หลิงฮันมาพบกับหยินหงและบอกกันนางว่าเขาจะไม่เข้าร่วมการแข่งขันปรุงยาเท่านั้น แต่จะเข้าร่วมการแข่งขันวรยุทธด้วย
“ข้ารู้เรื่องนั้นแล้ว และข้าได้ใส่ชื่อของเจ้าลงไปแล้ว” หยินหงกล่าว
“เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะตกตายระหว่างการต่อสู้เลยหรือถึงใส่ชื่อของข้าลงไปโดยที่ไม่ถามข้าก่อน?” หลิงฮันยิ้ม
“หึ่ม เจ้าดูเป็นคนประเภทที่ชื่นชอบการต่อสู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพบกับอัจฉริยะในรุ่นเดียวกัน นี่ยังไม่พูดถึงซวนหยวนจื่อกวงเลยนะที่ต้องการแย่งชิงภรรยาของเจ้า!”หยินหงจ้องมองหลิงฮัน
“นางไม่ใช่ภรรยาของข้า” หลิงฮันถอนหายใจ
“ถ้าไม่ใช่ภรรยาของเจ้า แล้วทำไมพวกเจ้าถึงติดหนึบกันขนาดนี้?” หยินหงไม่เชื่อคำพูดของหลิงฮันแม้แต่น้อย นางยังคงยืนอยู่ด้านหลังหลิงฮันและจับชายเสื้อของเขา ส่วนมืออีกข่างหนึ่งถือก้อนหิน
หลิงฮันถอนหายใจออกมาอีกครั้ง และเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเกาะเขาไม่ปล่อยยิ่งกว่าฮูหนิวเสียอีก อย่างน้อยฮูหนิวยังใช้อาหารหลอกล่อได้ แต่วิธีนั้นใช้กับเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนไม่ได้
“ข้าเข้าใจแล้ว! ข้าเข้าใจแล้ว! พวกเจ้าคือคู่แต่งงานใหม่ ข้ารู้สึกอิจฉาพวกเจ้ายิ่งนัก!” หยินหงกล่าว “โปรดจำให้ขึ้นใจด้วยว่าพรุ่งนี้ตอนเที่ยงคือการแข่งขันปรุงยา เจ้าอย่าหักโหมใช้พลังงานมากเกินไปล่ะ เพราะมันอาจทำให้เจ้าปรุงเม็ดยาไม่ได้”
“ผู้หญิงอันธพาล!” หลิงฮันเถียงสู้นางไม่ไหว
สำหรับเขาที่เป็นจักรพรรดินักปรุงยา เรื่องปรุงยาถือเป็นเรื่องเล็กน้อย และไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับมัน ในตอนกลางคืน หลิงฮันใช้เวลาอยู่กับการฝึกฝนวรยุทธ เขาต้องการผสานอาคมกระดูกเข้ากับปราณดาบ
อักขระอสูรพังพอนเฒ่านั้นน่าทึ่งมาก มันสามารถเพิ่มพลังโจมตีได้เป็นสองเท่า
ถ้าสามารถผสานอาคมกระดูกได้ เขาก็จะมีความมั่นใจที่จะจัดการซวนหยวนจื่อกวงมากขึ้น จากความมั่นใจห้าสิบเปอร์เซ็นต์
“ตั้งแต่ที่ข้าสามารถควบแน่นปราณดาบได้ มันสามารถเรียกได้ว่ากึ่งรัศมีดาบได้หรือไม่และสามารถใช้หมื่นแปรผันเป็นหนึ่งได้หรือไม่?”
“โดยพื้นฐานของทักษะดาบลึกลับสามพันเล่มแล้ว การโจมตีสามพันครั้งจะเท่ากับครั้งเดียว…ข้าเชื่อว่าการโจมตีดังกล่าว แม้แต่จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณยังต้องถูกฆ่า!”
“และอีกอย่างเจ้าต้องระวังผู้คนจากนิกายดาบสวรรค์ให้ดี นิกายโบราณนี้มีมานานมากกว่าสองหมื่นปี”
อย่างไรก็ตาม หลิงฮันสร้างได้แค่กึ่งรัศมีดาบ ปราณดาบของเขาไม่มีความเสถียรแม้แต่น้อย
หลิงฮันตั้งชื่อดาบเล่มใหม่ว่า “ดาบปีศาจม่วง” เพราะมันถูกสร้างขึ้นมาจากแร่เหล็กมังกรม่วง แต่ด้วยพลังของมันในปัจจุบันยังเทียบกับดาบกระดูกที่เป็นอาวุธวิญญาณระดับหกไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ดาบปีศาจม่วงนั้นมีประสิทธิภาพที่จะเหนือกว่าดาบกระดูก ตราบใดที่หลิงฮันผนึกเจตจำนงของตัวเองลงไปอย่างต่อเนื่อง มันก็จะกลายเป็นอาวุธวิญญาณ
“หยุดคิดนอกเรื่องได้แล้ว ทำจิตใจของเจ้าให้สงบและฝึกฝนดาบต่อ”
ภายในหนึ่งคืน ทักษะหมื่นแปรผันเป็นหนึ่งมีความก้าวหน้าเล็กน้อย แต่หลิงฮันเชื่อว่าวันหนึ่งมันจะต้องสมบูรณ์
อย่างไรก็ตาม ท้องฟ้าได้สางแล้ว และในไม่ช้าก็ถึงเวลาเที่ยงวัน
หลิงฮันออกมาจากหอคอยทมิฬ หลังจากกินข้าวเสร็จ เขาก็ไปเข้าร่วมการแข่งขันปรุงยาพร้อมกับหญิงสาวทั้งสามคน
ตำหนักสมบัติวิญญาณแต่ละภูมิภาคได้มารวมตัวกันที่ตำหนักสมบัติภูมิภาคกลาง มีผู้คนมากกว่าร้อยคนรวมตัวกันอยู่ที่นี่
การแข่งขันครั้งนี้ไม่เพียงแต่เพื่อความสัมพันธ์ระหว่างสาขาและความรุ่งโรจน์ของสำนักงานใหญ่เท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญบางอย่าง โดยที่คะแนนที่ได้จะเป็นตัวตัดสินหยินหงและคนอื่นให้เป็นผู้นำตำหนักสมบัติวิญญาณในอนาคต
ดังนั้น หยินหงจึงรู้สึกตื่นเต้นมาก
รุ่นเยาว์ที่รับผิดชอบตำหนักสมบัติวิญญาณภาคตะวันออกคือหยินเฮ่าฉี ตำหนักสมบัติวิญญาณภายตะวันตกคือหยินจือหมิง ตำหนักสมบัติวิญญาณภาคใต้คือหยินเล่อ ตำหนักสมบัติภูมิภาคกลางคือหยินซือ เมื่อรวมกับหยินหงแล้วพวกเขาคือผู้นำรุ่นเยาว์ทั้งห้าคน
พวกเขาทุกคนมีอายุยี่สิบปี ในท้ายที่สุดจะมีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่มีสิทธิ์ได้รับเลือกเป็นผู้นำตำหนักสมบัติวิญญาณ คนอื่นจะถูกคัดออก แล้วจะเลือกรุ่นเยาว์ตระกูลหยินห้าคนเพื่อคัดเลือกเป็นผู้นำคนต่อไป
ในบรรดาผู้อาวุโสสูงสุด หากมีคนใดเสียชีวิตไม่ว่าจะด้วยอุบัติเหตุหรืออะไรก็ตามจะมีคนสืบทอดตำแหน่งต่อตามลำดับและมีหลายคนรอสืบทอดตำแหน่งอยู่
สำหรับผู้เข้าร่วมการแข่งขันปรุงยา พวกเขาทุกคนต่างเป็นอัจฉริยะที่น่าทึ่ง คนที่มีระดับสูงสุดคือนักปรุงยาระดับปฐพีขั้นสูงและมีอายุเพียงแค่ยี่สิบเก้าปีเท่านั้น
คนผู้นั้นมีนามว่าเสวียนจี้หยุนจากภูมิภาคใต้ ส่วนนักปรุงยาอีกสามคนที่เหลือเป็นนักปรุงยาระดับดำขั้นสูง
หากได้เป็นนักปรุงยาระดับดำขั้นสูงก่อนอายุสามสิบปีเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมอย่างมาก และมันจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นสัมผัสสวรรค์หรือจำนวนเม็ดยาที่ปรุงได้ในแต่ละครั้ง
แต่ทว่าการแข่งขันปรุงยาในครั้งนี้มันดูน่าสงสัยมากที่สุด เพียงแค่สถานะนักปรุงยาระดับปฐพีขั้นสูงก็ฟังดูเหมือนเป็นผู้ชนะแล้ว ส่วนนักปรุงยาอีกสามคนนั้นสูญเสียจิตใจที่จะต่อสู้ของพวกเขาไป แต่ทว่าหยินหงเพียงคนเดียวที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ
นางคงไม่ได้เชิญนักปรุงยาระดับสวรรค์มาหรอกใช่หรือไม่?