DC บทที่ 273: ลงโทษหวังชูเหริน

 

ครั้นเมื่อมือของซูหยางไปถึงสายรัดเอวที่ผูกเสื้อคลุมของหวังชูเหรินไว้ เขาก็ค่อยดึงมันออกอย่างช้าๆจนทำให้เสื้อคลุมเปลวเพลิงร่วงหล่นลงสู่พื้น

 

หวังชูเหรินหน้าแดงเมื่อเธอเห็นสายตาของซูหยางจ้องไปยังร่างของเธออย่างตั้งใจ อย่างไรก็ตามน่าแปลกเป็นอย่างยิ่งที่เธอไม่รู้สึกอึดอัดแต่อย่างไร ไม่เหมือนกับสายตาสกปรกหื่นกระหายของผู้คนที่มองมายังเธอตามปกติ สายตาของซูหยางเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและรักใคร่ เป็นความรู้สึกสบายอย่างแท้จริงจนทำให้ร่างกายของเธอรู้สึกอบอุ่น

 

“ซ-ซูหยาง…”

 

หวังชูเหรินมองดูเขาด้วยสายตากระวนกระวายเล็กน้อย ดูเหมือนว่ากังวลเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ในเมื่อเธอไม่ได้คาดว่าจะได้ผลลัพธ์เช่นนี้นับตั้งแต่แรก

 

“อย่ากังวล ข้าจักนำพาเจ้า..และร่างกายเจ้าเอง”

 

ซูหยางพูดขณะที่เขาดึงเธอไปสู่เตียง

 

หวังชูเหรินนอนลงบนเตียงพร้อมกับชุดชั้นในสีดำเรียบ เสริมความงามเต็มสาวของเธอมากยิ่งขึ้น

 

“ถ้านี่ใช้เวลานานเกินไป คนของข้าจักต้องมีข้อสงสัย…”

 

หวังชูเหรินพลันกล่าวกับเขา

 

ซูหยางพยักหน้าและทำการเอาเอี้ยมสีดำที่ปกปิดเต้าใหญ่ของเธอออก

 

ครั้นเมื่อนำออกแล้วถันสวยคู่ใหญ่สีอ่อนจางพร้อมกับปลายถันสีชมพูน่ารักก็เผยออกมาต่อหน้าซูหยาง ซึ่งใช้ดวงตาลิ้มลองมันในทันที

 

จากคู่รักทุกคนในโลกใบนี้ของเขา ไม่ว่าจะเป็นอกหรือตะโพก หวังชูเหรินถือว่าเป็นคนที่มีสัดส่วนใหญ่ที่สุด อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะมีขนาดใหญ่เช่นนั้น เธอก็ยังคงความสง่างามอีกทั้งร่างกายของเธอก็ยังแบบบางและสูง เกือบเหมือนกับนาฬิกาทราย

 

บ้าแล้วกระทั่งในสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ นั่นก็ยังมีไม่มากนักสำหรับคนที่เขารู้จักที่สามารถเบียดหวังชูเหรินในเรื่องของขนาดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสองแตงบนอกของเธอ

 

“ขอล่วงเกินแล้ว…”

 

ต้องการจะรู้รสแตงของเธอ ซูหยางวางปากของเขาไปบนเต้าของหวังชูเหรินอย่างรวดเร็วแต่นุ่มนวล ก่อนที่จะใช้ลิ้นของเขาหยอกล้อกับปลายถันที่แข็งตัว

 

“อา”

 

หวังชูเหรินส่งเสียงครวญครางขณะที่ความรู้สึกพ้นโลกโอบล้อมทั่วทั้งกายเธออย่างรวดเร็ว

 

หลังจากหยอกล้อกับอกของหวังชูเหรินต่อไปอีกชั่วขณะ ซูหยางพลันเลื่อนมือของเขาไปยังชั้นในที่ปกปิดห้องสมบัติของหวังชูเหรินไว้

 

เขาพลันใช้นิ้วของเขาโลมไล้กลีบดอกไม้ที่เปียกโชกในขณะที่ยังคงดูดดื่มกับอกของเธอ จนทำให้หวังชูเหรินร้องครวญครางดังยิ่งขึ้น

 

“อา…อาาา….อาาาาาาา”

 

หวังชูเหรินรู้สึกสุขสบายอย่างบอกไม่ถูกในเวลานี้ และทั้งหัวใจและจิตใจของเธอก็เติมเต็มไปด้วยความหื่นกระหาย

 

“ซ-ซูหยาง…”

 

หวังชูเหรินจ้องมองไปยังใบหน้าหล่อเหลาของซูหยางด้วยดวงตาเปี่ยมเสน่หา เธอไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครคนใดมาก่อน อย่าว่าแต่เด็กหนุ่มที่มีอายุเพียงครึ่งของเธอ ส่วนความกระวนกระวายของเธอนั้นมันหายไปนานแล้วโดยที่เธอไม่รู้สึกตัว

 

เวลาต่อจากนั้น ซูหยางก็ดึงมือของเขาออกจากชั้นในของหวังชูเหริน และปราณหยินของเธอก็หยดหยาดไปทั่วเตียงจากมือของเขา

 

คิดถึงสิ่งที่ซูหยางทำไป หวังชูเหรินก็ใช้โอกาสนี้พักหายใจจากการครวญครางทั้งหมด แต่ก่อนที่เธอจะทันได้พักนานอีกสองสามวินาที มือของซูหยางก็ได้ดึงเอาชั้นในชิ้นสุดท้ายที่ป้องกันเธอไม่ให้เปลือยอย่างสมบูรณ์ทิ้งไป

 

ยามเมื่อชั้นในชิ้นสุดท้ายถูกถอดออกไปจากร่างของหวังชูเหริน ซูหยางก็กางขาของเธอออกและเลื่อนปากของเขาไปยังน้องสาวตัวน้อยที่เปียกโชก

 

ซูหยางจูบลงไปบนร่องที่ชุ่มโชกก่อนที่จะรุกล้ำเข้าไปในถ้ำของหวังชูเหรินด้วยลิ้นที่คล้ายกับงู

 

“อาาาาาา”

 

น้ำหวานไหลหลั่งอย่างต่อเนื่องออกมาจากกายส่วนล่างของหวังชูเหรินขณะที่เธอกำลังร่ำร้องเสียงดัง และเธอก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีกระแสไฟฟ้าเต้นระริกอยู่ในเลือดเนื้อ ซึ่งเป็นเหตุให้ร่างกายของเธอสั่นสะท้านไปด้วยความสุข

 

หลังจากที่ซูหยางพึงพอใจกับรสชาติของปราณหยินของหวังชูเหรินแล้ว เขาก็เริ่มถอดเสื้อคลุมของตนเอง

 

หวังชูเหรินลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆเมื่อเธอได้ยินเสียงเสื้อผ้าของซูหยางตกลงสู่พื้น แม้ว่าใจเธอยังคงรู้สึกแปลกและยุ่งเหยิงหลังจากที่ได้ลิ้มลองลิ้นของซูหยาง เธอจำสิ่งที่อยู่ระหว่างขาของซูหยางที่คล้ายกับกระบี่ที่ชี้ตรงสู่สวรรค์ได้ในทันที

 

“ใหญ่จัง…”

 

หวังชูเหรินอ้าปากค้างด้วยความตระหนก

 

“ของที่ใหญ่เช่นนี้จักเข้าไปในร่างของข้างั้นรึ มันจักพอดีหรือไม่” เธออดที่จะครุ่นคิดอยู่ในใจไม่ได้ ทั้งรู้สึกหวาดกลัวอยู่เล็กน้อย

 

ซูหยางไม่ได้ทิ่มแทงหวังชูเหรินในทันที แต่กลับให้เวลาเธอได้พักชั่วขณะ

 

“เจ้ามั่นใจหรือไม่ว่าต้องการเช่นนี้” ซูหยางพลันถามเธอ “ยังมิสายเกินไปที่จะทบทวน”

 

“ทำไมเจ้าจึงมาพูดเอาป่านนี้เมื่อเจ้าได้ทำให้กายของข้าสกปรกจนถึงระดับนี้…”

 

“สกปรก… นั่นเป็นวิธีอธิบายที่รุนแรงมาก”

 

หวังชูเหรินหัวเราะคิกคักและกล่าวว่า “ในเมื่อเรามาถึงจุดนี้แล้ว ถ้าเรามิก้าวต่อไป นั่นเพียงทำให้ข้ายากจะเผชิญหน้าเจ้าในอนาคตยิ่งกว่าเดิม”

 

ซูหยางเงียบไปชั่วขณะก่อนที่จะพูดว่า “ข้าทำเช่นนี้เพราะ—”

 

“มิเป็นไร เจ้ามิต้องพูดอะไรอีก”

 

หวังชูเหรินพลันยับยั้งเขาไว้พร้อมกับส่ายหน้า

 

“ข้ารู้ดีว่าข้ามิอาจเก็บเจ้าไว้เป็นส่วนตัวได้แม้ว่าข้ายอมมอบกายให้กับเจ้า ทั้งมิได้คาดว่าจะได้อะไรจากสิ่งนี้ ในเมื่อนี่เป็นวิถีชีวิตของเจ้าและยุทธภพ”

 

หวังชูเหรินทำการกางขาของเธอออกและพูดต่อว่า “ข้าเพียงหวังว่าเจ้าจักไม่ลืมข้า…เพียงเท่านั้น”

 

หวังชูเหรินมั่นใจว่าซูหยางจะต้องมุ่งสู่โลกที่คนเช่นเธอไม่มีคุณสมบัติที่จะอยู่ในอนาคตไม่ไกลนัก และมีโอกาสสูงที่เขาอาจจะลืมว่าเคยมีเธออยู่ อย่างไรก็ตามถ้ามีวิธีสำหรับเธอในการที่จะคงอยู่ในความทรงจำของเขายามเมื่อเขากลายเป็นตัวตนที่สามารถมองดูได้จากที่ห่างไกล เช่นนั้นเธอก็ยินดีที่จะทำทุกสิ่ง กระทั่งยกแก่นพลังหยินให้กับเขา

 

“เช่นนั้นรึ…”

 

ซูหยางพยักหน้าเรียบเฉย และเขาก็ทำการตรงเข้าไปหาร่างเปี่ยมไฟเสน่หาของหวังชูเหรินพร้อมกับแท่งแกร่ง

 

“อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าเจ้ายังประเมินข้าต่ำไป…”

 

เขาพลันพูดขึ้น ทำให้หวังชูเหรินจ้องมองเขาด้วยท่าทางงงงัน

 

“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร ครั้นเมื่อร่างของเราได้เชื่อมโยงกันแล้ว เจ้าจักดำรงอยู่ในใจของข้าเสมอ ดังนั้นปกติการลืมเจ้านั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แม้ว่าข้ามิได้ยอมรับเจ้าอย่างเต็มที่ในตอนนี้เพราะว่าเหตุผลอันซับซ้อน ข้าก็จักมิทอดทิ้งเจ้า ถ้าเจ้ายินดีที่จะติดตามข้าเมื่อเวลามาถึง แม้ว่าข้าจะยังมีข้อบกพร่องแต่ข้าย่อมยินดีพาเจ้าไปด้วยทุกที่ที่ข้าไป”

 

ดวงตาของหวังชูเหรินกว้างขึ้นด้วยความตระหนกหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเขา เธอตกตะลึงจนไม่รู้ว่าควรจะตอบสนองอย่างไรและเพียงได้แต่จ้องมองเขาอย่างเงียบงัน

 

“และจากคำกล่าวนั้น ก็ถึงเวลาลงโทษเจ้าอย่างแท้จริงจะได้เริ่มต้น…”

 

ซูหยางกล่าวขณะที่เขาดันปลายแท่งเข้าไปในถ้ำอันคับแน่นของหวังชูเหริน จนทำให้ความรู้สึกอันลึกล้ำรุกเร้าร่างของเธอ

 

เมื่อรู้สึกได้ว่ากลีบร่องช่วงล่างของเธอเริ่มแยกออกจากกันรวมถึงความเจ็บปวดที่มาพร้อมกัน หวังชูเหรินก็ลืมเรื่องที่พวกเขาได้สนทนากันไปก่อนหน้านี้อย่างรวดเร็วและได้เพียงใส่ใจกับสถานการณ์เบื้องหน้า

 

อย่างไรก็ตามใจเธอไม่อาจคิดเกี่ยวกับอะไรได้นอกจากความรู้สึกที่แท่งหยาบของซูหยางฉีกร่องพรหมจรรย์ของเธอออกขณะที่มันดิ่งลึกเข้าไปเรื่อยๆในร่างของเธอ

 

“อาาาา”

 

หวังชูเหรินกัดริมฝีปากพยายามที่จะต้านความเจ็บปวด

 

สองสามวินาทีหลังจากนั้น ครั้นเมื่อแก่นกายของซูหยางฝังมิดในร่องของเธอและความเจ็บปวดค่อยเลือนหายไปนั้น หวังชูเหรินก็ปาดเหงื่อออกจากหน้าผากและถอนหายใจโล่งอก

 

“มันยังเร็วเกินไปที่จะโล่งอก”

 

ซูหยางพลันกล่าวขึ้นพร้อมกับฉีกยิ้มบนใบหน้า

 

“เอ๋”

 

หวังชูเหรินมองดูเขาด้วยใบหน้ามึนงง

 

ในเวลานั้นที่ซูหยางเริ่มขยับตะโพก ดึงแก่นกายใหญ่ออกและดันเข้าไปในร่างของหวังชูเหริน

 

รู้สึกได้ถึงแท่งหยาบของซูหยางถูไถไปในรูของเธอทั้งความรู้สึกอันรุ่มร้อน หวังชูเหรินพลันร้องครวญครางอย่างบ้าคลั่ง

 

“อาา”

 

“อาาา”

 

“อาาาาาาาา”

 

จากนั้นกิจกรรมร่วมฝึกคู่อย่างแท้จริงของพวกเขาก็ได้เริ่มต้นขึ้น