DC บทที่ 272: การลงโทษ

 

ยามเมื่อพวกเขาเข้าไปในบ้านแล้ว หวังชูเหรินก็กล่าวว่า “เจ้าเป็นคนอันตรายจริงๆ หึ”

 

ซูหยางยิ้ม

 

“เจ้ามาที่นี่เพื่อที่จะพูดเพียงคำนี้รึ”

 

“หรือเจ้าจะมีความสุขมากกว่าถ้าข้าพูดว่าข้ากังวลเรื่องเจ้าหลังจากที่ได้ยินว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่”

 

“อะไรที่เจ้าได้ยินมา นอกจากพวกศิษย์เหล่านั้นจากไป ก็เกือบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”

 

หวังชูเหรินพลันเงียบลงไปชั่วขณะก่อนที่จะถามว่า “จอมยุทธลึกลับนั้นที่ช่วยนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย…เจ้ามีความสัมพันธ์กับเขาหรือไม่”

 

“อะไรที่ทำให้เจ้าคิดเช่นนั้น”

 

“ถ้าเจ้ามีอาจารย์จากทวีปศักดิ์สิทธิ์กลาง มันก็จะค่อนข้างสมเหตุผลว่าทำไมเจ้าจึงมีประสบการณ์มากเช่นนั้นแม้ว่าจะอยู่ในวัยเยาว์…บางที”

 

“นั่นเป็นสิ่งที่ผู้นำนิกายของข้าพูดรึ ว่าเขามาจากทวีปศักดิ์สิทธิ์กลาง”

 

แม้ว่าเขาไม่ได้คาดคิดว่าการปลอมแปลงจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับทวีปศักดิ์สิทธิ์กลาง เขาก็ไม่ประหลาดใจที่โหลวหลานจีได้ข้อสรุปเช่นนั้น

 

“เธอพูดผิดรึ” หวังชูเหรินเลิกคิ้ว

 

ซูหยางยักไหล่กล่าวว่า “ข้ามิทราบในเมื่อข้ามิได้มีความสัมพันธ์ใดกับเขา”

 

หวังชูเหรินจ้องมองเขาด้วยดวงตาแสดงความสงสัย

 

หลังจากเงียบไปชั่วขณะ ซูหยางก็พูดขึ้นว่า “มีอะไรที่เจ้าต้องการพูดก่อนที่ข้าจักกลับไปฝึกฝนวิชาหรือไม่ การแข่งขันระดับภูมิภาคเหลืออีกไม่กี่เดือนเท่านั้น ดังนั้นข้ามิอาจเสียเวลามาผ่อนคลาย”

 

ซูหยางพูดด้วยน้ำเสียงราวกับว่าเขาจะต้องพบกับหายนะระหว่างการแข่งขันระดับภูมิภาคหากเขาไม่ฝึกวิชา

 

“อะไรกัน นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยจักเข้าร่วมการแข่งขันระดับภูมิภาครึ”

 

หวังชูเหรินมีท่าทางประหลาดใจ

 

“แน่นอน ทำไมเราจึงมิเข้าร่วมล่ะ”

 

“นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยมีศิษย์มากพอที่จะเข้าร่วมรึ ถ้าข้านึกดูแล้วเจ้าต้องการอย่างต่ำ 10 คนที่มีคุณสมบัติสำหรับกิจกรรมนี้”

 

“เรามี”

 

“…”

 

หวังชูเหรินจ้องมองซูหยางชั่วขณะก่อนที่จะถามว่า “และจากการฝึกคู่รึ เจ้าหมายถึงการเล่นกับเด็กสาวข้างนอกเหล่านั้นนะรึ”

 

เสียงของเธอฟังดูเหมือนแข็งกระด้าง ราวกับว่าเธอไม่เห็นด้วยกับวิธีเช่นนั้น

 

ซูหยางยิ้มและกล่าวอย่างเยือกเย็นว่า “นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยปกติเป็นสถานที่แบบนั้นอยู่แล้ว”

 

“ช่างน่าด้านนัก..”

 

“มิใช่ว่าเจ้ารู้อยู่แล้วนับตั้งแต่เราพบกันครั้งแรกรึ เจ้าจำข้าว่าเป็นศิษย์จากนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยได้ในทันที หลังจากนั้น”

 

“เอ้อ นั่นก็จริง…แต่…”

 

หวังชูเหรินเงียบไป และหลังจากนั้นชั่วขณะเธอก็ถามว่า “นานเท่าไหร่…ปกติแล้วมันใช้เวลานานเท่าไหร่”

 

“อะไรที่ใช้เวลานานเท่าไหร่” ซูหยางแสร้งทำเป็นว่าไม่เข้าใจคำถามของเธอ

 

“เจ้าก็รู้ ฝึกวิชาไง”

 

“หือ เจ้าสนใจรึ”

 

ใบหน้าหวังชูเหรินแดงขึ้นสามารถสังเกตเห็นได้

 

“เออ กิจกรรมแต่ละครั้งแตกต่างกันไปขึ้นกับคู่ฝึกของข้า กล่าวไปแล้วส่วนใหญ่คนที่นี่มิอาจอยู่ได้เกินครึ่งชั่วโมง”

 

ซูหยางส่ายหน้า อย่างไรก็ตามการขาดคุณภาพนั้นสามารถทดแทนได้ด้วยปริมาณ แม้ว่ากิจกรรมที่เขามีกับเหล่าศิษย์นั้นสั้น แต่ก็ปกติแล้วจะมีคนรอเขาด้านนอกอยู่แล้ว

 

“เจ้าโอ้อวดเกินไปหรือเปล่า” หวังชูเหรินมองดูเขาด้วยท่าทางแปลกประหลาด

 

“ข้าก็พูดไปตามความเป็นจริง ถ้าเจ้าต้องการ ข้าสามารถแสดงให้เจ้าเห็นได้” เขากล่าวพร้อมรอยยิ้ม

 

“เจ้าถามข้าเช่นนั้นอย่างจริงจังเลยรึ ถ้าเจ้ามิรู้ ข้ายังบริสุทธิ์อยู่นะ”

 

“จริงรึ ทั้งที่เจ้ามักจะสวมเสื้อผ้าทรงเสน่ห์แบบนั้นนะรึ ข้ามิคาดว่าเจ้ายังคงเป็นหญิงพรหมจรรย์อยู่”

 

ซูหยางทำท่าประหลาดใจราวกับว่าเขาไม่อยากเชื่อ

 

“เจ้าล้อเลียนข้ารึ” หวังชูเหรินขมวดคิ้ว “เพียงเพราะข้าต้องการดึงดูดสายตาคนอื่นมิได้หมายความว่าข้าพยายามจับพวกเขา”

 

“ข้าเพียงชื่นชมเจ้าว่ามีเสน่ห์ของหญิงสาว”

 

ซูหยางถอนใจ

 

“โอ…เป็นอย่างนั้นรึ”

 

หวังชูเหรินพลันหน้าแดง เธอไม่คิดว่าซูหยางจะชมเธอแบบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อปกติแล้วเขามักจะวางเฉยต่อเธอ ราวกับว่าเขาไม่ได้มองเธอเป็นหญิงซึ่งสร้างความรู้สึกแปลกๆให้กับเธอ

 

หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะหวังชูเหรินถอนหายใจลึกก่อนที่จะพูดว่า “ซูหยางเจ้าจำสิ่งที่เจ้าพูดกับข้าก่อนที่เจ้าจะจากนิกายดอกบัวเพลิงได้หรือไม่”

 

ซูหยางเลิกคิ้วด้วยท่าทางสงสัย เขาได้กล่าวอะไรไว้กับเธอรึ เขาจำเหตุผลอันแปลกประหลาดนั้นไม่ได้

 

หวังชูเหรินกำมือทั้งสองข้างของเธอแน่น ขณะที่เธอพูดขึ้นว่า “ที่ว่าเจ้าจักลงโทษข้าถ้าข้าหย่อนยานการฝึกฝน เอ้อ…บอกเจ้าตามตรง ข้าได้หย่อนยาน…เป็นอย่างมาก…”

 

ซูหยางจ้องเธอด้วยดวงตาเบิกกว้าง เขาไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ดีในเวลานี้ ในเมื่อเขาไม่ได้คาดคิดถึงสถานการณ์นี้

 

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” ซูหยางพลันระเบิดเสียงหัวเราะในเมื่อเขาไม่อาจกลั้นหัวเราะต่อไปไหว

 

หวังชูเหรินใบหน้าพลันแดงก่ำ เช่นเดียวกับชุดของเธอที่บ่งบอกถึงเพลิงที่ลุกไหม้ แน่นอนว่าเธอได้ฝึกฝนอย่างขยันขันแข็งทุกวันและสิ่งที่เธอพูดนั้นเป็นคำโกหก อย่างไรก็ตามเธอต้องการใช้โอกาสนี้ชักนำความสัมพันธ์ของพวกเขาไปอีกขั้น บางสิ่งที่เธอได้คิดมานับตั้งแต่ซูหยางปรากฏตัวที่นิกายดอกบัวเพลิงและเธอคิดว่านี่เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการเร่งรัดความปรารถนาปัจจุบันของเธอ

 

และดูเหมือนว่าวิธีแปลกประหลาดของหวังชูเหรินอาจจะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพชัดเจนในการส่งเจตนาของเธอไปยังซูหยาง

 

“หยุดหัวเราะแล้วพูดอะไรบางอย่างได้แล้ว ซูหยาง ข้าจักจากไปเดี๋ยวนี้ถ้าเจ้ายังมิหยุด”

 

หวังชูเหรินรู้สึกเหมือนอยากจะผลักประตูออกไปในเวลานี้เนื่องจากความอาย

 

ซูหยางปาดน้ำตาออกและพูดว่า “เจ้าต้องการข้าให้ลงโทษเจ้ารึ หึ ก็ได้…”

 

เขาพลันยืนขึ้นและตรงเข้าไปหาเธอ

 

“การลงโทษประเภทไหนที่เจ้าคิดว่าสมควรได้รับในสถานการณ์เช่นนี้” เขาถามเธอ

 

“ข-ข้ามิรู้—”

 

ซูหยางพลันขยับหน้าตรงไปและสัมผัสริมฝีปากเธอด้วยปากของเขา ขณะที่เธออ้าปากเพื่อจะพูด

 

หลังจากที่จูบแบบนิ่มนวลให้กับเธอแล้ว ซูหยางก็ก้าวถอยออกมาและพูดด้วยรอยยิ้มหล่อเหลาบนใบหน้าว่า “บางอย่างเช่นนี้”

 

หวังชูเหรินไม่ได้ตอบสนองทั้งที่เวลาผ่านไปแล้วหลายวินาที ด้วยว่าเธอตะลึงงันไปอย่างสมบูรณ์แบบกับการกระทำของซูหยางก่อนนี้

 

“หรือว่านั่นเป็นการลงโทษที่เบาเกินไป บางทีข้าควรทำบางอย่างที่น่าหวาดกลัวต่อเจ้า บางอย่างที่ไม่สามารถย้อนคืนได้ เจ้าคิดว่าอย่างไร” เขาถามเธออีกครั้ง มือของเขาค่อยลูบไล้อย่างนุ่มนวลไปบนใบหน้าเนียนเรียบของเธอ

 

หวังชูเหรินร่างกายสั่นสะท้านกับการสัมผัสของเขา

 

“อะไรก็ตามที่เจ้าตัดสินใจทำ…ข้าสมควรได้รับ…” หวังชูเหรินพูดหลังจากที่กล้ำกลืนน้ำลาย

 

ซูหยางพยักหน้าและเริ่มยื่นมือไปยังเสื้อผ้าของเธอ