลือดของการแปลงร่างสัตว์ร้ายอีกตัวหนึ่ง]

 

[โฮสต์ต้องการเพิ่มการแปลงร่างของหมาป่ากลายพันธุ์ให้กับสายเลือดของความสามารถในการแปลงร่างเป็นสัตว์ร้ายหรือไม่]

 

[ใช่/ไม่ใช่]

 

————————————-

 

กุสตาฟสังเกตเห็นว่าเท้าของเขายังคงเปื้อนเลือดและเลือดที่อยู่ที่คอของหมาป่าก็ยังอยู่ที่เท้าของเขา

 

เขายกเท้าขึ้นและการแจ้งเตือนล่าสุดของระบบก็หายไป เมื่อเขาวางเท้ากลับการแจ้งเตือนของระบบก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

 

‘นี่หมายความว่าฉันสามารถเพิ่มสายพันธุ์เลือดผสมให้กับสายเลือดสัตว์ร้ายที่ฉันเก็บมาจากพอลได้อีกด้วยสินะ‘ กุสตาฟตื่นเต้นมาก เมื่อเขาคิดเรื่องนี้ได้ในเวลานั้น

 

‘ใช่‘ เขาเรียกออกมาอย่างรวดเร็วในความคิดของเขา

 

[สกัดเลือดหมาป่ากลายพันธุ์]

 

<ขั้นตอนการสกัด: 1%>

 

 

<ขั้นตอนการสกัด: 50%>

 

กุสตาฟเฝ้าดูขณะที่บาร์ขึ้นไปจนเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์

 

[เพิ่ม สายเลือดกลายพันธุ์ใน สายเลือดกายร่างเป็นสัตว์ร้าย เรียบร้อยแล้ว]

 

หลังจากเสร็จสิ้นเขาก็นำศพของหมาป่าเลือดผสมไปเก็บไว้ในอุปกรณ์เก็บของและเริ่มมุ่งหน้ากลับ

 

—–

 

การค้นพบเกี่ยวกับความสามารถในการเพิ่มสายพันธุ์เลือดผสมลงในสายเลือดของการแปลงร่างสัตว์ร้ายของเขา ทำให้กุสตาฟรู้สึกตื่นเต้นที่กำลังวิ่งพล่านในร่างกายของเขาตอนนี้

 

เขาได้ทำการวิจัยอย่างละเอียดเกี่ยวกับเลือดผสมเมื่อคืนก่อนและตอนนี้เขามีเป้าหมายอื่นในใจ

 

‘ละแวกนี้น่าจะเป็นพรที่มอบให้กับฉันจริงๆ‘ กุสตาฟคิดพร้อมกับยิ้มกว้างบนใบหน้าของเขา

————————————————————–