ตอนที่ 102 จู่ๆ ก็ประทับใจขึ้นมานิดหน่อย

 

 

           ซังจิ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่าง ถือแก้วสบายๆ ตามใจตัวเอง ก้มหน้าเอ่ย “แจ่มแจ้งชัดเจน”

 

 

           “ซังจิ่ง เจียงมู่เฉินคนนี้จัดการยากกว่าที่พวกเราจินตนาการไว้เยอะทีเดียวนะ” เซวียยางเอ่ยเตือน ก่อนหน้านี้ไม่รู้สึก แต่ตอนนี้ได้มาใกล้ชิดพูดคุยด้วยแบบนี้ เขาคิดว่าเจียงมู่เฉินนั้นจัดการยากทีเดียว

 

 

           “เป็นภารกิจ ยากมากๆ สิ ถึงจะท้าทาย” ซังจิ่งกลับไม่ได้ถือสาอะไรมากมาย

 

 

           “ถึงยังไงฉันก็เตือนนายจากใจนะ ที่เหลือนายดูเองแล้วกันว่าจะจัดการยังไง”

 

 

           “วางใจเถอะ ฉันมีแผนของฉันอยู่”

 

 

           หลังจากเซวียยางวางสายไป เขาก็เอนพิงกายไปกับพนักพิง นิ้วมือลูบแก้วเหล้าเบาๆ ในหัวอดคิดถึงท่าทีของเจียงมู่เฉินเมื่อครู่นี้ไม่ได้

 

 

           ตามนิสัยของเจียงมู่เฉิน คนที่จะทำให้เจียงมู่เฉินวางความเย่อหยิ่งนี้ลงได้ ในใจเขาควรจะแคร์คนคนนั้นมากพอ

 

 

           …

 

 

           กลับมาถึงคฤหาสน์ ซือเหยี่ยนนั่งอยู่กับโน้ตบุ๊กหน้าโต๊ะอาหาร ข้างๆ วางอาหารที่ไม่รู้ว่าทำเสร็จตั้งแต่เมื่อไหร่ เจียงมู่เฉินคิดว่าเขายังอยู่ที่โรงพยาบาล ไม่น่ากลับมาเร็วขนาดนี้

 

 

           “กลับมาแล้วเหรอ” หลังจากซือเหยี่ยนเห็นเจียงมู่เฉินก็ยื่นมือไปปิดโน้ตบุ๊กลง

 

 

           “นายมาอยู่นี่ได้ไง” เจียงมู่เฉินไม่ได้แสดงท่าทีอะไรมากมาย

 

 

           “ทำไมกลิ่นเหล้าหึ่งทั้งตัวเลย”

 

 

           เมื่อเจียงมู่เฉินเดินเข้าไป เพียงชั่วครู่เดียวกลิ่นเหล้าก็โชยออกมา

 

 

           เห็นซือเหยี่ยนที่ทำอาหารรอเขาอยู่ที่บ้าน เจียงมู่เฉินก็เริ่มรู้สึกผิดบ้างแล้ว เขาลูบจมูกตัวเองป้อยๆ “ไปหลานเยี่ยหาเฉิงฉี เลยถือโอกาสดื่มเหล้าไปสองแก้วด้วยน่ะ”

 

 

           สายตาซือเหยี่ยนกวาดผ่านตั้งแต่ใบหน้าของเขาขึ้นไป เจียงมู่เฉินรีบพูดต่อ “ไม่ได้ไปเต้น”

 

 

           ได้ยินเขาพูดมาแบบนี้ ซือเหยี่ยนอดจะยิ้มออกมาไม่ได้ “อืม ผมรู้”

 

 

           เจียงมู่เฉินยังสงสัยว่าทำไมเขาถึงรู้ ผลคือตอนเห็นว่าสายตาของซือเหยี่ยนมาหยุดที่บนหัวของเขา เพียงพริบตาเดียวก็ระเบิดลงทันที

 

 

           “นายคิดว่าตอนนี้ฉันน่าเกลียดซะจนถึงไปเต้นก็ไม่มีคนมาดูแล้วใช่ไหม”

 

 

           เขายังเสียขวัญเรื่องทรงผมของตัวเองไม่ทันหายก็โดนซือเหยี่ยนโจมตีมาแบบนี้ โกรธจนปวดตับปวดใจไปหมด

 

 

           ทันทีที่ซือเหยี่ยนเห็นเจียงมู่เฉินระเบิดลงก็รีบเริ่มเอาน้ำเย็นเขาลูบ เขาเอามือยีหัวเจียงมู่เฉิน ผมสั้นตั้งตรงทิ่มอยู่บนฝ่ามือ รู้สึกคันยุบยิบนิดหน่อย แต่เพียงครู่เดียวก็ติดใจเสียแล้ว

 

 

           “ดูดีกว่าปกติ” ซือเหยี่ยนเข้าใกล้เข้าไปจูบเขา “จะแบบไหนคุณก็ดูดีไปหมดนั่นแหละ”  

 

 

           เจียงมู่เฉินเคืองใจจนขมวดคิ้ว ท่าทีที่ซือเหยี่ยนปลอบใจเขา ทำไมถึงรู้สึกว่าเหมือนกำลังปลอบใจผู้หญิงไม่มีผิด

 

 

           “นายไปให้พ้นเลย” เจียงมู่เฉินผลักเขาออก

 

 

           “กินข้าวแล้วหรือยัง”

 

 

           เจียงมู่เฉินดื่มเหล้าที่หลานเยี่ยจนอิ่ม ยังไม่รู้สึกหิว “ไม่อยากกิน”

 

 

           “กินข้าวเป็นเพื่อนผมหน่อย ผมยังไม่ได้กินข้าวเลย”

 

 

           ทันทีที่เจียงมู่เฉินได้ยินว่าเขายังไม่กินข้าว เพียงเสี้ยวเวลาก็ใจอ่อนลงแล้ว “ทำไมจนป่านนี้ยังไม่กินข้าวอีก”

 

 

           ซือเหยี่ยนยิ้มเบาๆ “รอคุณ ผมอยากกินข้าวด้วยกันกับคุณ” เขาจูงมือเจียงมู่เฉินมา “อยากกินข้าวเป็นเพื่อนผมหน่อยไหม”

 

 

           เจียงมู่เฉินนั่งตรงข้ามซือเหยี่ยนยอย่างว่าง่าย อยู่เป็นเพื่อนเขากินข้าว ไม่ว่าจะมองซือเหยี่ยนอย่างไร เพียงเพื่อรอเขามาจนถึงตอนนี้ แม้แต่ข้าวก็ยังไม่กิน เจียงมู่เฉินหมดหนทางจะปฏิเสธจริงๆ

 

 

           อาหารบนโต๊ะเย็นไปหมดแล้ว เจียงมู่เฉินเพิ่งจะเตรียมหยิบตะเกียบกินข้าวก็ถูกซือเหยี่ยนห้ามเอาไว้ก่อน

 

 

           “เดี๋ยวก่อน อาหารเย็นหมดแล้ว”

 

 

           ซือเหยี่ยนหยิบเอาอาหารเข้าไปอุ่นในครัว เจียงมู่เฉินนั่งบนเก้าอี้มองดูซือเหยี่ยนที่อยู่ในครัว ในใจรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาบ้างแล้ว

 

 

           หลายปีมานี้ เขายังไม่เคยได้รับความรู้สึกอบอุ่นนี้จากคนอื่นมาก่อน

 

 

           รอบดวงตาเขารู้สึกอุ่นๆ ร้อนๆ ขึ้นมา เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินเข้าห้องครัวไป สวมกอดซือเหยี่ยนเอาไว้

 

 

           มือซือเหยี่ยนที่อุ่นอาหารอยู่ หยุดชะงักลง “เป็นไรไป”

 

 

           เจียงมู่เฉินแนบใบหน้าคลอเคลียไปกับแผ่นหลังของซือเหยี่ยน “ไม่มีอะไร จู่ๆ อยากกอดนายขึ้นมาน่ะ”

 

 

           เงียบไม่พูดไม่จากันไม่กี่นาที เจียงมู่เฉินถึงคลายมือออก แล้วเคาะโต๊ะ “เร็วหน่อยสิ ถ้ายังไม่เสร็จ คุณชายจะไม่กินข้าวเป็นเพื่อนนายแล้วนะ”

 

 

           ซือเหยี่ยนยกมุมปากขึ้น “รู้แล้ว เดี๋ยวก็ได้แล้ว”

 

 

           เจียงมู่เฉินนั่งหน้าโต๊ะอาหาร กินคำไม่หมดคำ มองดูซือเหยี่ยนนั่งกินข้าวอยู่เงียบๆ จึงเอ่ยถาม “ทำไมวันนี้นายถึงกลับมาเร็วได้ ไม่ไปดูน้องเหวินฮุ่ยของนายแล้วหรือไง”

 

 

 

 

ตอนที่ 103 หึงแล้ว

 

 

           ซือเหยี่ยนที่กินอาหารค่ำอยู่หยุดชะงักไป เขาเงยหน้ามองเจียงมู่เฉินแวบหนึ่ง

 

 

           เจียงมู่เฉินยักคิ้วใส่เขาโดยไม่หวาดหวั่นเลยแม้แต่น้อย

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นท่าทางยั่วโมโหของเขาก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นมา ท่ามกลางคนที่เขารู้จักมีเพียงเจียงมู่เฉินที่ถามคำถามแบบนี้ได้อย่างหน้าตาเฉยขนาดนี้

 

 

           “ผมไม่ได้ไปโรงพยาบาล” ซือเหยี่ยนเอ่ยเสียงต่ำ

 

 

           “วันนี้ทั้งวันนายไม่ได้ไปโรงพยาบาลเลยเหรอ” งั้นตั้งแต่เช้าตรู่เขาไปไหนกัน

 

 

           “ที่บริษัทมีประชุมด่วน ตอนจะออกไปคุณยังไม่ตื่น ผมก็เลยไม่ได้เรียกคุณ” ซือเหยี่ยนมองเขาแวบหนึ่ง “ดังนั้นคุณก็เลยคิดว่าที่ผมไม่บอกคุณก็เพื่อจะไปโรงพยาบาลเหรอ”

 

 

           เจียงมู่เฉินลูบจมูกไปมา “ฉันจะสนใจนายมากมายขนาดนั้นไปทำไม ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันสักหน่อย”

 

 

           ซือเหยี่ยนวางตะเกียบที่กินข้าวลง แล้วมองเขาอย่างจริงจัง “เจียงมู่เฉิน”

 

 

           “มีอะไร” จู่ๆ ก็มาเสียงแข็งเรียกเขา ทำเอาเขาสะดุ้งตกใจทีเดียว

 

 

           “คุณหึงแล้วใช่ไหม” แววตาซือเหยี่ยนแฝงรอยยิ้ม

 

 

           “หึง หึงเหรอ นายบ้าไปแล้ว ฉันเจียงมู่เฉินเป็นคนที่จะนึกจะหึงก็หึงหรือไง”

 

 

           “อ๋อ?” ซือเหยี่ยนเลิกคิ้ว “ไม่ได้เพราะว่าหึงจริงๆ เหรอ”

 

 

           เจียงมู่เฉินชักจะระเบิดลงแล้ว เขาถลึงตามองซือเหยี่ยน “นายจะกินไม่กิน ไม่กินฉันจะไปแล้วนะ”

 

 

           สำหรับคนรักที่หึงกันชัดๆ แต่กลับค้านหัวชนฝาไม่ยอมรับแบบนี้ ซือเหยี่ยนหยิบตะเกียบกลับมาอย่างขำๆ ตัดสินใจอย่าถามต่อไปเลยดีกว่า ทำให้คนโกรธขึ้นมาจริงๆ ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก

 

 

           หลังกินอาหารค่ำเสร็จ ซือเหยี่ยนตรงเข้าห้องหนังสือทันที สิบนาทีให้หลังก็มีประชุมกันผ่านทางวิดีโอ

 

 

           เจียงมู่เฉินไม่ได้ไปรบกวนอีกฝ่าย เขาพุ่งตัวเข้าห้องนอนไปอาบน้ำ ยืนอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำ เจียงมู่เฉินจ้องมองหัวตัวเองแล้วปวดหัวขึ้นมาบ้างแล้ว

 

 

           แค่คิดว่าต้องแบกทรงผมนี้ไปก็ร้อนใจไม่เป็นสุขแล้ว ไม่รู้ว่าผมเขาจะขึ้นเร็วหรือช้า แล้วเมื่อไหร่ถึงจะกลับมาเป็นอย่างเดิมได้

 

 

           อาบน้ำอย่างรวดเร็วเสร็จสรรพ เจียงมู่เฉินดูเวลา พบว่ายังห่างจากเวลาเข้านอนอยู่มาก เขาเบื่อจึงไปหยิบมือถือมานอนคว่ำเล่นเกมบนเตียง

 

 

           รบราฆ่าฟันจนถึงด่านสุดท้าย ดวงตาจดจ่อจนแดงก่ำ แม้แต่ซือเหยี่ยนเดินเข้ามาก็ยังไม่รู้ตัว

 

 

เจียงมู่เฉินนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงกลาง หัวเกรียนๆ ประจักษ์ตาชัดเจน ทันทีที่ซือเหยี่ยนเห็นหัวทุยๆ ของเขาก็อดที่จะอยากหัวเราะไม่ได้

 

 

           ปิดประตูแล้วเดินเข้าไป เขาโอบกอดอีกคนจากด้านหลัง

 

 

           เจียงมู่เฉินเพิ่งจะเล่นถึงด่านสุดท้าย มาโดนซือเหยี่ยนกอดเข้าให้แบบนี้ เขาสะดุ้งตกใจจนมือสั่น โดนคนอื่นฆ่าในเกมเรียบร้อย

 

 

           เจียงมู่เฉินมองดูตัวเองที่นอนอยู่กับพื้นในเกม อนาถใจตัวเองเหลือเกิน

 

 

           “ซือ! เหยี่ยน!”

 

 

         เขาโยนมือถือลงข้างตัว แล้วพลิกตัวหันมากดไหล่ของซือเหยี่ยนไว้ อยากจะซัดเขาฟาดสักป๊าบใหญ่ๆ

 

 

           “เวลาไหนไม่มา ดันมาเวลานี้” เจียงมู่เฉินโมโหจนเข็ดฟัน “โอ๊ย…อยากจะกัดนายให้ตายจริงๆ”

 

 

           ซือเหยี่ยนยืดตัวขึ้น ไม่มีความเกรงกลัวเลยสักนิด เขายักคิ้วขึ้นอย่างเรียบเฉย “กัดเถอะ คุณลองดูว่าตรงไหนน่ากัดแล้วกัดได้เลยตามสบาย”

 

 

           เจียงมู่เฉินมองดูลำคอเพรียวยาวของเขา แล้วกัดเข้าไปเต็มๆ ทันที

 

 

           “โอ๊ย…คุณเป็นหมาเหรอ” ซือเหยี่ยนเจ็บจนคิ้วขมวด

 

 

           “คราวหน้าถ้านายกล้ามากอดฉันกะทันหันแบบนี้อีก ฉันฟาดนายตายแน่” เจียงมู่เฉินขบกรามอย่างโหดเ**้ยม

 

 

           ใบหน้าซือเหยี่ยนแต้มรอยยิ้ม “งั้นคุณกอดผมก็ได้ เวลาไหนผมก็ให้คุณกอดได้หมด ไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ”

 

 

           เจียงมู่เฉินจ้องมองใบหน้าของเขา รู้สึกว่ารอยยิ้มเขาช่างอวดดีไม่เบา

 

 

           เขาเขยิบตัวมาด้านข้าง วางขาพาดไว้บนขาของซือเหยี่ยนเสียเลย “นายจะไม่ไปดูหลินเหวินฮุ่ยจริงๆ เหรอ เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ไม่เหมาะไม่ควรหรอกมั้ง”

 

 

           “ทำไม เป็นห่วงเธอเหรอ”

 

 

           “ฉันจะไปห่วงเธอทำไม หาเหตุผลที่จะห่วงเธอไม่เจอเลย”

 

 

           “แล้วที่คุณให้ผมไปดูเธอ”

 

 

           “ฉันแค่พูดถึงความมีมนุษยธรรมต่างหาก แค่รู้สึกว่าเธอไม่มีคนดูแลเท่านั้นเอง ไม่ได้มีความรู้สึกส่วนตัวใดๆ ปนไปด้วย”

 

 

           ซือเหยี่ยนขยับตัวเอียงข้างมามองเขา “วางใจเถอะ ผมหาคนดูแลเธอแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้ผมไป”

 

 

           “แต่ว่า เธอต้องอยากให้นายไปแน่เลย”

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นทรงผมสั้นเกรียนของเขาก็อดจะยื่นมือไปลูบไม่ได้ ทิ่มแทงเหมือนนิสัยของเจียงมู่เฉินไม่มีผิด

 

 

           “คุณอยากให้ผมไปเหรอ”