“หนานเจวี๋ย ที่คุณพูดคือเรื่องจริงเหรอ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพี่สาวจริงๆ เหรอ” ฉู่อีอีเอ่ยปากอ่อนแอ ถามอย่างระมัดระวัง
เผยหนานเจวี๋ยเพียงแต่ยื่นมือลูบหัวของฉู่อีอี ไม่ได้ตอบ
เมื่อไม่ได้ยินคำตอบของเผยหนานเจวี๋ย เธอขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
ฉู่เจียเสวียนฉันไม่มีทางปล่อยเธอไปแน่ เรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับเธอแน่นอน
“หนานเจวี๋ย คุณตั้งใจทำงานเถอะ ฉันจะกลับก่อนแล้ว” ฉู่อีอีพูดจบ ลุกขึ้นยืน
เผยหนานเจวี๋ยลุกขึ้นตาม ริมฝีปากบางๆ อ้าเอ่ย “งั้นคุณระวังตัวหน่อย”
เสียงต่ำที่เปี่ยมด้วยความน่าดึงดูดดังขึ้น บนใบหน้าของเผยหนานเจวี๋ยมีรอยยิ้มจางๆ มองดูฉู่อีอีที่น่ารักเอาใจใส่ตรงหน้า ในใจของเผยหนานเจวี๋ยยิ่งรู้สึกไม่ชอบใจ
ฉู่อีอีพยักหน้า หันหลังต้องการจะจากไป แต่จู่ๆ มือก็ถูกเผยหนานเจวี๋ยรั้งไว้อย่างเหนือความคาดหมาย
หันกลับมามองด้วยความสงสัย มองเผยหนานเจวี๋ยด้วยความไม่เข้าใจเล็กน้อย “หนานเจวี๋ย เป็นอะไรไป”
สบสายตาที่เยือกเย็นของเผยหนานเจวี๋ย ฉู่อีอีอึ้งไป ผู้ชายที่โดดเด่นสะดุดตาแบบนี้จะต้องเป็นของเธอฉู่อีอีแต่เพียงผู้เดียว เธอจะไม่ให้โอกาสฉู่เจียเสวียนแม้แต่น้อยแน่นอน
“อีอี คุณอย่าคิดมากเลย” เมื่อมือออกแรงดึง ฉู่อีอีอาศัยจังหวะนี้โผเข้าสู่อ้อมอกของเผยหนานเจวี๋ย
กลิ่นหอมอ่อนๆ อยู่ในอ้อมแขน เผยหนานเจวี๋ยดมกลิ่นหอมที่คุ้นเคย ในใจมีความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก
ดวงตากลอกไปมา ความคิดร้อยพันวนเวียนในใจ สีหน้าของฉู่อีอีเปลี่ยนไป “หนานเจวี๋ย แล้วเรื่องงานแต่งพวกเราจะจัดอีกทีเมื่อไร”
แม้ว่างานแต่งจะถูกทำพังแล้ว เช่นนั้นก็ต้องเลือกฤกษ์ยามอีกครั้ง จะให้งานแต่งเลื่อนไปอีกไม่ได้แล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“อีอี ตอนนี้เรื่องงานแต่งของเรายังเป็นเรื่องที่คุยกันอย่างสนุกปาก ถึงจะปิดข่าวแล้ว แต่ว่าก็ยังมีผลกระทบไม่น้อย รอจนพ้นช่วงนี้ไปก่อนค่อยว่ากันเถอะ”
มือที่อยู่ในมือกำแน่น ความโกรธแค้นในใจของฉู่อีอีก่อตัวขึ้น “งั้นต้องรอจนถึงเมื่อไร”
เสียงอ่อนแอดังขึ้น แววตาที่มองเผยหนานเจวี๋ยมีความน้อยใจ ถ้าหากไม่เมื่อวานไม่เกิดเรื่อง วันนี้พวกเขาก็เป็นสามีภรรยากันแล้ว
ยิ่งคิดยิ่งโมโห ก้มมองต่ำปิดบังความคมกริบในดวงตา แอบขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน บนใบหน้าฉู่อีอีมีความอ่อนแออยู่ตลอดเวลา
ถ้าหากเธอหาผู้หญิงคนนั้นเจอ เธอจะต้องสั่งสอนเธออย่างสาสมแน่นอน!
“อีอี รอจนเรื่องสงบกว่านี้ค่อยคุยกันเถอะ ตอนนี้ผมยังมีเรื่องต้องจัดการ คุณกลับไปก่อนเถอะ”
ไม่ต้องการหารือเรื่องนี้กับเธออีก เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยปาก
เมื่อเข้าใจความหมายแฝงในคำพูดของเผยหนานเจวี๋ย ฉู่อีอีพยักหน้ารับรู้
“รู้แล้ว หนานเจวี๋ย” พูดจบ เขย่งปลายเท้าจูบริมฝีปากของเผยหนานเจวี๋ย จากนั้นก็หันหลังจากไป
เมื่อออกไปจากออฟฟิศจนกระทั่งมั่นใจว่าเผยหนานเจวี๋ยมองไม่เห็น ฉู่อีอีจึงเก็บรอยยิ้มบนใบหน้า
สีหน้าเย็นชา
ฉู่เจียเสวียน ฉันจะไม่ปล่อยเธอไปแน่นอน ต่อให้เผยหนานเจวี๋ยจะพูดว่าเธอไม่ได้สั่งให้ถังถังทำ ฉันก็จะคิดบัญชีนี้กับเธอ
เพื่อนสนิทของเธอทำให้ฉันไม่มีความสุข เช่นนั้นเธอก็อย่าคิดจะมีความสุขเลย เธอทำให้ฉันกลายเป็นตัวตลกของเมือง ฉันก็จะทำให้เธอกลายเป็นตัวตลกของทั้งประเทศ!
ตัดสินใจเช่นนี้ ริมฝีปากของฉู่อีอียกยิ้ม ขึ้นนั่งบนรถแล้วจากไปทันที
แสงอาทิตย์แจ่มใส อากาศที่สดชื่นสวยงามมีลมโชยอ่อน ท้องฟ้าเป็นสีครามยิ่งกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
ฉู่เจียเสวียนมาถึงบริษัทตั้งแต่เช้า เมื่อเธอไม่เห็นเงาของถังถัง ในใจก็ผิดหวัง
ไม่ใช่ว่าเธอยังโกรธอยู่หรอกนะ คิดในใจก็หยิบโทรศัพท์มือถือโทรหาถังถัง
เงียบงันเนิ่นนาน โทรศัพท์ก็ไม่มีคนรับสาย ฉู่เจียเสวียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอึดอัดใจ ถังถังยังโกรธเธออยู่ตามคาด
ที่จริงในเวลานี้ถังถังยังคงหลับอยู่ เมื่อคืนเธอนอนไม่หลับทั้งคืน จนกระทั่งหกโมงเช้าเธอถึงจะหลับลง ฉะนั้นฉู่เจียเสวียนโทรหาเธอครั้งนี้ เธอก็ต้องไม่ได้ยินอยู่แล้ว
ถอนหายใจในใจ ฉู่เจียเสวียนเดินก้าวเข้าไปในออฟฟิศ อีกประเดี๋ยวรอเธอมาค่อยง้อเธอก็ได้ เธอเชื่อว่าถังถังจะไม่โกรธเธอแน่นอน
พวกเธอสองคนเป็นพี่น้องที่ไม่แยกจากแม้ทะเลาะกันนี่นา จะทำสงครามเย็นเพราะเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น ถังถังก็ไม่ใช่คนขี้น้อยใจด้วย
คิดในใจแบบนี้ ฉู่เจียเสวียนก็สบายใจขึ้นมาบ้าง