บทที่ 191 คุณเชื่อมั่นในตัวเขาหรือเปล่า

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

ยู่ยี่พูดช้าๆ และผ่อนคลาย เห็นได้ชัดว่าเธอคิดมาอย่างรอบคอบแล้ว

“งั้นก็ดี ถ้าเธอคิดมาดีแล้วก็ไม่มีปัญหา จำไว้ว่า ไม่ว่าเธอจะคิดยังไง ฉันจะยืนอยู่ข้างเธอ คอยสนับสนุนเธอ!”

“เอาล่ะ คุยกับเธอมามากและยาวนานขนาดนี้ ตอนนี้อารมณ์ดีขึ้นแล้ว นอนเถอะ ราตรีสวัสดิ์…”

“ราตรีสวัสดิ์…”

หลังจากวางสาย เชอร์รีนกลับไม่ง่วงนอน เธอนั่งอยู่ริมหน้าต่าง มองทิวทัศน์ภายนอกยามค่ำคืนแล้วคิดถึงเขาอีกครั้ง

คำพูดของสุนันท์เมื่อครู่ยังคงดังก้องอยู่ในหัวของเธอ หยาดฝนถอนหมั้นเพื่อเขา หลังจากกลับมาก็จะหมั้นกับเขา และแต่งงาน…

ส่วนเขานั้นอยู่กับหยาดฝนที่อเมริกามาสี่ปี ก็ย่อมรู้ว่าหยาดฝนนั้นถอนหมั้นเพื่อเขา

ตอนที่อยู่เมืองS เธอเคยเห็นเขาบีบคั้นหยาดฝนอยู่หลายครั้ง เพื่อให้หยาดฝนเข้าใจหัวใจของตัวเอง เธอมองเห็นความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองอย่างชัดเจน

เวลานี้ ในที่สุดหยาดฝนก็แน่ใจในความรู้สึกของตัวเอง ส่วนเขาก็สมดั่งใจหวังเสียที

ดังนั้น ไม่น่าแปลกใจที่หลังจากที่ทั้งสองได้พบกัน เขาไม่เคยพูดถึงหยาดฝนอีก ไม่เคยพูดถึงต่อหน้าเธอเลยสักครั้ง

บางทีเขาอาจคิดว่ามันไม่จำเป็นที่จะพูดถึงมันอีก แผลที่ใบหน้าของหยาดฝนได้รับการรักษาจนหายดีแล้วแน่นอน แค่รอให้เธอกลับมาหมั้นและแต่งงานเท่านั้น

อีกอย่างเรื่องของพวกเราก็ไม่จำเป็นต้องบอกให้คนนอกรู้ไม่ใช่เหรอ?

และเธอเป็นคนนอก…

ดูเหมือนว่าตอนนี้เธอเพิ่งจะได้รู้ความจริงที่ดำเนินอยู่เบื้องหลังอย่างแจ่มแจ้ง แถมยังรู้จากปากของสุนันท์อีก น่าขำจริงๆ…

ยังพูดอีกว่ายู่ยี่นั้นดื้อรั้น ส่วนเธอก็ดูเหมือนจะเข้มแข็งกว่ายู่ยี่อยู่บ้าง! เมื่อได้ยินข่าวและคำพูดที่ออกมาจากปากของสุนันท์ หัวใจของเธอก็หยุดปวดร้าวไม่ได้ ราวกับว่ามันกำลังจะถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ

บางสิ่งไม่ใช่ว่าคุณอยากลืมก็สามารถลืมมันได้อย่างหมดสิ้น ดังนั้นยู่ยี่จึงเลือกที่จะเชื่อ

แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้นของสุนันท์ เธอก็ค่อยๆ จัดการกับหัวใจของตัวเอง

มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้ต่อไป สี่ปีที่ผ่านมา ในหัวใจของออกัสนั้นไม่เคยมีที่ว่างให้เธอ ไม่มีเลยสักนิด

ในหัวใจของเขารักหยาดฝนมาโดยตลอด กลัวว่าเธอจะได้รับบาดเจ็บ รีบไปอยู่กับเธอทันทีที่ได้รู้ว่าเธอตกอยู่ในอันตราย ดูแลเธอทั้งวันทั้งคืน ปกป้องเธอ ประคองเธอไว้ในอุ้งมือ

ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เกิดแผ่นดินไหวในอำเภอซีซ่าก็ดี หรือตอนที่พลัดตกจากหน้าผาก็ดี!

ออกัสไม่ใช่คนไร้หัวใจ แต่เขาได้มอบความรักทั้งหมดให้หยาดฝนแล้ว!

ยิ่งไปกว่านั้น บนหน้าผาก็มีเรื่องอย่างนั้นเกิดขึ้นแล้ว ไม่ว่าจะรักอีกสักแค่ไหน จะเจ็บปวดอีกสักเท่าไร เธอก็ไม่อาจปล่อยให้หัวใจและอารมณ์ของตัวเองหวั่นไหวเพราะเขาได้อีกต่อไป

เมื่อเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง เธอควรจะสงบนิ่ง เย็นชา นิ่งเงียบ ราวกับกำลังอยู่กับคนแปลกหน้า

ความหวั่นไหวในช่วงเวลานี้ รวมถึงอารมณ์ที่ไม่ควรปรากฏ ทั้งหมดเป็นเพราะเธอไม่เจียมตัว!

เธอนั่งคิดอะไรมากมายอยู่ตรงนั้น จนกระทั่งก่อนฟ้าสางจึงทนง่วงนอนไม่ไหวและค่อยๆ ผล็อยหลับไป

เมื่อคืนเธอนอนดึกเกินไปเลยตื่นสายในตอนเช้า เมื่อเชอร์รีนลืมตาขึ้น ซารางก็ตื่นแล้ว ผมเผ้ายุ่งเหยิง ประคองบิสกิตเอาไว้ในอ้อมแขน ยังงัวเงียลืมตาไม่ขึ้น แต่ปากนั้นเคี้ยวตุ้ยๆ แล้ว

ไม่มีทางเลือก เธอลุกลงจากเตียง เอาบิสกิตในมือซารางวางลงข้างๆ “เราไปแปรงฟันกันก่อนนะ”

เชอร์รีนยืนล้างหน้าแปรงฟันอยู่บนพื้น ในขณะที่ซารางนอนโก่งตูดอยู่บนอ่างล้างหน้า ดมกลิ่นยาสีฟันรสสตรอเบอร์รี่แล้วกลืนน้ำลาย “แม่จ๋า หนูอยากกินสตรอเบอร์รี่จัง”

“รีบล้างหน้าแปรงฟันก่อน เดี๋ยวกินข้าวเช้าเสร็จแล้ว แม่จะพาหนูไปซื้อ”

เพิ่งจะลืมตาตื่นนอนในตอนเช้า เธอไม่คิดอะไรเลยนอกจากเรื่องกิน กินอะไรดี เด็กน้อยจริงๆ

หลังออกมาจากห้องน้ำ เชอร์รีนก็มัดผมให้ซาราง เส้นผมของเด็กหญิงตัวน้อยทั้งดำทั้งกระด้าง ไม่เหมือนของเธอเลย มันนุ่มเกินไป

“แม่จ๋า ทำไมเมื่อวานทะเลาะกับคุณยายคนนั้นล่ะคะ?” ซารางยืนถามอย่างใสซื่อ

“งั้นลูกบอกแม่หน่อยว่า ใครเป็นคนสอนลูกพูดคำว่ายัยแม่มดเฒ่า ลูกไปจำมาจากใครมา หืม?”

ซารางบุ้ยปากตอบว่า “จำมาจากในทีวีค่ะ มันมีอยู่ในการ์ตูนการผจญภัยของนายเหมา นายเหมาเรียกยัยแม่มดเฒ่าตลอดเลย”

“การผจญภัยของนายเหมาเหรอ ไม่ใช่การเร่ร่อนของนายเหมาหรอกเหรอ?”

“ไม่ใช่ค่ะ การผจญภัยของนายเหมาเป็นการ์ตูน นายเหมาเรียกยัยแม่มดเฒ่า ยัยแม่มดเฒ่าตลอด หนูเลยจำมา”

ได้ยินแบบนั้น คิ้วของเชอร์รีนก็อดกระตุกไม่ได้ การ์ตูนเดี๋ยวนี้เล่นกันขนาดนี้เลยเหรอ แถมยังเป็นการผจญภัยของนายเหมาอีก

“วันหลังห้ามไปด่าใครสุ่มสี่สุ่มห้าอีกนะ รู้หรือเปล่า?”

“แต่เธอมาด่าคุณแม่!”

“นั่นเป็นเรื่องของแม่ แม่แก้ปัญหาได้ด้วยตัวเอง วันหลังห้ามไปด่าใครตามใจชอบอีก ได้ยินไหม?”

แม้จะไม่เต็มใจและยังบุ้ยปากอยู่ แต่ซารางก็ยังพยักหน้า “เข้าใจแล้วค่ะ แม่จ๋า”

“ดี งั้นเราไปกินข้าวเช้ากัน จากนั้นก็ไปหาคุณอาองค์ชายของลูก วันนี้เป็นวันเกิดคุณอาองค์ชาย”

ดวงตาน้อยๆ ของซารางเป็นประกาย “คุณอาองค์ชายฉลองวันเกิด ถ้าอย่างนั้นก็ต้องมีเค้กกิน แม่จ๋า แม่ซื้อเค้กสตรอเบอร์รี่ให้คุณอาองค์ชายสิ ดีไหมคะ?”

“แม่ว่าลูกอยากกินเองมากกว่าล่ะมั้ง” เชอร์รีนเอานิ้วจิ้มสันจมูกของเธอ ในขณะที่ซารางหัวเราะแหะๆ

เมื่อเดินมาถึงจุดนัดพบ องค์ชายก็กำลังรออยู่แล้ว เขาไม่ได้สวมเครื่องแบบตำรวจ แต่ยังดูองอาจและเที่ยงธรรม

พอเห็นองค์ชาย ซารางก็วิ่งเข้าไปหาอย่างตื่นเต้นดีใจ พลางตะโกนว่า “คุณอาองค์ชาย คุณอาองค์ชาย!”

องค์ชายอ้าแขนออก ย่อลำตัวที่สูงใหญ่ลงเล็กน้อย ให้เธอโผเข้าสู่อ้อมกอด ก่อนจะอุ้มเธอขึ้นมาด้วยความรักและเอ็นดู “คิดถึงคุณอาองค์ชายไหม?”

“คิด!” ซารางพยักหน้าน้อยๆ

“คิดถึงมากแค่ไหน? ยาวนานแค่ไหน?”

“คิดถึงตลอดๆ ยาวนานมากๆ ยาวเหมือนซุนหงอคงตีลังกาเลย” น้ำเสียงของเธอละมุนละไม ท่าทางจริงจัง

ได้ยินอย่างนี้องค์ชายก็อดหัวเราะไม่ได้ เขาบีบจมูกน้อยๆ ของเธอ “ยิ่งแสบมากขึ้นทุกวันแล้วนะ”

“คุณอาองค์ชายก็หล่อขึ้นทุกวันเหมือนกัน!” เธอจูบแก้มขององค์ชาย ทำให้เขาจิตใจเบิกบานมาก

เมื่อเชอร์รีนเห็นว่าทั้งสองสนิทสนมกลมเกลียวโดยไม่มีทีท่าจะแยกจากกัน จึงได้แต่เอ่ยปากขัดจังหวะว่า “กำหนดสถานที่ไว้หรือยังคะ?”

“กำหนดเรียบร้อยแล้ว มีเพื่อนสนิทมากันแล้วหลายคน ไปกันเถอะ” องค์ชายกล่าวด้วยรอยยิ้ม

พวกเขาขึ้นรถและขับมุ่งหน้าไปตลอดทาง สุดท้ายก็จอดลงที่หน้าร้านอาหารเสฉวนแห่งหนึ่ง องค์ชายปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้วกล่าวว่า “พวกเขาชอบกินอาหารเสฉวน คุณก็ชอบกินอาหารเสฉวนไม่ใช่เหรอ หรือว่าวันนี้จะกินอาหารอิตาเลี่ยนหรืออาหารฝรั่งเศสดี?”

“องค์ชาย นี่เรามาฉลองวันเกิดให้คุณ ไม่ใช่วันเกิดฉัน ฉันกินอะไรก็ได้”

“งั้นก็อาหารเสฉวนแล้วกัน” องค์ชายตัดสินใจ จากที่เคยไปกินข้าวที่ร้านอาหารต่างชาติกับเธอหลายครั้ง เขามองออกว่า เธอไม่ค่อยชอบกินนัก

เมื่อเปิดประตูห้องส่วนตัวเข้าไป ภายในก็นั่งกันเต็มแล้ว เหลือที่นั่งว่างเพียงสามที่

ทั้งหมดเป็นเพื่อนร่วมงานในสถานีตำรวจ และเป็นผู้ชายทั้งหมดด้วย พอเห็นเชอร์รีนเดินเข้ามา ทั้งหมดก็ผิวปากแซวองค์ชาย

“พี่สะใภ้สวยจริงๆ!”

“ใช่แล้ว มิน่าล่ะหัวหน้าถึงไม่เคยยอมพาพี่สะใภ้มาด้วยเลย กลัวพวกเราแย่งเหรอ?”

“อ้าว คนนี้คือเจ้าหญิงน้อยในรูปถ่ายบนโต๊ะของหัวหน้าพวกเราไม่ใช่เหรอ?”

“ใช่จริงด้วย มานี่ เจ้าหญิงน้อย มาทักทายกันหน่อย”

ซารางไม่ได้รู้สึกประหม่า เธอยืนยิ้มร่าอยู่ตรงนั้น แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงละมุนละไม “สวัสดีค่ะคุณอาทุกท่าน หนูชื่อซารางโนะปีนี้อายุ 3 ขวบ 7 เดือน กำลังเข้าเรียนชั้นอนุบาล”

ทุกคนบนโต๊ะรู้สึกขบขันกับท่าทางน่ารักใสซื่อ พยายามวางมาดขรึม จึงแย่งกันจะเข้ามาอุ้มเธอ