เล่มที่ 13 เล่มที่ 13 ตอนที่ 380 บุรุษที่พึ่งพาสตรีนั้นเป็นโชคลาภอย่างหนึ่ง

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

แววตาของกูสือซานเปลี่ยนไปอย่างมาก ในมือของเขามีเพียงพิณโบราณหนึ่งคันและไม่มีอาวุธอย่างอื่น จึงทำได้เพียงเหาะหลบไปอย่างรวดเร็ว

ทว่าสัตว์เทพกิเลนเชื่อฟังคำสั่งของซูจิ่นซี มันจะเปิดช่องทางให้กูสือซานหลบหนีได้อย่างไร?

แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับตอนที่กูสือซานหลบหลีกเปลวเพลิงเหมันต์ สัตว์เทพกิเลนรีบหันไปทางกูสือซานที่กำลังหลบหนีและปล่อยเปลวเพลิงเหมันต์ออกมาเป็นครั้งที่สอง

กูสือซานหลบไม่ทัน เขาถูกเปลวเพลิงเหมันต์ลูกที่สองจู่โจมตรงเป้า แม้เปลวเพลิงจะไม่ได้พุ่งชนโดยตรง ทว่าภายใต้พลังของเปลวเพลิงเหมันต์ทั้งสองลูกที่สัตว์เทพกิเลนปล่อยออกมา ทำให้ร่างของเขากระเด็นพุ่งชนผนังด้านหลังอย่างรุนแรง จนกระอักเลือด

เลือดที่พ่นออกมาจากปากของกูสือซานยังไม่ทันร่วงหล่นลงพื้น ก็เปลี่ยนรูปร่างเป็นเหมือนลูกบอลหิมะ เลือดนั้นถูกลำแสงสีน้ำเงินของสัตว์เทพกิเลนดึงดูดให้เคลื่อนที่มาหามันอย่างเชื่องช้า

ลูกบอลเลือดเคลื่อนที่มาหาสัตว์เทพกิเลน แม้เวลานี้สัตว์เทพกิเลนจะมีร่างกายใหญ่โตและไม่สามารถทำท่าโค้งคำนับได้ ทว่ามันยังส่ายศีรษะและกระดิกหางมองซูจิ่นซีด้วยความเคารพ มันส่งลูกบอลเลือดให้ซูจิ่นซี ลูกบอลเลือดจึงค่อยๆ เคลื่อนที่ไปทางนาง

ซูจิ่นซีพลิกฝ่ามือโดยไม่ลังเล ทันใดนั้น กลางฝ่ามือก็ปรากฏขวดลายครามโปร่งใสเพิ่มขึ้นมาหนึ่งขวด นางนำลูกบอลเลือดใส่ลงไปในขวดแก้วลายครามใบนั้น

จากนั้นจึงโบกแขนเสื้อ เก็บสัตว์เทพกิเลนไว้ในอาคมกำไลปี่อั้น

เมื่อสัตว์เทพกิเลนกลับเข้าไปในอาคมกำไลปี่อั้นแล้วก็กลายเป็นสัตว์เลี้ยงตัวเล็กแสนน่ารักเหมือนก่อนหน้านี้ ซูจิ่นซีตกรางวัลด้วยการโยนยาสมุนไพรชั้นเลิศให้ชิ้นหนึ่ง

สัตว์เทพกิเลนไม่ต้องตรวจดู เมื่อยาสมุนไพรลอยเข้ามาในอาคมกำไลปี่อั้น มันก็ได้กลิ่นและรู้แล้วว่าเป็นสมุนไพรวิเศษฝู่หลง

ฝู่หลง…

นานมากแล้วที่ไม่ได้กินสมุนไพรชั้นเยี่ยมเช่นนี้!

สัตว์เทพกิเลนน้ำตาซึม กอดยาสมุนไพรพลางเงยหน้ามองท้องฟ้าสีฟ้าครามที่อยู่เหนือศีรษะ

ผู้ที่ทำงานหนักย่อมได้ผลตอบแทน ผู้ที่ไม่ทำอันใดย่อมไร้ผล

มันตั้งใจร้องเรียกนายท่านที่เคารพรัก ต่อไปมอบภารกิจให้มันมากหน่อยเถิด อันตรายก็ไม่เป็นไร เพียงทำให้ต่อมรับรสของมันพอใจก็เพียงพอแล้ว

ทว่าน่าเสียดาย ในเวลานั้นซูจิ่นซีไม่มีเวลามาสนใจสัตว์เทพกิเลน

นางมองกูสือซานที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเปลวเพลิงเหมันต์ด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ทั้งแววตายังแฝงความยั่วยุและเย้ยหยัน

“เยี่ยโยวเหยา คนมอบให้ท่าน! จะจัดการอย่างไรก็แล้วแต่เพคะ”

แน่นอนว่าต้องพากลับวิหารวิญญาณ

ยากเพียงใดที่จะทำให้บุคคลสำคัญอย่างท่านราชครูแห่งแคว้นไหวเจียงยอมจำนน? ทั้งยังไม่รู้ว่าจะได้รับข่าวสารมากมายเพียงใดหากสามารถเปิดปากของเขาได้ เยี่ยโยวเหยาจะพลาดโอกาสดีเช่นนี้ได้อย่างไร?

เยี่ยโยวเหยาค่อยๆ เดินไปหากูสือซาน

กูสือซานยกยิ้มมุมปากดูแคลน “เยี่ยโยวเหยา โยวอ๋องแห่งแคว้นจงหนิง! ประกาศตนว่าเป็นผู้ที่เก่งกาจเฉียบแหลม สูงศักดิ์และยิ่งใหญ่ วันนี้ข้าดูแล้ว ก็ไม่เห็นว่าเป็นอย่างนั้น นึกไม่ถึงว่าจะให้สตรีที่ไม่มีวรยุทธ์นางหนึ่งคอยช่วยเหลือ เจ้าช่าง… เกาะชายกระโปรงสตรีหากินจริงๆ ! ”

ยังไม่ทันให้เยี่ยโยวเหยาตอบโต้ ซูจิ่นซีก็เดือดดาลดั่งไฟสุม

“กูสือซาน เจ้าสงบปากสงบคำหน่อยเถิด! ” ขณะที่พูด ซูจิ่นซีก็แทงเข็มเงินในมือซึ่งมีพิษรุนแรงลงไปบนตัวกูสือซาน

กูสือซานบาดเจ็บสาหัส ไม่สามารถเคลื่อนไหวหลบหนีได้ ทำได้เพียงเดินกำลังภายในที่มีน้อยนิดต้านทานไว้

เดิมทีซูจิ่นซีไม่มีวรยุทธ์ เมื่อใช้เข็มเงินแทงกูสือซานจึงไม่รุนแรงมากนัก แม้กูสือซานจะได้รับบาดเจ็บ ทว่าการสกัดกั้นเข็มเงินของซูจิ่นซีเป็นเรื่องง่าย อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาที่กูสือซานกำลังเดินพลังสกัดกั้นนั้น จู่ๆ เยี่ยโยวเหยาก็ถ่ายเทพลังไปยังเข็มเงินของซูจิ่นซี ทำให้เข็มเงินพุ่งไปที่แขนซ้ายของกูสือซานอย่างแม่นยำ

“บุรุษที่สามารถพึ่งพาสตรีได้นั้น นับเป็นโชคลาภอย่างหนึ่ง คนอย่างเจ้าที่ไม่มีสตรีให้พึ่งพาจะเข้าใจได้อย่างไร? ”

น้ำเสียงของเยี่ยโยวเหยาทอดยาวผ่อนคลาย แม้คำพูดเหล่านี้จะทั้งดูหมิ่นและหยามศักดิ์ศรี ทว่าคำพูดเพียงไม่กี่คำของเขา ไม่เพียงทำให้คนรู้สึกผิด ทว่ายังรู้สึกถึงความก้าวร้าวอีกด้วย

คำพูดเหล่านี้ทำให้กูสือซานปิดปากเงียบสนิท

กูสือซานตกตะลึง ไม่สามารถพูดโต้ตอบได้แม้แต่คำเดียว

ดวงตาของซูจิ่นซีเผยความเย็นชา นางเดินมายังข้างกายของกูสือซาน ในมือพลันปรากฏกระถางสัมฤทธิ์งดงามขนาดเล็กใบหนึ่ง

แม้จะไม่เห็นว่าด้านในกระถางสัมฤทธิ์เป็นสิ่งใด ทว่าสีหน้าของกูสือซานที่เดิมทีขาวซีดอยู่แล้วกลับยิ่งซีดเผือดมากขึ้นไปอีก

“ซูจิ่นซี… เจ้า… เจ้าต้องการทำอันใด? ”

ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา “เดิมทีสิ่งนี้ข้าเก็บไว้ใช้สำหรับงานใหญ่ในภายภาคหน้า ไม่คิดจะนำมาใช้รับมือกับเจ้า ทว่าใครใช้ให้เจ้าเอ่ยวาจาสามหาว! เยี่ยโยวเหยาเป็นพระสวามีของข้า ลบหลู่เขาเท่ากับลบหลู่ข้า! ”

ซูจิ่นซีพูดพลางหันศีรษะไปมองเยี่ยโยวเหยาที่ยืนอยู่ด้านหลัง

เยี่ยโยวเหยาเข้าใจในทันที รีบสกัดจุดกูสือซาน

ซูจิ่นซีเปิดฝากระถางสัมฤทธิ์ออก ภายในกระถางสัมฤทธิ์มีหนอนสีเลือดโปร่งแสง ลำตัวของมันเปล่งแสงสว่างจ้า ดวงตาทั้งสองเป็นสีขาวนมเหมือนเมล็ดข้าว มองดูแล้วน่าชังยิ่งนัก ทว่าปากสีแดงของมันกลับเปิดๆ ปิดๆ อยู่ตลอดเวลา แม้มันจะมีขนาดเล็ก แต่เมื่อได้เห็นแล้วกลับทำให้คนรู้สึกสันหลังเย็บวาบ รับรู้ได้ถึงความดุร้าย

แม้กูสือซานจะตาฝ้าฟางอย่างไร ก็ยังมองออกว่านี่คือหนอนพิษเผ่าเหมียว เป็นหนอนพิษของแคว้นไหวเจียง

“ซูจิ่นซี เจ้า… มีของสิ่งนี้ได้อย่างไร? เหตุใดเจ้าถึงสามารถเลี้ยงหนอนพิษได้? เจ้าเป็นใครกันแน่? ”

ซูจิ่นซียกยิ้มเล็กน้อย “ข้าเลี้ยงหนอนพิษเป็นที่ใดกัน? ข้าบอกเจ้าก็ได้ ตอนที่อยู่หุบผาราชันพิษ หมอพิษที่เป็นสมุนของเจ้าได้วางยาพิษเผ่าเหมียวให้ซูอวี้น้องชายข้า หลังจากนั้นข้าก็ล่อมันออกมาจากร่างของเขา ทว่านึกเสียดายไม่อยากโยนมันทิ้งจึงเก็บเอาไว้ และให้มันกินอาหารพิเศษนิดหน่อยเท่านั้น”

ปริมาณข้อมูลมีมากมาย กูสือซานจึงละเลยคำพูดประโยคสุดท้ายของซูจิ่นซี และใส่ใจกับคำพูดที่ไม่สำคัญในประโยคก่อนหน้า

“ล่อมัน? เด็กคนนั้นยังไม่ตายหรือ? เจ้าถอนพิษหนอนเผ่าเหมียวที่อยู่ในร่างกายของเขาได้หรือ? ”

ต้องทราบว่า ตอนนั้นพิษเผ่าเหมียวที่หมอพิษวางยาในร่างซูอวี้ เมื่อเทียบกับพิษที่ซูจิ่นซีวางยาในร่างของกูสือซาน นับว่าไม่ด้อยไปกว่ากันมากนัก

กูสือซานต้องตัดแขนข้างหนึ่ง ทว่าซูอวี้ยังมีชีวิตอยู่โดยไม่ได้รับบาดเจ็บอันใด เขาจะยอมรับได้อย่างไร?

“ยังมีชีวิตอยู่แน่นอน ทั้งยังมีความเป็นอยู่ที่ดี! ” ซูจิ่นซีตั้งใจยั่วโมโหกูสือซาน “ข้าเคยบอกเจ้าแล้ว พิษของเจ้า ข้าไม่สามารถกำจัดได้ชั่วคราวเท่านั้น ช้าเร็วข้าย่อมสามารถหาวิธีถอนพิษได้ ทว่ายาพิษของข้า… เจ้าไม่มีทางถอนพิษได้อย่างแน่นอน”

ซูจิ่นซีพูดพลางยื่นกระถางสัมฤทธิ์ไปที่ลำคอของกูสือซานอย่างเชื่องช้า

ทันใดนั้น กูสือซานก็ตระหนักถึงประโยคครึ่งหลังที่ซูจิ่นซีพูดก่อนหน้านี้ แม้เขาจะไม่สามารถขยับตัวได้ ทว่าดวงตาทั้งคู่กลับแสดงออกถึงความหวาดกลัว

“ช้าก่อน… ซูจิ่นซี เจ้าให้หนอนพิษกินอันใดเป็นอาหาร? ”

หลังสิ้นเสียงคำพูดของกูสือซาน หนอนพิษก็กระโดดออกจากกระถางสัมฤทธิ์ดัง ‘ซวบ’มันเกาะติดอยู่บนลำคอของกูสือซาน จากนั้นตามมาด้วยเสียง ‘ซื๊ด ซื๊ด’ ผิวหนังสีเข้มของกูสือซานถูกหนอนพิษกัดแทะจนเป็นรู หนอนพิษค่อยๆ คืบคลานเข้าไปในคอของกูสือซาน

ภายใต้ความหวาดกลัวของกูสือซาน ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์ ปกปิดข้อมูลทั้งหมดที่กูสือซานต้องการรู้เอาไว้

สิ่งที่ใช้เลี้ยงหนอนพิษคือเลือดของนาง

แม้ซูจิ่นซีจะยังไม่รู้ว่าเลือดของนางมีประโยชน์อันใด ทว่าหลังจากผ่านการพิสูจน์ความจริงหลายต่อหลายครั้ง นางก็รู้แน่ชัดว่าเลือดของนางต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

ดังนั้นซูจิ่นซีจึงต้องการทราบว่า แมลงพิษที่เลี้ยงด้วยเลือดของนาง เมื่อเข้าไปสู่ร่างกายมนุษย์อีกครั้งจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอันใดบ้าง?