เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 487
เมฆปกคลุม หอลอยฟ้า

สิ่งที่ปรากฏอยู่ในสายตาคือหอลอยฟ้าเรียงรายกลางอากาศ

ชายคาที่โค้งขึ้นแบบจีน แกะสลักรูปมังกรและหงส์

บันไดหินขึ้นไปยังหอลอยฟ้า

เมื่อมองออกไป เหมือนสู่แดนของเทพเซียน

พื้นดินมีแสงสีทองกะพริบ อักษรยันต์แกะสลักเป็นแถว เมื่อมองดูดีๆ จะพบว่าตัวอักษรพวกนี้ไม่เพียงแต่จะลึกลับ อีกทั้งยังเป็นบทอีกด้วย

ระหว่างประโยคดูเข้ากัน เป็นวิชาบทหนึ่ง

คนใช้หญิงที่เดินเข้ามาก็งดงามจนผิดปกติ

ผู้ชายก็หล่อเหลา ไม่สวมชุดคลุมแบบยาวก็สวมชุดแบบสั้น เผยให้เห็นกล้ามเนื้ออันแข็งแกร่ง แม้แต่งตัวแบบคนใช้ แต่ไม่สามารถปกปิดความองอาจได้

ขนาดลู่ฝานยังยอมรับ ทำไมผู้ชายพวกนี้เกิดมาหล่อขนาดนี้

ผู้หญิงยิ่งดีเข้าไปใหญ่ แต่งหน้าอ่อนๆ แต่กลับงามจนน่าตกใจ สวมชุดแบบสาวจีนโบราณ รอยยิ้มพวกเธอ กระชากหัวใจได้เลย

ศิษย์พี่หานเฟิงมองจนน้ำลายจะไหลออกมา

ตบไหล่ลู่ฝานไม่หยุด “ศิษย์น้องลู่ฝาน เป็นสถานที่ที่ดีมาก ดีอย่างแท้จริง ในที่สุดฉันก็รู้แล้วว่าทำไมพวกพี่ชายฉันถึงชอบมาที่นี่ ทำไมพวกเขาถึงดูถูกสถานบันเทิงพวกนั้น พระเจ้า ยังดีที่ฉันไม่ได้มอบครั้งแรกของฉันให้พวกผู้หญิงแต่งหน้าหนาเตอะ”

หานเฟิงมัดเชือกกางเกงตัวเอง แล้วสูดหายใจลึก “ศิษย์น้องลู่ฝาน เมื่อถึงพรุ่งนี้ฉันจะเป็นผู้ชายอย่างแท้จริงแล้ว ดีใจกับฉันสิ วางใจเถอะ ฉันจะไม่บอกเรื่องที่นี่กับคนรักของนาย ฉันไม่ปากเปราะหรอก ศิษย์น้องลู่ฝาน นายสนุกได้อย่างสบายใจ”

ถ้าลู่ฝานเชื่อว่าศิษย์พี่หานเฟิงไม่ปากเปราะสิถึงจะแปลก ปากของเขาหลวมเหมือนเชือกมัดกางเกง จะปิดปากเงียบได้ยังไง

โอเค ตอนแรกลู่ฝานเข้าใจว่าที่นี่เป็นสถานที่ดีจริงๆ ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะดีจริงแฮะ

ทั้งสองคนกำลังยืนอึ้งอยู่หน้าประตู สาวงามคนหนึ่งเดินอย่างอ่อนช้อยเข้ามา

“ทั้งสองท่านมาครั้งแรกใช่ไหม ต้องการให้ฉันแนะนำทั้งสองท่านไหม”

ผู้หญิงยิ้มบางๆ รอยยิ้มเหมือนดอกไม้ผลิบาน เหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจ

ตาเฉี่ยว คิ้วโค้งสวย ริมฝีปากแดง มีไฝตรงมุมปากหนึ่งเม็ด หุ่นมีน้ำมีนวล เสื้อผ้าที่ดูบางเล็กน้อย ทำให้เห็นผิวขาวดุจหิมะที่อยู่ข้างในเล็กน้อย

เสื้อผ้าแบบนี้ ออกแบบมาเพื่อยั่วยวนจิตใจคนชัดๆ

หานเฟิงกลืนน้ำลายเบาๆ จากนั้นพยักหน้าอย่างแรง “ต้องการ”

ลู่ฝานไม่ได้พูดอะไร ถือว่าเห็นด้วยโดยปริยาย

ผู้หญิงยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “ฉันขอแนะนำตัวเองก่อน ฉันชื่อ หลิ่วหยีเป็นหนึ่งในผู้ดูแลของห้องชั้นยอดคิดว่าทั้งสองท่านคงเห็นแล้ว ห้องชั้นยอดของเรา เป็นห้องชั้นยอดอย่างแท้จริง”

พูดพลาง หลิ่วหยีชี้ไปที่หอบนท้องฟ้า

หานเฟิงยิ้มแล้วพูดว่า “เห็นแล้ว พวกเราเพิ่งเคยเห็นหอลอยฟ้าที่โอ่อ่าแบบนี้เป็นครั้งแรก”

หลิ่วหยีพูดว่า “นี่เป็นความดีความชอบของเจ้าของสวนหอมปาฟาง เขาวางค่ายกลไว้ที่นี่ด้วยตัวเอง เขียนบทวิชาหอมเอาไว้ นั่นก็คืออักษรยันต์ค่ายกลที่สลักอยู่บนแผ่นหินใต้เท้าเรา บทนี้มีพลังลอยขึ้นได้ ถ้ามีคนโชคดีทำความเข้าใจได้ ก็นับว่าเป็นวิชาการช่วยเหลือที่ไม่เลว ทั้งสองท่านลองดูได้”

แววตาลู่ฝานดูสนใจ แต่ความสนใจของหานเฟิงอยู่ที่หลิ่วหยีตั้งแต่ตอนแรกถึงตอนนี้ยังไม่ละสายตาเลย

ลู่ฝานเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ เขาพบคนแปลกเยอะมาก

มีเสียงเพลงดังมาจากไกลๆ ไม่มีเสียงพิณประสาน เป็นแค่เสียงเพลง แต่กลับทำให้คนรู้สึกเหมือนฟังเสียงธรรมชาติ