ตอนที่ 579 เสด็จแม่ได้โปรดเมตตา

 

 

ทว่าซูหลีกลับนั่งอยู่บนเก้าอี้ หากคนที่ไม่รู้คงจะคิดว่าซูหลีเป็นคนที่สูงส่งตัวจริง!

 

 

ไทเฮากริ้วจนแทบจะหงายหลัง เพียงชั่วพริบตา ในชั่วขณะนั้นนางไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมายขนาดนั้น

 

 

“ไทเฮาเหนียงเหนียงเพคะ!” ซูหลีที่กำลังจะถูกไทเฮาเด็ดศีรษะ จนทำให้ผู้ติดตามข้างกายอย่างเย่ว์ลั่วร้อนใจก็ช่างเถอะ คิดไม่ถึงว่าป๋ายถานจะทรุดตัวคุกเข่าลงเช่นกัน

 

 

“ไทเฮาเหนียงเหนียงทรงปล่อยคุณชายซูไปเถอะเพคะ!” ในเวลานี้ป๋ายถานกลับไม่เรียกไทเฮาว่าเสด็จแม่แล้ว และแสดงท่าทางยืดอกต่อสู้เพื่อซูหลี

 

 

ซูหลีเห็นภาพตรงนี้ นางจึงค่อยๆ ยกยิ้มที่มุมปาก หากพูดถึงความเก่งกาจคงจะต้องยกให้ป๋ายถานจริงๆ

 

 

นางแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ชอบซูหลีสักนิด ทว่าในเวลาเช่นนี้กลับร้องขอความเมตตาให้กับซูหลี

 

 

แผนการในใจช่างล้ำลึกโดยแท้ ทำให้คนยากจะจินตนาการได้

 

 

ยังดีที่ซูหลีนั้นรู้จักนางดี อีกทั้งไม่ใช่รู้จักเพียงวันสองวัน แม้นางจะแสดงท่าทางจริงใจขนาดไหน มีเพียงซูหลีเท่านั้นที่มองเรื่องเหล่านี้ออก มองเห็นความคิดเจ้าเล่ห์ของนาง และไม่มีทางที่จะรู้สึกตื้นตันใจกับสิ่งที่นางกระทำทั้งหมด

 

 

“ถานเอ๋อร์!” ไทเฮาทรงคิดไม่ถึงป๋ายถานจะร้องขอความเมตตาให้กับซูหลี นางตำหนิป๋ายถานอย่างโมโห ในน้ำเสียงยังมีความคัดค้านอยู่

 

 

“เสด็จแม่เพคะ นี่เป็นคราแรกที่คุณชายซูเข้ามาในวังหลวง จึงมิได้เข้าใจกฎเกณฑ์ของวังหลวงมากนัก คุณชายซูไม่ได้เจตนาล่วงเกินท่าน ท่านโปรดยกโทษให้เขาสักครั้งเถิดเพคะ!” ทว่าป๋ายถานทำเหมือนกับไม่ได้ยินสุรเสียงของไทเฮาก็มิปาน อีกทั้งยังร้องขอความเมตตาให้กับซูหลี

 

 

เป็นคราแรกที่เข้าวัง…

 

 

เหตุผลนี้ดูเหมือนจะตบตาเกินไปเสียหน่อย

 

 

ลองหาทหารที่เฝ้าประตูวังเหล่านั้นมาสักคน ก็สามารถรับรู้ได้ว่าซูหลีไม่ได้เข้าวังหลวงคราแรกอย่างแน่นอน

 

 

“ถานเอ๋อร์ เจ้าเด็กคนนี้ไยถึงได้ซื่อสัตย์ถึงขนาดนี้! ไม่ว่าจะปฏิบัติกับใครก็ปฏิบัติอย่างดี ทั้งยังไม่ดูเลยว่าอีกฝ่ายคุ้มค่าต่อการปฏิบัติที่ดีหรือไม่ อย่างไรวันนี้ข้าจักต้องไม่ปล่อยซูหลีผู้นี้ไป เจ้าดูสิว่าเขามีท่าทีอย่างไร!? ข้าเป็นไทเฮา ทว่าไม่ใช่ผู้อาวุโสในครอบครัวของเขา! เขาถึงได้หลอกลวงข้าเช่นนี้”

 

 

“คุณชายซู!” ทันทีที่ป๋ายถานได้ยินคำพูดนี้ จึงรีบหันศีรษะไปทางซูหลีและเอ่ยว่า “เจ้ารีบยอมรับผิดกับไทเฮาเสียเถิด เสด็จแม่นั้นเป็นคนที่มีพระทัยดีงาม เป็นผู้ที่มีเมตตามากที่สุด ขอเพียงเจ้ายอมรับผิด เสด็จแม่จักทรงไม่คิดเล็กคิดน้อยเป็นแน่…”

 

 

“ขอบพระทัยเล่อผินเหนียงเหนียง” หลังจากซูหลีมองนางอยู่นาน พลันก้มศีรษะและเอ่ยขอบคุณนาง

 

 

เมื่อป๋ายถานได้ยินคำพูดของซูหลี จึงแสดงท่าทางอ้ำอึ้งออกมาอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าจิ้มลิ้มที่สง่างามและสวยหยาดฟ้านั้นมีประกายความงงงันพาดผ่าน

 

 

“ข้าน้อยไม่ได้เข้าวังเป็นครั้งแรก ทว่าโกหกหลอกหลวงไทเฮาในเรื่องนี้ นั่นถึงจะถือว่าเป็นการไม่เคารพไทเฮาอย่างแท้จริง!” ซูหลีฉีกยิ้มบางและเอ่ยประโยคเช่นนี้ออกมา

 

 

“เจ้าดูสิ!” ไทเฮาทอดพระเนตรเห็นท่าทางเช่นนี้ของซูหลี สีหน้าจึงดำคล้ำขึ้นทันที ไทเฮาทรงชี้นิ้วไปที่ซูหลี และเอ่ยกับป๋ายถานด้วยโทสะว่า “เขาเห็นข้าอยู่ในสายตาที่ไหนกัน ดูท่าทางของเขาสิ เขาต้องการให้ข้าโกรธจนกระอักเลือดตาย!”

 

 

ซูหลีเป็นคนที่ไม่ใส่ใจอะไรทั้งสิ้น เรื่องนี้ไทเฮาก็ไม่ใช่ว่าทรงเคยได้ยินเป็นคราแรก

 

 

ทว่าคิดไม่ถึงว่าจะถึงขั้นกล้าทำตัวเหลวไหลต่อหน้าตนได้ ไทเฮานั้นทรงมีความคิดที่จะมาจัดการซูหลีตั้งแต่แรก ทว่าจนถึงบัดนี้กลับเป็นพระองค์ที่ถูกซูหลีทำให้โมโหจนถึงขีดสุด

 

 

ดูสิว่าแต่ละคำที่ซูหลีพูดออกมานั้นล้วนเป็นอะไรบ้าง

 

 

ไม่เห็นไทเฮาอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย!

 

 

“เสด็จแม่…” ป๋ายถานอ้าปาก นางยังอยากจะเอ่ยอะไรออกมา ทว่าคิดไม่ถึงว่าทันทีที่นางเหลือบตาขึ้นมอง จะเห็นคณะคนเดินเข้ามาทางนี้อย่างรีบร้อน

 

 

“เสด็จแม่ได้โปรดเมตตา คุณชายซูก็แค่มีอุปนิสัยดื้อรั้นบ้างก็เท่านั้น!”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 580 ฮ่องเต้เสด็จแล้ว

 

 

ป๋ายถานหมอบตัวลงในทันที และร้องขอความเมตตาให้กับซูหลี

 

 

“คราก่อนเขายังกล่าวว่าเจ้าเป็นภัยพิบัติของแว่นแคว้นต่อหน้าขุนนางในราชสำนัก มิหนำซ้ำยังไม่ให้เจ้าเข้าวังปรนนิบัติฮ่องเต้ บัดนี้เจ้ายังขอความเมตตาให้แก่เขา ไม่รู้ว่าโง่งมหรือเป็นคนเขลาเกินไปกัน!?” ไทเฮาทอดพระเนตรไปทางป๋ายถานผู้นั้น อีกทั้งเนื้อความภายในคำพูดล้วนมีความเข้มงวดอยู่

 

 

ซูหลีได้ยินดังนั้น จึงอดไม่ได้ที่จะลูบจมูกตนเองเบาๆ อีกทั้งปกปิดใบหน้าที่มีรอยยิ้มประชดประชันของตนไว้

 

 

ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ไทเฮาบอกว่าจำนางไม่ได้หรือ ไยถึงยังจำเรื่องที่นางกระทำที่งานเฉลิมพระชนม์ได้กัน

 

 

คำพูดช่วงต้นกับช่วงท้าย นี่ช่าง…โดยแท้

 

 

เพียงแต่คำพูดนี้ซูหลีไม่ได้พูดออกมาต่อหน้าพระพักตร์ไทเฮา นางก็พอรู้จักความเหมาะสมอยู่บ้าง แม้คนตรงหน้าจะเป็นหญิงแก่ที่น่ารังเกียจ แต่อย่างไรนางก็เป็นพระมารดาของฮ่องเต้ มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือด แม้ฮ่องเต้จะทรงไม่สนพระทัยไทเฮาอย่างไร ทว่านางยังไม่สามารถเข้าเป็นขุนนางในราชสำนักได้ นางจะสามารถทำอะไรได้กัน

 

 

“เสด็จแม่!” ขณะที่ซูหลีกำลังครุ่นคิด กลับเห็นฮ่องเต้ในชุดมังกร อีกทั้งด้านนอกมีเสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกตัวใหญ่คลุมทับไว้ ซึ่งจู่ๆ ก็ปรากฏตัวต่อหน้านาง

 

 

ซูหลีอ้ำอึ้งในทันที ฮ่องเต้ทรงเสด็จมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

 

 

ช่างเถอะ นี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ… สิ่งที่สำคัญก็คือเสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกสีขาวตัวนี้ไยถึงได้…คุ้นตาขนาดนี้กัน

 

 

ท่ามกลางสายตาผู้คนมากมาย อีกทั้งไทเฮาที่อยู่ด้านข้างยังทรงใช้สายตาจ้องจะเขมือบนางอยู่ ทว่าใบหน้าของซูหลีกลับแดงระเรื่อ

 

 

ฮ่องเต้พระองค์นี้! ช่างเปลี่ยนลูกไม้ได้อย่างเจ้าเล่ห์จริงๆ!

 

 

ใบหน้าของนางแดงก่ำไปหมด

 

 

อาภรณ์ที่ฮ่องเต้ทรงสวมใส่ควรจะเป็นสีเหลืองอร่ามทั้งหมด แม้แต่เสื้อคลุมตัวใหญ่ในเหมันตฤดูก็ควรจะเป็นเช่นนั้น ทว่าฉินเย่หานมีเสื้อผ้าส่วนตัวจำนวนไม่น้อย เสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกสีขาวตัวนี้ก็คงเป็นเสื้อผ้าส่วนตัวของฉินเย่หานเหมือนกัน

 

 

ถึงจะเป็นเสื้อผ้าส่วนตัว ไยซูหลีถึงไม่รู้ว่าเสื้อคลุมตัวใหญ่นี่ ฮ่องเต้ทรงสั่งตัดสองตัวกันเล่า!?

 

 

มิผิด เสื้อคลุมตัวใหญ่นี้มีสองตัว อีกทั้งเสื้อคลุมสองตัวนี้เหมือนกันแทบทุกส่วน ตัวหนึ่งยกให้นาง ส่วนอีกตัวก็…อยู่บนพระวรกายของฮ่องเต้!

 

 

สิ่งเดียวที่แตกต่างของเสื้อคลุมทั้งสองตัวนี้ก็คือ เสื้อคลุมของซูหลีจะตัวเล็กกว่าหน่อย มีอัญมณีเม็ดเล็กประดับอยู่ในตัวเสื้อจำนวนมาก ทว่าตัวเสื้อที่อยู่บนพระวรกายฮ่องเต้นั้นจะตัวใหญ่กว่า บนเสื้อฝังด้วยอัญมณีทั้งเม็ด

 

 

ซูหลีอดที่จะอุทานออกมาในใจไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าฮ่องเต้จะทรงตระหนี่ถี่เหนียว อัญมณีเม็ดใหญ่และจำนวนมากนั้นเก็บไว้ในพระองค์เอง ส่วนของนางกลับฝังไว้ด้วยอัญมณีเม็ดเล็กเท่านั้น!

 

 

“ฮ่องเต้เสด็จมารวดเร็วจริงๆ!” สุรเสียงที่มีความคลุมเครือของไทเฮา ทำให้ซูหลีดึงสติกลับมาจากห้วงความคิดของตนเอง ทว่าแม้เป็นเช่นนั้นสายตาของซูหลีก็ยังจับจ้องบนร่างของฉินเย่หานอย่างต่อเนื่อง

 

 

ยังดีที่วันนี้นางไม่ได้สวมเสื้อคลุมตัวใหญ่ที่ฉินเย่หานมอบให้ มิเช่นนั้นหากสวมสิ่งนั้นเข้าวัง และฮ่องเต้ทรงเสด็จมาเช่นนี้ เกรงว่าคงจะยิ่งจะกระตุ้นโทสะของไทเฮามากไปกว่าเดิม

 

 

ไม่แน่อาจโมโหจนใส่ร้ายป้ายสีอะไรนางสักอย่าง อาจตั้งข้อกล่าวหาว่านางเจตนายั่วยวนฮ่องเต้อะไรเทือกนั้น คงยิ่งจะอยากเด็ดศีรษะของนางมากกว่าเดิม!

 

 

ในขณะที่ซูหลีใจลอย นางยังคิดว่าจะไม่มีผู้อื่นสังเกตเห็น

 

 

ที่จริงแล้วทุกคนล้วนสังเกตเห็นว่านางใจลอย อารมณ์ที่แสดงออกบนพระพักตร์ของไทเฮายิ่งดูไม่น่ามองกว่าเดิม นางแทบจะลากซูหลีผู้ซึ่งกำเริบเสิบสานลงมาโบยเสียเดี๋ยวนั้น ทว่าฉินเย่หานอดไม่ได้ที่จะมองซูหลีอยู่หลายปราด ซูหลีนี่ช่างใจกล้าเสียจริง

 

 

อีกทั้งยังมีอีกเรื่องหนึ่ง สิ่งที่ก้นของนางกำลังนั่งอยู่นั้นคืออะไรกัน

 

 

หรือนี่จะเป็นสาเหตุที่ดึงดูดความไม่พอพระทัยของไทเฮา!

 

 

“เสด็จแม่ตรัสอะไรกัน หากซูหลีกระทำเรื่องอันใดผิด ขอเพียงแค่เสด็จแม่ตรัสออกมา ลูกจะลงโทษนางอย่างแน่นอน!” ฉินเย่หานปั้นสีหน้าเยือกเย็นและกลับเอ่ยประโยคเช่นนี้ออกมา

 

 

ไทเฮาทอดพระเนตรไปทางเขาอย่างอดไม่ได้