อนุซุนเดือดดาลสุดขีด นางเหาะไปบนอากาศ ทันใดนั้นงูที่มีนัยน์ตาสีเขียวพ่นพิษสีแดงก็ปรากฏออกมาจากแขนเสื้อของนาง
ซูจิ่นซีเห็นหัวงูสามเหลี่ยมก็รู้ทันทีว่าต้องเป็นงูพิษ ทั้งยังมีพิษรุนแรงอีกด้วย นางทำได้เพียงรั้งตัวเยี่ยโยวเหยาให้ถอยหลังออกไปสองก้าว
เยี่ยโยวเหยาเป็นผู้มีวรยุทธ์ หากเขาลงมือ แม้ไม่สามารถถอนพิษได้ ทว่าเขาว่องไวกว่างูพิษมาก จึงรับมือกับงูพิษได้ไม่ยาก
ทว่าเขาไม่ได้ทำเช่นนั้น
เนื่องจากครั้งนี้เป็นการต่อสู้ระหว่างสตรี ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขาไม่ลงมือกับสตรี เขาเคารพความคิดเห็นของซูจิ่นซี จึงให้นางได้แสดงความสามารถในการรับมือกับอนุซุนก่อน
ส่วนเขาคอยปกป้องอยู่ห่างๆ เพื่อรับประกันความปลอดภัยของนาง
อนุซุนเห็นซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาถอยหลังไปและไม่ได้โต้กลับ จึงคิดว่าพวกเขาถูกตนโจมตีจนต้องล่าถอย ทั้งยังตกอยู่ในสถานการณ์เป็นรอง ไร้วิธีรับมือ
ขณะที่ใบหน้าของอนุซุนเผยให้เห็นรอยยิ้มแห่งชัยชนะ ทันใดนั้นซูจิ่นซีก็ใช้เข็มเงินโจมตีงูพิษตาสีเขียวที่พุ่งเข้ามาหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว งูตัวนั้นกระตุกเหมือนถูกไฟฟ้าช็อตและตกลงมาตายบนพื้น
ใบหน้าของอนุซุนเปลี่ยนไปอย่างมาก นางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันตะโกนว่า “ซูจิ่นซี! ”
ซูจิ่นซียืนนิ่งอยู่ที่เดิม ดวงตาบริสุทธิ์ไร้เดียงสาคู่นั้นเหลือบมองงูพิษตาสีเขียวที่นอนตายอยู่บนพื้น แล้วพูดขึ้นมาว่า “โอ้ ขอโทษที ข้าเผลอข้ามันโดยไม่ได้ตั้งใจ! ”
ซูจิ่นซีพูดว่าขอโทษ ทว่าใบหน้ากลับไม่มีความจริงใจแม้แต่น้อย
อนุซุนมองท่าทางเช่นนั้นของซูจิ่นซีก็ยิ่งเกิดบันดาลโทสะ
“ซูจิ่นซี งูตัวนี้เป็นของล้ำค่าที่ข้าตั้งใจเลี้ยงมาหลายปี นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะฆ่ามัน วันนี้หากข้าไม่ได้สังหารเจ้า ข้าไม่ขอเกิดเป็นคน! ”
แววตาของซูจิ่นซีเย็นชา นางแย้มยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “ในเมื่อเป็นสิ่งล้ำค่าก็ควรเลี้ยงดูให้ดี นำมันออกมาทรมานเพื่ออันใด? สิ้นเปลืองเข็มเงินของข้าไปตั้งเล่มหนึ่ง! อนุซุน ด้านวิชาพิษ เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า ส่วนด้านวรยุทธ์ของเจ้า ยิ่งไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่านอ๋อง ข้าขอเตือนเจ้าสักคำหนึ่ง รู้จักถอยเมื่อเผชิญกับความยากลำบากเถิด! วันนี้เห็นแก่ที่เจ้าเคยอาศัยอยู่ในจวนสกุลซูร่วมกับข้า ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าสักครั้ง”
“หึ พูดจาโอ้อวดใหญ่โต ผู้ใดไม่ไว้ชีวิตผู้ใดก็ยังไม่แน่! ลงมือเถิด! เจ้ากับข้านับเป็นศัตรูกัน”
อนุซุนพูดพลางเดินพลังลมปราณไปที่ฝ่ามือ วงรัศมีสีม่วงพลันปรากฏเบื้องหน้านาง จากนั้นก็พุ่งโจมตีมาทางซูจิ่นซี
กระบวนท่าของอนุซุนมาพร้อมกับพิษที่รุนแรง แน่นอนว่าซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยาต้องร่วมมือกัน
แววตาของเยี่ยโยวเหยาแสดงออกว่าหมดความอดทน เขายื่นมือออกไปโอบเอวบางของซูจิ่นซีอย่างแผ่วเบาและพูดกับนางว่า “รีบจัดการให้เสร็จสิ้น”
เดิมทีเยี่ยโยวเหยาไม่เห็นอนุซุนอยู่ในสายตา หากไม่ใช่เพราะซูจิ่นซีพูดคุยกับอนุซุนอยู่นาน เยี่ยโยวเหยาคงจำไม่ได้ว่ายังมีอนุซุนผู้นี้อยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการเสียเวลากับเรื่องไร้สาระนี้อีกต่อไป
“ได้เพคะ! ”
ซูจิ่นซีรับคำ ดวงตาเปล่งประกายความดุดัน
ระบบถอนพิษได้ตรวจสอบส่วนประกอบของสารพิษที่อนุซุนใช้ ไม่นานก็จัดเตรียมยาถอนพิษออกมาอย่างรวดเร็ว
เยี่ยโยวเหยาพาซูจิ่นซีกระโดดขึ้นและทำลายกระบวนท่าของอนุซุนได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังถอนพิษของอนุซุนได้อีกด้วย
อนุซุนไม่ยอมก็ลองอีกครั้ง…
ซูจิ่นซีตอบโต้ตามการแจ้งเตือนของระบบถอนพิษอย่างคล่องแคล่ว
ไม่ยอมก็ลองอีกครั้ง…
ไม่ยอมก็ลองอีกครั้ง…
เป็นเช่นนี้หลายครา ซูจิ่นซีต่อสู้กับอนุซุนจนหมดความสนุกไปแล้ว
ซูจิ่นซีสบตากับเยี่ยโยวเหยา ไม่นานก็เข้าใจความนัยระหว่างกันอย่างรวดเร็ว
แววตาของซูจิ่นซีเย็นชา เปลี่ยนจากการป้องกันเป็นโจมตี นางวางยาพิษอนุซุน คราแรกอนุซุนยังสามารถถอนพิษได้ ทว่า ต่อจากนั้นก็เริ่มลำบากมากขึ้น สุดท้ายไม่รู้ว่าซูจิ่นซีวางยาพิษชนิดใด ร่างกายของอนุซุนถูกพิษรุนแรง นางคุกเข่าลงบนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
ซูจิ่นซีค่อยๆ เดินไปหาอนุซุน
แววตาอนุซุนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว นางพูดอย่างอับจนหนทางว่า “ซูจิ่นซี วันนี้หากเจ้าปล่อยข้า ต่อไปภายหน้าหากเราพบกันอีก ข้าก็จะปล่อยเจ้าครั้งหนึ่งเป็นเช่นไร? ”
ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา “โอ้? น่าแปลกดี! วันนี้ข้าเป็นผู้ชนะ มีเหตุผลอันใดที่ต้องปล่อยเสือเข้าป่า เพื่อก่อปัญหาให้ตนเองในภายภาคหน้าเล่า? ”
แม้อนุซุนจะมีวรยุทธ์ ทว่าด้านวิชาพิษของนางเทียบซูจิ่นซีไม่ได้จึงพ่ายแพ้อย่างราบคาบ กลายเป็นนักโทษ ซูจิ่นซีไม่มีเหตุผลให้ปล่อยนางไป
อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าขณะที่ซูจิ่นซียกเข็มเงินพิษที่อยู่ในมือขึ้นมาและอยู่ห่างจากอนุซุนเพียงสองก้าว ทันใดนั้นอนุซุนก็พูดประโยคหนึ่งออกมา ทำให้ซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยาตกตะลึงอย่างมาก
“ซูจิ่นซี เจ้าไม่อยากรู้หรือว่าตอนนั้นที่เมืองเจียงหลิงเกิดเรื่องอันใดขึ้น? ไม่อยากรู้ความจริงเกี่ยวกับการตายของมารดาเจ้าหรือ? ”
ซูจิ่นซีที่ตัดสินใจจะลงมือกับอนุซุนพลันหยุดชะงัก ใบหน้าของนางซีดเผือด จากนั้นจึงเก็บเข็มเงินไว้ในแขนเสื้ออย่างเงียบงัน
“เจ้ารู้หรือว่าในตอนนั้นเกิดเรื่องอันใดขึ้นที่เมืองเจียงหลิง? ”
“หึ แน่นอนว่าข้ารู้ ก่อนที่มารดาของเจ้าจะเสียชีวิต ข้าได้เข้าไปอยู่ในจวนสกุลซูและเป็นอนุของซูจ้งแล้ว”
ใช่แล้ว!
อนุซุนเป็นสายลับของแคว้นไหวเจียง ทั้งยังอาศัยอยู่ในจวนสกุลซูมานาน ย่อมมีบางเรื่องที่นางรับรู้และให้ความสนใจมากกว่าผู้อื่น
แววตาของซูจิ่นซีเผยให้เห็นความสับสน ทว่าอนุซุนยังคงสงบนิ่ง ซูจิ่นซีจ้องอนุซุนอยู่นาน ทันใดนั้นก็ยกยิ้มเย็นชา “ข้าจะเชื่อได้อย่างไรว่าเจ้ารู้เหตุการณ์ในตอนนั้นจริงๆ ? ”
“เจ้าไม่เชื่อข้าก็เป็นสิทธิของเจ้า ทว่าข้ากล้ารับประกันได้ว่าหากข้าตายไป ความจริงเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองเจียงหลิงตอนนั้น เจ้าไม่มีทางล่วงรู้ได้อีกตลอดชีวิตนี้”
อนุซุนพูดจบก็เห็นแววตาของซูจิ่นซีปรากฏความเยาะเย้ย จึงพูดเสริมขึ้นอีกหนึ่งประโยค
“ซูจิ่นซี เจ้าคงไม่หวังให้จงเหมยจวงกับมู่หรงอวิ๋นเกอบอกความจริงกับเจ้าใช่หรือไม่? ” อนุซุนพูดพลางมองไปที่เยี่ยโยวเหยาที่ยืนอยู่ด้านหลังซูจิ่นซีด้วยใบหน้าเรียบเฉย “ข้าจะบอกความจริงกับเจ้า หากชีวิตนี้เจ้าโชคร้าย บางทีทั้งชีวิตนี้เจ้าอาจไม่ได้พบกับจงเหมยจวงและมู่หรงอวิ๋นเกออีกเลย”
แววตาของซูจิ่นซีที่สงบนิ่งราวกับผืนน้ำเผยให้เห็นความสับสนอีกครั้ง
อนุซุนผู้นี้เป็นหนึ่งในสี่ผู้คุมกฎแห่งแคว้นไหวเจียง นางรู้เรื่องราวของแคว้นจงหนิงมากน้อยเพียงใดกันแน่? นางรู้เรื่องราวของเมืองเจียงหลิงในตอนนั้นมากน้อยเพียงใด?
เหตุใดนางถึงรู้รายละเอียดของจงเหมยจวงกับมู่หรงอวิ๋นเกอ ทั้งยังรู้ถึงเจตนาของซูจิ่นซีที่ตามหาจงเหมยจวงและมู่หรงอวิ๋นเกออีกด้วย?
นางพูดว่าหากชีวิตนี้ซูจิ่นซีโชคไม่ดี อาจไม่ได้พบกับจงเหมยจวงและมู่หรงอวิ๋นเกอตลอดไป นั่นหมายความว่าอย่างไร?
เกิดอันใดขึ้นกับพวกเขากันแน่? พวกเขาไปอยู่ที่ใดแล้ว?
ซูจิ่นซีควรเชื่อนางหรือไม่?
ระหว่างที่ซูจิ่นซีกำลังลังเลอยู่นั้น ลมหนาวพลันพัดแรงขึ้น หมอกพิษสีแดงจำนวนมากที่กระจายอยู่โดยรอบค่อยๆ จางหายไปทำให้อากาศเริ่มแจ่มใส จากนั้นก็มีเสียงอันไพเราะดังมาแต่ไกล
“วิชาพิษของพระชายาโยวอ๋องช่างยอดเยี่ยมเสียจริง! โยวอ๋อง เรื่องในวันนี้เป็นการเข้าใจผิด โยวอ๋องโปรดยกโทษให้ด้วย เห็นแก่หน้าของข้าเจ้าสำนัก ปล่อยราชครูแห่งแคว้นไหวเจียงสักครั้งเป็นเช่นไร? ”
เสียงนั้นราบเรียบห่างไกล ฟังดูไพเราะกระจ่างใสราวกับแม่น้ำ มันดังก้องอยู่ข้างหูเหมือนเสียงสวรรค์ที่อยู่ท่ามกลางเทือกเขาซึ่งมีเมฆลอยระเรี่ยเหนือผิวน้ำ
แม้เสียงนั้นจะฟังดูห่างไกล ทว่าหลังสิ้นเสียงพูด สตรีงดงามนางหนึ่งในชุดสีเขียวมรกตพลันปรากฏขึ้นเบื้องหน้า