นานิหันไปส่งสายตาให้หลินจือ เพื่อบอกให้เธอสบายใจ แล้วหันกลับมาคุยกับสองคนนั้นต่อ

หลินจือไม่ได้กลัวว่านานิจะพูดมากเกินไป เพราะเธอรู้ว่านานิจะไม่ทำร้ายเธออย่างแน่นอน เธอแค่ไม่เข้าใจว่า ทำไมจู่ๆ นานิถึงเผยความลับเรื่องเทาเท่กำลังตามจีบภรรยาเก่าให้พวกเธอฟัง

“ภรรยาเก่า?” หนึ่งในนั้นตกใจจนอ้าปากหวอ

ส่วนอีกคนก็พูดขึ้นว่า “จีบภรรยาเก่าตัวเอง น่าตลกดีนี่”

นานิค่อยๆ พูดขึ้นมาเบาๆ “ฉันได้ยินมาว่าตอนนั้นเขาไม่ค่อยเห็นค่าภรรยาเก่าตัวเอง แต่ตอนนี้กลับพบว่าเธอดีที่สุดแล้ว เลยไม่ยอมลดละที่จะเข้ามายุ่งกับเธอ เป็นหมาดีๆ นี่เอง”

คนหนึ่งพูดขึ้นอีกว่า “คุณพูดมาก็เหมือนจะจำได้ว่า ตอนนั้นฉันได้เข้าร่วมงานฉลองครบรอบหนึ่งปีของฟอเรนากรุป ตอนนั้นคุณผู้หญิงปาใบหย่าใส่หน้าท่านประธานเทาเท่เยนะ”

หลังจากคนนั้นพูดจบก็อดถอนหายใจไม่ได้ “แต่น่าเสียดายตอนนั้นฉันยังไม่มีชื่อเสียงพอ ที่นั่งเลยอยู่เกือบท้ายแถว ทำให้เห็นหน้าจริงๆ ของคุณผู้หญิงไม่ชัด ถึงจะเห็นอยู่ไกลๆ แต่เค้าโครงหน้าและลักษณะเฉพาะตัวก็สวยจนน่าตกใจ”

นานิพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ตอนนั้นฉันอยู่ข้างหน้า เห็นชัดเลยล่ะว่าคุณผู้หญิงเธอสวยสุดๆ ไปเลย”

สำหรับนานิที่พูดเยินยอให้ตัวเองนั้น หลินจือถึงกับอายจนเกือบกัดลิ้นตัวเองตอนกำลังรับประทานอาหาร

เมื่อคิดย้อนกลับไป เธอคงต้องตบรางวัลเพื่อนซี้ที่สุดในประเทศให้นานิซะแล้ว คำกล่าวนี้สื่อถึงความเป็นเธอได้เลย นั่นก็คือคำว่ารักแท้โดยไม่ต้องสงสัย

สองคนนั้นหลงเชื่อคำพูดของนานิอย่างไม่นึกสงสัยสักนิด พลางจุ๊ปากพูดว่า “ถ้าเธอพูดจริง งั้นฉันอยากถามประธานเทาเท่มากๆ ว่า ตอนที่กำลังตามจีบภรรยาเก่าอยู่อย่างนี้ไม่อายบ้างเหรอ รู้สึกหน้าแตกไหม”

เมื่อหลังประโยคนี้หลุดออกมา นานิและนักแสดงสาวสองคนก็หัวเราะกันขึ้นมา

หลินจือที่ยืนอยู่ด้านข้างทนฟังไม่ไหวจึงยกมือดึงเสื้อของนานิไว้ นานิหันกลับมาแล้วกระซิบพูดกับเธอเบาๆว่า “ตอนนี้เธอกับเทาเท่อยู่ใกล้กันขนาดนี้ คงมีสักวันจะถูกแอบถ่ายเปิดโปง ฉันเอาเรื่องนี้มาบอกพวกเขาสองคนก่อน ให้คนอื่นรู้ไว้บ้างจะได้เป็นการป้องกันและไม่เข้าใจผิด”

“ขอบใจ……” หลินจือไม่คิดเลยว่านานิจะวางแผนเรื่องแบบนี้ล่วงหน้าไว้ให้เธอ ตอนนี้ซึ้งใจจนตากลมค่อยๆ แดงขึ้นเล็กน้อย

นานิพูดอย่างสดใสว่า “เธอมีความสุข ฉันก็มีความสุขด้วย”

คำพูดของนานิที่เพิ่งหลุดออกมา หลินจือเห็นหนึ่งในแสดงสาวสองคนจ้องมาที่เธอ เธอประหม่าเล็กน้อย ไม่ใช่ว่าเห็นเธอดูเหมือนภรรยาเก่าของเทาเท่กันหรอกนะ

อย่างที่คิด เมื่อได้ยินหนึ่งในสองคนนั้นพูดกับเธอว่า “นักเขียนหลินจือ ทำไมฉันรู้สึกว่า……หน้าตาของคุณ เหมือนภรรยาคนก่อนของประธานเทาเท่จังเลยล่ะคะ”

หลินจือหัวเราะเบาๆ “คุณคิดมากไปแล้ว ฉันเป็นแค่นักเขียนตัวเล็กๆ ไม่มีชื่อเสียงอะไร จะไปเกี่ยวข้องกับผู้ชายสูงส่งอย่างประธานเทาเท่ได้ยังไงล่ะคะ”

นานิที่ยืนอยู่ข้างๆ ช่วยพูดให้ว่า “เอ่อ คืนนั้นคุณผู้หญิงแต่งหน้าซะจัดเต็ม หลังจากลบเครื่องสำอาง ใครจะไปรู้ว่าเธอหน้าตาเป็นยังไง”

หลินจือ: “……”

นานิอาจจะเป็นเพื่อนซี้ที่สมบูรณ์แบบจริงๆ เวลาชมเธอไม่เคยนึกฝืนใจสักนิด และเมื่อมีการเหน็บแนมเธอก็ไม่เคยยั้งเลยเช่นกัน

“ก็จริง” สองคนนั้นเป็นนักแสดงกันทั้งคู่ เป็นที่เข้าใจชัดเจนของความแตกต่างระหว่างผู้หญิงก่อนแต่งหน้าและหลังแต่งหน้า เพราะงั้นหลินจือและเทาเท่จึงดูเหมือนว่าไม่มีเกี่ยวข้องกันอีก

แต่ขณะเดียวกันหลินจือก็ได้รับข้อความที่เจเทาวน์ส่งมาให้ เจเทาวน์ถามเธอว่า “อยากชวนประธานเทาเท่มาไหม”

พวกเขานั่งกันเป็นกลุ่มอยู่ที่โต๊ะยาวตัวหนึ่ง เพื่อไม่ให้เป็นที่น่าสงสัย หลินจือและนานิค่อนข้างเลือกนั่งให้ห่างจากเจเทาวน์ ดังนั้นเจเทาวน์จึงใช้วิธีการสื่อสารโดยส่งข้อความหาเธอ

หลินจือเงยหน้ามองเจเทาวน์แวบหนึ่ง ครุ่นคิดแล้วตอบกลับไปว่า “คืนนี้คุณเป็นเจ้ามือเลี้ยงทุกคน คุณตัดสินใจเลย”

เจเทาวน์ตอบกลับ “ผมเป็นเจ้ามือก็จริง แต่ผมแคร์ความรู้สึกคุณ ถ้าประธานเทาเท่มาแล้วทำให้คุณไม่สบายใจ งั้นก็ไม่ต้องเชิญ”

คำพูดของเจเทาวน์ตรงไปตรงมาแต่กลับดูไม่ชัดเจน แม้ว่าพวกเขาจะยกเลิกความสัมพันธ์เพียงผิวเผินนั้นไปแล้ว แต่เขาไม่เคยละทิ้งความเป็นเพื่อนกับเธอเลย

หลินจือเพียงแค่ตอบกลับไปว่า “งั้นก็อย่าชวนเขามาเลย”

เจเทาวน์เข้าใจอย่างง่ายดาย “งั้นผมจะไปชนแก้วกับเขานะ”

ตอบหลินจือเสร็จ เจเทาวน์บอกกับทุกคนแล้วยกแก้วเหล้าไปที่ห้องส่วนตัวข้างๆ เพื่อไปหาเทาเท่

เทาเท่อยู่ห้องข้างๆ และการรับประทานอาหารร่วมกับโซเมนนั้นช่างเงียบเหงาเหลือเกิน

โซเมนถูกเทาเท่รั้งไว้เพื่อค้ำจุนที่แห่งนี้ ไม่อย่างนั้นเทาเท่คงต้องได้นั่งรับประทานอาหารอยู่ในห้องขนาดใหญ่นี้คนเดียวเหงาๆ คงดูน่าอายมากๆ

โซเมนแขวะอย่างไม่นึกเกรงใจ “อาหารห่วยขนาดนี้ นายสั่งอะไรมาเนี่ย แล้วพวกร้านอาหารที่ฉันเป็นเจ้าของอร่อยไหม?”

โซเมนเป็นคนชอบจุกจิกเรื่องรสชาติอาหารและเครื่องดื่ม ไม่อย่างนั้นคงไม่มีร้านอาหารเป็นของตัวเอง จึงเอาชนะด้วยเชฟที่เก่งที่สุด โดยเฉพาะเพื่อความพึงพอใจความอยากของปากตัวเอง

เทาเท่ตำหนิเขา “อาหารจะอร่อยแค่ไหน ถ้ามีสาวที่ชอบอยู่ใกล้ก็จะอร่อยขึ้นทั้งนั้น”

โซเมนหัวเราะเยาะใส่เขา “ฉันเข้าใจคำว่าเห็นสาวดีกว่าก็วันนี้แหละ”

ตั้งแต่เทาเท่รู้ใจของตัวเองต่อหลินจือ ในสายตาก็ไม่เคยมีคำว่ามิตรสหายสำหรับพวกเขาเลย

เป็นขณะเดียวกันที่เจเทาวน์เคาะประตูแล้วเดินเข้ามา เห็นในห้องส่วนตัวมีแค่เทาเท่และโซเมนกันเพียงสองคน คงไม่มีอะไรให้น่าหัวเราะไปมากกว่านี้

เจเทาวน์เดาได้ทันทีว่าเทาเท่ทำไมถึงมาอยู่นี่ เพราะรู้ว่าหลินจือมาปาร์ตี้ เขาจึงไม่สะดวกไปเข้าร่วมงานด้วย ทำได้เพียงมารออยู่ห้องข้างๆ เป็นพฤติกรรมที่น่าสมเพชเสียจริง

ทว่าเขายังคงเดินถือแก้วเหล้าเข้ามาอย่างเรียบนิ่ง “ประธานเทาเท่ ประธานโซเมนครับ พอดีทราบมาว่าประธานเทาเท่มาทานข้าวอยู่ข้างๆ ผมจึงเดินมาชนแก้วด้วยครับ”

เทาเท่และโซเมนทั้งสองคนชนแก้วกับเจเทาวน์แล้วดื่มไปหนึ่งอึก โซเมนเอ่ยปากพูดอย่างตรงไปตรงมา “ไม่งั้นนายก็พาเราไปสนุกกับทุกคนด้วยสิ?”

เจเทาวน์ปวดหัวขึ้นมานิดหน่อย เขาเพิ่งตอบหลินจือว่าจะไม่ชวนเทาเท่ไป แต่เจเทาวน์ก็ไม่คิดว่าห้องปาร์ตี้ข้างๆ จะมีแค่เทาเท่และโซเมนเพียงสองคน เขายังคิดว่าเทาเท่มีนัดปาร์ตี้กับหุ้นส่วนธุรกิจอยู่เลย…

สุดท้ายจึงพูดได้เพียง “ถ้าทั้งสองท่านไม่รังเกียจ งั้นก็ไปร่วมกับเราก็ได้ครับ”

โซเมนก็คว้าแก้วของตัวเองแล้วลุกเดินไปทันที เหลือไว้เพียงเทาเท่และเจเทาวน์สองคน ชายหนุ่มที่ทั้งหล่อสูงหุ่นดีและโดดเด่นต่างมองหน้ากันแล้วไปคนละทาง

เจเทาวน์พาเทาเท่กับโซเมนกลับไปที่ห้องพิเศษแล้วแนะนำเพียงสั้นๆ ว่า พวกเขาทั้งสองคนจะมาเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำในคืนนี้ด้วย แล้วบรรยากาศคึกคักภายในห้องก็ถูกจุดไฟขึ้นมาทันที

หลินจืองุนงงไปหมด

แต่จะทำอย่างไรได้ เมื่อโซเมนทำตัวเหมือนผีเสื้อเดินร่อนถือแก้วเหล้ามานั่งลงข้างเธอ เขายิ้มร่าแล้วพูดเสียงใส “คุณนักเขียนหลินจือ ผมพอจะมีเกียรตินั่งข้างคุณไหมครับ”

ต่อหน้าผู้คนมากมาย หลินจือจะพูดอะไรได้อีก

จึงทำได้เพียงยิ้มตามมารยาทแล้วพูดว่า “เป็นเกียรติของฉันมากกว่าค่ะ”

หลินจือพูดจบ โซเมนก็ยกมือเรียกเทาเท่ “เทาเท่ มานั่งนี่”

หลังจากนั้นเทาเท่ผู้ได้รับเชิญจากโซเมน จึงได้นั่งข้างหลินจือตามคำเชิญ รอยยิ้มจอมปลอมบนใบหน้าของหลินจือไม่อาจรักษาไว้ได้อีกต่อไป

เธอกลัวเทาเท่ และรู้อยู่แล้วว่าเขาน่ะดื้อด้าน ดังนั้นสู้เธอกลับแล้วค่อยเจอกับเขาที่บ้านเสียยังดีกว่า