ตอนที่ 426

Taming Master

ลูการิกซ์นั้นทรงพลัง

อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ เอียนยังไม่สามารถเข้าใจพลังและความสามารถของลูการิกซ์ได้อย่างแม่นยำ

แค่เดาคร่าวๆ

‘มังกรระดับ Myth และแน่นอนว่าจะต้องมีลมหายใจแห่งมังกร , บัฟมังกรก็ด้วย… และจะเป็นเผ่ามังกรด้วย’

ก่อนบัฟจะหมด จำเป็นต้องรู้สกิลของลูการิกซ์ให้แม่นยำที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อดึงพลังที่เขาทำได้จากลูการิกซ์

ด้วยเหตุนี้ เอียนจึงจัดการเสี่ยงโชคเล็กๆน้อยๆให้กับลูการิกซ์ที่ยังรู้สึกสงสัยอยู่

“ลูการิกซ์ เวทย์มนตร์มหึมาที่นายใช้ครั้งล่าสุดคืออะไร?”

“คุณหมายถึงอะไร?”

เมื่อเอียนกำลังจะพูดอีกครั้ง ก็มีคนอื่นเข้ามาในการสนทนาอย่างรวดเร็ว

“เจ้าเด็กน้อย ทำไมเอาแต่พูดกับพ่อของฉันโดยไม่ให้เกียรติอย่างนั้นล่ะ?”

“อ๊ะ หายตัวสักทีได้ไหม! เรากำลังคุยกันอยู่”

“บู่!”

สองพี่น้องเริ่มทะเลาะกัน

เมื่อเห็นเช่นนั้น เอียนก็รู้สึกสับสน

‘เอล มันเป็นเรื่องดีที่เธอเข้าข้างฉัน แต่…’

เขารู้สึกดีมากแต่ไม่มั่นใจในสถานการณ์

เมื่อการสนทนาระหว่างพวกเขายังไม่จบ เอียนพยายามทำให้พวกเขาสงบลงในขณะที่เขารู้สึกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของเด็กๆ

เอียนอุ้มเอลคาริกซ์ไว้ในอ้อมแขนของเขา และพยายามเปล่งเสียงที่เป็นมิตรที่สุดเท่าที่จะทำได้

เป็นที่เข้าใจได้ว่าเขาเลือกข้างเอลคาริกซ์

“เอลคาริกซ์ที่น่ารักและสุภาพของเราจะเข้าใจ เด็กคนนี้เกิดมานิสัยเสียนิดหน่อยน่ะ”

และเอลคาริกซ์ด้วยสีหน้าที่ระบุว่า ‘ทำอะไรไม่ได้แล้ว’ ก็ส่ายหน้า

“หึ ถ้าป๊ะป๋าพูดแบบนั้นล่ะก็”

ลูการิกซ์ต่อต้านอย่างรุนแรง

“ไม่! ไม่นิสัยเสีย! คุณกำลังพูดถึงใคร”

“มีใครอีกบ้างตรงนี้ นอกจากเอลคาริกซ์กับฉัน นายแล้วก็นาย”

“อ๊าาาา”

ไม่มีอะไรนอกจากเสียงที่ออกมาจากปากของลูการิกซ์และเอียนก็ไม่สนใจ

ผู้ที่ดูแข็งแกร่งมากในแวบเดียวก็แสดงให้เห็นด้านที่อ่อนแอเล็กน้อยระหว่างการต่อสู้กับพี่น้องของเขา

“ไม่จำเป็นต้องให้เกียรติฉันเลย ตอบฉันมาสิ เจ้าหนู ครั้งสุดท้ายที่เจ้าใช้เวทมนตร์คืออะไร?”

ในการต่อสู้ที่คฤหาสน์คีตัน เอียนเป็นคนที่แสดงผลงานที่โดดเด่นมาก

อย่างไรก็ตาม การมีส่วนร่วมของเอียนไม่ได้ยิ่งใหญ่ที่สุด

เพราะเอียนเป็นราชาและเป็นผู้เปลี่ยนกระแสการต่อสู้ทั้งหมด ผู้คนมากมายจึงสนใจเอียน

พูดตามตรง เขาไม่ได้มีส่วนร่วมมากนักเมื่อเทียบกับลูการิกซ์ที่เลเวล 500

เมื่ออัญเชิญสัตว์เลี้ยงทั้งหมดของเขาจะทำให้ประสบการณ์สะสมของเอลคาริกซ์ลดลง เอียนได้อัญเชิญสัตว์เลี้ยงจำนวนมาก และแน่นอนว่าไม่ว่าใครก็เห็นว่าเขาไม่ได้มีส่วนร่วมน้อยกว่าผู้ติดอันดับอย่างฮูนี่ย์และเลฟย่า

แล้วใครที่มีส่วนร่วมมากที่สุดสำหรับชัยชนะของพวกเขา?

น่าแปลกที่มันไม่ใช่หน่วยของมังกรหรือคาเมเรสผู้บังคับบัญชาผู้กล้าหาญ แต่เป็นลูการิกซ์

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการอัญเชิญครั้งใหญ่ของดุ๊กเดในคลื่นมอนสเตอร์ลูกสุดท้าย พายุทอร์นาโดที่มีกำลังมากพอที่จะทำให้ทุกคนอ้าปากค้างได้ก่อตัวขึ้น

ถ้าหลุมอเวจีของดุ๊กเดเป็นเหมือนหลุมดำ ลมกรดของลูการิกซ์ก็เหมือนกับ ‘หลุมดำที่กำลังเคลื่อนที่’

มันเป็นเวทย์มนตร์โจมตีแบบระยะเวลาที่ทรงพลังที่กวาดล้างและทำลายผ่านทุกสิ่ง

และไม่ใช่แค่ความสามารถพิเศษเพียงอย่างเดียวของลูการิกซ์

ลูการิกซ์ใช้ความสามารถหลายอย่างที่เอียนไม่รู้

และเอียนต้องการทราบพลังของพวกมันทั้งหมด

ถ้าเขาสามารถใช้สกิลเหล่านั้นได้ ประสิทธิภาพของการล่าก็จะเพิ่มขึ้น

ทันทีที่การทะเลาะวิวาทของพี่น้องมังกรทั้งสองจบลง ลูการิกซ์ก็เริ่มอธิบายสกิลของเขา

“อ่อ สกิลนั้น แทนที่จะเป็นความสามารถของฉัน มันคือเวทย์มนตร์”

“เวทย์มนตร์?”

“ใช่ โซลสตอร์ม กลุ่มเวทย์มนตร์มืด 9 วง”

“9 วงเลยเหรอ…? จริงเหรอ?”

“ใช่ จริงๆ แล้วเทพมังกรเคยโกหกด้วยเหรอ?”

“อืม ฉันไม่ได้หมายความว่าเป็นเรื่องโกหก แค่แปลกใจว่าตั้ง 9 วง…”

“หุหุ เจ๋งมากใช่ไหมล่ะ? สกิลเวทย์มนตร์มืดของฉันยอดเยี่ยมมาก”

ความคิดของเอียนเริ่มทำงานอย่างรวดเร็ว

พายุแห่งความมืดมหึมาเริ่มหมุนเข้ามาในหัวของเอียน

วงเวทย์ 9 วงก็เพียงพอที่จะเข้าใจพลังของมัน

เวทย์มนตร์ที่เป็นมนุษย์ ไม่มีใครเคยใช้เวทย์มนตร์ที่สร้างวงเวทย์ได้ 9 วง

‘ไม่ใช่ความสามารถแต่เป็นเวทย์มนตร์… ถ้าอย่างนั้นมันจะเป็นสิ่งที่คิดว่าคือกลุ่มเวทย์มนตร์’

และเวทย์มนตร์มืดที่สามารถสร้างเวทย์มนตร์โจมตีอันทรงพลัง การต่อสู้ของลูการิกซ์ก็มีสัดส่วนที่เท่ากันกับค่าสติปัญญาของเอลคาริกซ์

เมื่อเขาได้รับข้อมูลเกี่ยวกับลูการิกซ์ เอียนก็เริ่มยิ้ม

หวังว่าเขาจะสามารถเรียนรู้สกิลของลูการิกซ์แล้วสอนสกิลวงเวทย์ 9 วงให้กับเอลคาริกซ์ด้วย

เอียนเปลี่ยนน้ำเสียงของเขา

“ว้าว ลูการิกซ์ ยิ่งฉันเห็นนายก็ยิ่งดูแข็งแกร่งขึ้น นายเรียนรู้เวทย์มนตร์จากที่ไหน?”

ลูการิกซ์มีจิตใจที่เรียบง่ายและมีสติปัญญาพื้นฐาน

และเป็นที่ชัดเจนว่าลูการิกซ์มีจุดอ่อนสำหรับการชมเชย

เป็นความเข้าใจที่เอียนได้รับจากการมีสัตว์เลี้ยงมากมาย

ตามที่เอียนทำนายไว้ ลูการิกซ์ก็เริ่มให้ข้อมูล

“อะแฮ่ม คุณรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของร่างกายนี้หรือไม่”

“นั่นคือสิ่งที่ฉันพูดล่ะ! ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีเวทย์มนตร์ที่ใช้วงเวทย์ 9 วงได้ด้วย”

“โอ้ อย่างนั้นเหรอ”

“การเรียนรู้เวทย์วงเวทย์ 9 วง…”

แล้วเรื่องราวก็ออกมาจากปากของลูการิกซ์ทีละเรื่อง—สิ่งที่น่าทึ่งคือ

ข้อมูลขั้นสูงที่ไม่มีใครเคยได้ยินในไคลัน

“หนังสือสกิลวงเวทย์ 9 วง เป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถทำได้ มันมีไว้สำหรับสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติเท่านั้น ดังนั้น เราต้องไปที่โลกกลางจึงจะได้รับสกิลวงเวทย์ 9 วงขึ้นไป”

“โลกกลาง…?”

“โลกกลางไม่ใช่คำที่ใช้เรียกระบบมิติเดียว ขออธิบายสั้นๆ…”

ลูการิกซ์อธิบายว่าโลกหลายมิติสามารถจำแนกได้เป็นสามประเภท

ในหมวดแรก ‘กราวน์ซิสเต็ม’ ซึ่งระบบมิติพื้นฐานเช่น มนุษย์และแอสโมเดียน

และมีหลายมิติในกราวน์ซิสเต็ม ไม่ใช่แค่มนุษย์หรือปีศาจ

หมู่เกาะทางใต้ที่จักรวรรดิเมารยาตั้งอยู่ เป็นมิติโบราณที่เรียกว่า ‘ฮัลลีย์’ ในอดีต

แม้แต่ลูการิกซ์ก็ไม่รู้ว่าระบบมิติมีอยู่กี่ระบบ

อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่องราวทั้งหมดนี้เกิดขึ้น สิ่งแรกที่เข้ามาในหัวของเอียนคือ ‘เซิร์ฟเวอร์’

‘การมีอยู่ของมิติมนุษย์และมิติปีศาจดูเหมือนเซิร์ฟเวอร์จากประเทศอื่น…’

ไม่รู้ว่ามันถูกต้องแค่ไหน แต่ดูเหมือนเป็นคำอธิบายที่สมเหตุสมผล

และในขณะที่เอียนกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ คำอธิบายของลูการิกซ์ยังคงดำเนินต่อไปเกี่ยวกับการจำแนกประเภทที่สองของระบบมิติ

เรื่องราวที่ออกมาจากปากของลูการิกซ์นั้นเหมือนกับคำอธิบายที่ออกมาจากคำอธิบายไอเทม ‘สัญลักษณ์ของอัศวินมังกร’ จากคาเมเรส

“โลกมีอาณาเขตไม่มาก แต่ในโลกกลางยังมีมิติมากมาย มิติวิญญาณ—มิติสวรรค์ และบ้านเกิดของพวกเรา ‘มังกร’ เหมือนกับที่อยู่ในหุบเขามังกร เพราะฉันไม่รู้เรื่องพวกนั้นทั้งหมด ไม่สามารถให้คำอธิบายอย่างละเอียดได้”

มีความแตกต่างมากมายระหว่างโลกกลางและกราวน์ซิสเต็ม แต่ความแตกต่างที่โดดเด่นที่สุดคือไม่มีมิติมากมายในนั้น

และหากสมมติฐานก่อนหน้าของเอียนถูกต้อง เอียนก็สามารถสร้างบางสิ่งที่นั่นได้

‘ถ้าจำนวนของระบบมิติหมายถึงเซิร์ฟเวอร์ จะเป็นไปได้ไหมที่จะพบกับผู้เล่นเซิร์ฟเวอร์โลกกลางซึ่งมีเพียงแผ่นดินเดียวเท่านั้น’

ขณะที่ความคิดแล่นเข้ามาในหัว หัวใจของเอียนก็เริ่มเต้นแรง

เซิร์ฟเวอร์จัดอันดับของเกาหลีนั้นแข็งแกร่งมาก แต่ก็คงจะน่าตื่นเต้นมากหากพวกเขาสามารถแข่งขันกับผู้ติดอันดับจากประเทศอื่นๆได้

และเนื้อหาที่ได้รับอาจไม่แน่นอน

‘มันเป็นสิ่งที่ฉันควรตั้งตารอใช่ไหม?’

ขณะที่เอียนกำลังครุ่นคิดอยู่ลึกๆ คำอธิบายของลูการิกซ์ก็ตามมา

“และในที่สุด บนโลกกลางก็มีสถานที่ที่เรียกว่าระบบสวรรค์”

“ระบบสวรรค์?”

“อืม และฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดเหมือนกัน ฉันไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับมัน เพราะมันมีเพียงระบบเดียวในระบบสวรรค์”

“…?”

“กล่าวอีกนัยหนึ่ง ระบบสวรรค์เป็นเหมือน ‘โลกใหม่’ ”

และคำอธิบายของลูการิกซ์ก็จบลง

อย่างไรก็ตาม สิ่งนั้นทำให้จิตใจของเอียนซับซ้อนไปด้วยความคิด

เป็นเพราะว่าเมื่อเล่นไคลันในอนาคต มีหลายปัจจัยให้เขาพิจารณา

และเอียนที่รวบรวมข้อมูลมากมายเกี่ยวกับโลกทัศน์ของไคลันก็ลูบหัวลูการิกซ์

“ฮ่าฮ่า นายฉลาดกว่าที่เห็นนะเนี่ย”

“ใช่ ฉันรู้หลายอย่าง!”

“ใช่ น่าแปลกที่นายมีมุมดีๆด้วย”

“ทำไมฉันถึงรู้สึกแย่… นั่นเป็นคำชมใช่ไหม?”

“แน่นอนสิ”

ในตอนแรก มันทำให้ลูการิกซ์สอนเวทมนตร์ที่เขารู้จักให้กับเอลคาริกซ์

แต่เมื่อเรื่องต่างๆเพิ่มขึ้น เอียนตัดสินใจถามคำถามเพิ่มเติม

“ถ้าอย่างนั้น ลูการิกซ์ นายไปอยู่ที่ไหนมาในโลกกลางล่ะ?”

“ฉันไม่ได้ไปที่อื่นนอกจากสวรรค์ของมังกร”

“หือ? นายไม่รู้วิธีไปยังมิติอื่นเหรอ?”

“เฮ้อ ไม่รู้จะไปยังไงน่ะสิ”

“อืม แต่นายรู้วิธีไปที่สวรรค์ของมังกรใช่ไหม?”

“ใช่”

อย่างไรก็ตาม ลูการิกซ์ระบุว่าเขาไม่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่าจะไปที่สวรรค์ของมังกรได้อย่างไร

อันเนื่องมาจากคำสั่งของเทพมังกร

อย่างไรก็ตาม ขณะที่เขารู้สึกดี เขาก็คอยบอกใบ้

“แท่นบูชาของมังกร อาจมีคำใบ้เกี่ยวกับสวรรค์ของมังกร นั่นคือทั้งหมดที่ฉันสามารถพูดได้”

“ใช่ แท่นบูชามังกร… ฉันรู้สึกเหมือนเคยได้ยินที่ไหนสักแห่ง”

เอียนจำทุกอย่างที่ลูการิกซ์บอกเขา

เป็นเพราะเขาใส่ข้อมูลใหม่ทั้งหมดไว้ในหัวของเขา

หลังจากนั้นไม่นาน ดวงตาของเอียนก็เบิกกว้าง

ความทรงจำแล่นผ่านความคิดของเอียนในทันที

‘แท่นบูชามังกร…! ประตูมิติที่อยู่ลึกที่สุด!’

ในดินแดนมังกร—ซึ่งตั้งอยู่ในทุ่งกว้างของหมู่เกาะทางใต้

และหอคอยขนาดใหญ่ก็เข้ามาในความคิดของเอียน

สถานที่ที่เอียนไปขโมยซินตะมานิ

ดันเจี้ยนชื่อ ‘แท่นบูชามังกร’ เข้ามาในความคิดของเอียน

‘ใช่สิ ในตอนนั้น ประตูมิติที่จำเป็นต้องเปิดสำหรับเควสต์นับเวลาโจมตีที่จะเคลียร์คือประตูสู่สวรรค์ของมังกร!!’

การล่ากับลูการิกซ์ดูเหมือนจะเป็นการตัดสินใจที่สำคัญที่สุดของเขา

มันทำให้เอียนมีข้อมูลที่เขาไม่เคยคิดมาก่อน

 

*ตอนนี้ก็ประมาณว่ารวมเซิร์ฟเวอร์จากนานาประเทศมาอยู่ที่เดียว