บทที่ 352 ทำไมออกไปไหนไม่ได้

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 352 ทำไมออกไปไหนไม่ได้

หลินเป่ยเฉินตื่นขึ้นมาในอีก 3 วันให้หลัง

ก่อนที่จะลืมตาขึ้นมาอย่างแช่มช้า จมูกของเขาก็สูดดมได้กลิ่นหอมอ่อนโยน

เมื่อลืมตาขึ้นมอง หลินเป่ยเฉินก็เห็นแสงทองของยามเช้าส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง อาบไล้ใบหน้าที่สวยงามของนักพรตหญิงชิน ผู้ซึ่งกำลังชะโงกเข้ามาตรวจดูอาการของเขาอย่างใกล้ชิด

เส้นผมของนางตกลงมาระใบหน้าหลินเป่ยเฉิน ส่งผลให้เด็กหนุ่มรู้สึกจั๊กจี้เล็กน้อย

และมันก็ทำให้ใบหน้าของเขารู้สึกชาดิกลงไปถึงหัวใจ

หลินเป่ยเฉินกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เส้นผมของนางก็หล่นเข้ามาในปากเขาพอดี

นักพรตหญิงชินหันขวับกลับมามองด้วยแววตาเย็นเยือก แล้วนางก็ยืดตัวยืนตรงอย่างเชื่องช้า

เส้นผมถูกดึงออกไปจากปากของหลินเป่ยเฉิน

เด็กหนุ่มหน้าแดงก่ำ

นางจะรู้ไหมว่าเมื่อสักครู่นี้เขาไม่ได้ตั้งใจ?

แต่เขาหน้าตาออกจะหล่อเหลาขนาดนี้ นักพรตหญิงชินคงไม่ถือสาหาความหรอกกระมัง?

“เจ้ารู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง?” นักพรตหญิงชินสอบถามเสียงเรียบ ไม่มีลักษณะที่บ่งบอกว่าจะไม่พอใจแม้แต่น้อย

หลินเป่ยเฉินสูดหายใจลึกและเริ่มตรวจสอบร่างกายตนเอง

เขาพบว่าในร่างกายไม่มีพลังลมปราณเหลืออยู่เลย

หลินเป่ยเฉินลองโคจรพลังลมปราณ แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถรวบรวมพลังออกมาได้ ดูเหมือนว่าบัดนี้ระดับพลังในร่างกายของเขายังไม่ฟื้นตัวขึ้นมาสักเท่าไหร่

พลังจิตก็อ่อนแอเช่นกัน

เด็กหนุ่มปวดหัวตุบ

หรือถ้าจะอธิบายความรู้สึกให้ชัดเจนก็คือ เขากำลังรู้สึกเหมือนคนเมาค้างที่เพิ่งเดินทางกลับจากโรงพยาบาล หลังปีนบันไดขึ้นไปช่วยแมวที่ติดอยู่บนหลังคาตอนเมามาย ก่อนจะตกลงมากระแทกพื้นด้วยความสูงของตึกสามชั้น

การรับพลังจากเทพเจ้าเข้าร่างกายนี่ ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลยจริงๆ

หลินเป่ยเฉินถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยล้า

ขนาดตอนเป็นวัยรุ่นยังเหนื่อยถึงเพียงนี้ แล้วถ้าอายุเยอะกว่านี้ เขาจะทนรับพลังเทพเจ้าเหล่านั้นได้อย่างไร

“บัดนี้ข้ารู้สึกดีขึ้นแล้วขอรับ” หลินเป่ยเฉินพยายามฝืนยิ้มและกล่าวต่อไปว่า “ได้พักผ่อนอีกสักวันสองวัน ทุกอย่างน่าจะกลับมาเป็นปกติดังเดิม”

นักพรตหญิงชินพยักหน้าและกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “การเป็นร่างทรงเทพเจ้าคือเรื่องที่ดี ระดับพลังปราณธาตุของเจ้าอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม แต่น่าเสียดายที่พลังจิตยังอ่อนแอมากเกินไป เจ้าคือผู้ที่เทพีกระบี่เลือกสรรให้เป็นร่างทรงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เจ้ามีแต่ต้องทนทานให้ได้เท่านั้น อีกอย่าง เมื่อเจ้ามีสถานะเป็นผู้ที่ถูกเลือกแล้ว หลังจากนี้เจ้าก็จะได้รับผลประโยชน์มากมาย เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมก็แล้วกัน ช่วงนี้อาจลำบากหน่อย แต่อีกไม่นานเจ้าจะฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ”

เอาล่ะสิ

ตกลงว่าการเป็นร่างทรงเทพเจ้าอะไรเนี่ย มันต้องเป็นต่อไประยะยาวหรือเปล่า?

เทพีกระบี่หิมะไร้นามไม่เห็นบอกอะไรสักคำว่าจะมีผลกระทบตามมามากมายถึงเพียงนี้…

เขาไม่น่าเชื่อใจยัยเทพีนั่นมากเกินไปเลยจริงๆ…

หลินเป่ยเฉินรู้สึกว่าตนเองตกเป็นเหยื่อถูกเทพีกระบี่หิมะไร้นามหลอกลวงอีกแล้ว

“เจ้าพักผ่อนก่อนเถิด ตอนบ่ายจะมีแขกคนสำคัญแวะมาเยี่ยม” พูดจบ นักพรตหญิงชินก็หมุนตัวเดินออกไปจากห้อง

หลินเป่ยเฉินยันตัวลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก

สังเกตจากการตกแต่งภายในห้องและเสียงทะเลที่ดังอยู่ห่างออกไป คาดการณ์ได้ว่าบัดนี้เขากำลังอยู่ในที่พักผู้บาดเจ็บของวิหารเทพกระบี่นั่นเอง

มันเป็นสถานที่ใช้รักษาผู้บาดเจ็บที่มีอาการสาหัส

หลินเป่ยเฉินกำลังนั่งอยู่บนเตียงสีขาวและมีผ้าปูที่นอนสีขาว เขาเริ่มต้นใช้วิชามัจฉากลายร่างเป็นมังกรโคจรพลังลมปราณ แต่ร่างกายอ่อนล้าเกินไปหรืออย่างไรไม่ทราบ พลังลมปราณจึงไม่ไหลเวียนเลยแม้แต่นิดเดียว เด็กหนุ่มลองพยายามดูอีกหลายรอบ แต่ทุกครั้งที่กระแสลมปราณกำลังจะไหลพล่านไปทั่วร่างกาย มันก็เหมือนกับมีกำแพงเหล็กปิดกั้นมวลพลังนั้นไม่ให้ไหลผ่าน

ดูเหมือนว่าผลข้างเคียงจะหนักหนามากกว่าที่คิดแล้วสิ

แต่หลินเป่ยเฉินไม่รีบร้อน

เขานำโทรศัพท์มือถือออกมา

เมื่อดูหน้าจอก็ต้องเบิกตาโตด้วยความตกใจสุดขีด

เพราะแบตเตอรี่เหลืออยู่เพียง 5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง

ถ้าเขาหลับต่อไปอีกสักวันสองวัน โทรศัพท์ไม่ดับไปเลยหรือ?

ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะเขาได้ตายแน่ๆ

เด็กหนุ่มรีบใช้เหรียญทองคำชาร์จแบตโทรศัพท์มือถือ

เมื่อชาร์จแบตเต็มแล้ว หลินเป่ยเฉินก็น้ำตาจะไหล

หลังทำงานหนักหาเงินตัวเป็นเกลียว สุดท้ายเขาก็กลับกลายเป็นยาจกในชั่วข้ามคืน

เงินจำนวนนับหมื่นเหรียญที่ได้มาจากการพนันก่อนหน้านี้ หลงเหลืออยู่เพียงไม่กี่ร้อยเหรียญแล้วเท่านั้น

หลินเป่ยเฉินไม่รู้ว่าจะโทษให้เป็นความผิดของใครดี?

สงสัยคงต้องกลับมาหาเงินอีกแล้วสินะ

หลินเป่ยเฉินถอนหายใจและเริ่มต้นตรวจสอบโทรศัพท์

โชคดีที่แอปต่างๆ ในมือถือยังคงทำงานได้ตามปกติ และนั่นก็หมายความว่าร่างกายของเขายังคงเป็นปกติดีเช่นกัน

ด้วยเหตุนี้ หลินเป่ยเฉินจึงไม่ต้องรีบร้อน

เพราะเทพีกระบี่หิมะไร้นามเคยพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการรับพลังเทพเจ้า จะคงอยู่เป็นระยะเวลาเพียงไม่นาน แล้วทุกอย่างก็จะกลับสู่สภาพปกติดังเดิม

นักพรตหญิงชินก็เพิ่งยืนยันว่าอีกไม่นานเขาคงกลับมาเป็นปกติ

หลินเป่ยเฉินทำได้แค่รอคอยอย่างอดทนเท่านั้น

ไม่น่าเชื่อเลยว่าก่อนหน้านี้เขายังถูกยกย่องให้เป็นตัวแทนของเทพีกระบี่

มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ อยากจะสั่งประหารใครก็ได้

แต่บัดนี้ หลินเป่ยเฉินกลับทำได้เพียงนั่งโง่ๆ อยู่บนเตียง เหมือนปลาน้อยเกยตื้นที่รอคอยความตาย

หลังจากยืดเส้นยืดสายเล็กน้อย เด็กหนุ่มก็กระโดดลงจากเตียงและเดินไปเปิดประตู ตั้งใจจะออกไปสูดอากาศข้างนอก

ไม่คิดเลยว่าทันทีที่เปิดประตูออกไป…

“นายท่านจำเป็นต้องพักผ่อน ห้ามออกไปข้างนอกเด็ดขาดนะเจ้าคะ” เสียงอ่อนหวานของคนแปลกหน้าดังขึ้น

หลินเป่ยเฉินเพิ่งจะสังเกตเห็นว่ามีนักบวชสาวในชุดเกราะเหล็กสองนาง ยืนรักษาความปลอดภัยอยู่หน้าประตูห้องพักของเขา

พวกนางทั้งสองคนมีร่างกายสูงใหญ่ มัดกล้ามเนื้อกำยำไม่แตกต่างไปจากชายหนุ่ม ใบหน้าอำพรางด้วยหน้ากากโลหะสีเงินแวววาว นักบวชสาวทั้งสองคนนี้มีความสูงเท่ากัน ระดับพลังลมปราณที่แผ่ออกมาจากร่างกายก็เท่ากัน หลินเป่ยเฉินมองพวกนางที่ยืนอยู่คนละฝั่งของประตูด้วยความแปลกใจ ก่อนจะประสานมือทำความเคารพและถามด้วยน้ำเสียงสุภาพว่า

“ไม่ทราบพวกท่านเป็นใครหรือ?”

หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

ชุดเกราะที่พวกนางสวมใส่มีตราประทับลายดวงจันทร์ของวิหารเทพกระบี่เด่นหรา

หมายความว่านักบวชในชุดเกราะเหล็กทั้งสองนางนี้ ต้องเป็นคนของวิหารเทพกระบี่แน่นอน

แต่หลินเป่ยเฉินไม่เคยพบเห็นพวกนางในเมืองหยุนเมิ่งมาก่อน

“เรามาจากมหาวิหารเจาฮุยประจำมณฑลเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งให้มาอารักขาความปลอดภัยของนายท่านโดยเฉพาะ”

หนึ่งในนักบวชสาวตอบคำถามของเขาด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความเคารพสูงสุด

“นายท่านอย่างนั้นหรือ?”

หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วหนักกว่าเก่า

นี่เขาเป็นนายท่านตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

“นายท่านเป็นผู้ที่ถูกเลือกให้เป็นร่างทรงของเทพีกระบี่ ไม่ว่าจะเป็นสถานะหรือเกียรติยศ ล้วนมีลำดับชั้นสูงสุดตามกฎระเบียบของวิหารเทพ เพราะฉะนั้น พวกเราจึงมีฐานะเป็นผู้ติดตามของนายท่านเจ้าค่ะ”

นักบวชสาวทางซ้ายมืออธิบาย

ผู้ที่ถูกเลือก?

ร่างทรงของเทพีกระบี่?

ทำไมเป็นชื่อตำแหน่งที่ฟังดูไม่น่าไว้ใจเลยแฮะ

แต่เห็นได้ชัดว่าคงเป็นตำแหน่งสูงส่งในวิหารเทพแน่นอน

“ข้าอยากออกไปเดินสูดอากาศข้างนอกสักหน่อย ไม่ทราบว่าจะออกไปได้หรือไม่?”

หลินเป่ยเฉินพยายามขอร้อง

นักบวชสาวทางขวามือตอบว่า “ขออภัยนายท่านด้วยเจ้าค่ะ แต่พวกเราจำเป็นต้องรับประกันความปลอดภัยของท่าน จึงไม่สามารถอนุญาตให้นายท่านออกไปไหนได้จริงๆ”

“หา?” หลินเป่ยเฉินที่สมองกำลังว่างเปล่าขบคิดคำตอบจากนักบวชสาวด้วยความตึงเครียด สุดท้ายก็ถามออกไปว่า “หมายความว่าข้าอาจตกอยู่ในอันตรายได้ทุกเมื่ออย่างนั้นหรือ?”

นักบวชชาวทางซ้ายมือพยักหน้า “ใช่แล้วเจ้าค่ะ”

หลินเป่ยเฉินมีสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไปทันที เขาถอยหลังกลับเข้าไปในห้องพัก พร้อมกับพูดด้วยความฉุนเฉียว “ใครกันอยากจะมีปัญหากับข้า? มันไม่รู้หรือไงว่านอกจากเป็นเด็กหนุ่มที่หล่อที่สุดในเมืองหยุนเมิ่งแล้ว ข้ายังมีสถานะเป็นตัวแทนของเทพีกระบี่ผู้ศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย… เมื่อวันก่อนข้าก็เผาสาวกปีศาจกับตัดหัวพวกคนชั่วให้ดูแล้วนี่นา… แล้วยังจะมีใครกล้ามีเรื่องกับข้าอีกได้อย่างไร?”

ยิ่งพูดเด็กหนุ่มก็ยิ่งไม่เข้าใจ

นักบวชสาวในชุดเกราะเหล็กทั้งสองนางอดหัวเราะออกมาไม่ได้

“รอจนถึงตอนบ่าย เดี๋ยวนายท่านก็เข้าใจทุกอย่างเองเจ้าค่ะ” นักบวชสาวทางขวามือยิ้มตอบ