ตอนที่ 108 เนรเทศไปแอฟริกา

 

 

           หลังจากออกมาจากโรงพยาบาล เจียงมู่เฉินก็เรียกรถนั่งไปหามั่วไป๋ ไฟโกรธที่ลุกโชนยังหาที่ปลดปล่อยไม่ได้ ไปหามั่วไป๋จะได้ระบายอารมณ์พอดี

 

 

           มุ่งหน้ามาจนถึงคอนโดมีเนียมของมั่วไป๋ เจียงมู่เฉินยืนอยู่หน้าประตูเคาะประตูอยู่นานสองนานก็ไม่มีใครมาเปิด เขาจ้องมองประตูอย่างงงๆ กลางวันนี้มั่วไป๋ไม่อยู่บ้านไปไหนแล้ว

 

 

           เจียงมู่เฉินเคาะประตูอีกครั้งก็ยังไม่มีใคร

 

 

           เขาจ้องมองประตูพร้อมจะถอนหายใจอย่างหัวเสีย คราวซวยเคราะห์หามยามร้ายเช่นนี้ โดนซือเหยี่ยนเล่นไม่ซื่อก็ช่างเถอะ ตอนนี้แม้แต่ประตูของมั่วไป๋ยังรังแกเขาอีก

 

 

           เจียงมู่เฉินสลดใจคุกเข่าอยู่หน้าประตู ราวกับเด็กที่ถูกทอดทิ้งไม่มีผิด เห็นแบบนี้แล้วช่างน่าเวทนาทีเดียว

 

 

           ซือเหยี่ยนผู้ถูกเจียงมู่เฉินทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลโดยไม่ยอมให้ชี้แจงแก้ตัวใด ทั้งสิ้น มือประสานบีบเข้ากันแน่น ก่อนกดมือถือโทรหาไป๋จิ่ง

 

 

           ไป๋จิ่งกำลังอยู่ในห้องทำงาน รับสายซือเหยี่ยนแล้วรีบเอ่ยถามทันที “ทำไมถึงมีเวลาโทรหาฉันได้ล่ะ”

 

 

           ซือเหยี่ยนขบกรามแน่น “เรื่องที่ฉันไปโรงพยาบาล นายเป็นคนบอกเหวินฮุ่ยไปใช่ไหม”

 

 

           ไป๋จิ่งหยุดการกระทำในมือลง พยักหน้ารับ “เหวินฮุ่ยโทรหาฉันถามเรื่องนายพอดี ฉันก็เลยบอกเธอไป” เขาได้ยินความเงียบผิดปกติจากปลายสาย รู้สึกมีอะไรไม่ค่อยชอบมาพากล “มีอะไรหรือเปล่า นายไม่ได้ไปโรงพยาบาลดูเธอเหรอ”

 

 

           ซือเหยี่ยนสีหน้าดำคร่ำเคร่งจนไม่ไหว เขาได้ยินโทรศัพท์จากทางโรงพยาบาล รู้ว่าวันนี้เจียงมู่เฉินต้องมาโรงพยาบาลตรวจดูอาการอีกรอบ ตั้งใจเลื่อนงานหนึ่งวันเพื่อมาโรงพยาบาลเป็นเพื่อนเจียงมู่เฉิน สุดท้ายโดนไป๋จิ่งยื่นมือเข้ามายุ่งขนาดนี้ ทำเอาเจียงมู่เฉินโกรธจนไม่ให้เขาพูดอะไรสักคำ แล้วเดินหนีจากไปเลย

 

 

           “โครงการที่แอฟริกานั้น ฉันยังหาคนที่เหมาะสมไปไม่ได้มาตลอด” ซือเหยี่ยนกุมขมับ พูดต่อ

 

 

           “จะกำหนดกันจันทร์หน้าไม่ใช่เหรอ จะพูดเรื่องนี้ตอนนี้ทำไม”

 

 

           “ไม่ต้องถึงจันทร์หน้าหรอก ฉันกำหนดเรียบร้อยแล้ว”

 

 

           “กำหนดเรียบร้อยแล้วเหรอ ใครไป” ไป๋จิ่งยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับไป ทำไมซือเหยี่ยนกำหนดว่าเป็นใครแล้ว เขาถึงยังไม่รู้ล่ะ

 

 

         ซือเหยี่ยนทำหน้าเย็นชา เอ่ยเน้นคำต่อคำ “นายไป!”

 

 

           ไป๋จิ่งตะลึงงันไปสักพัก รีบร้องออกไป “นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมเป็นฉันไปได้”

 

 

           “ไม่มีเรื่องอะไรหรอก จันทร์หน้าไปตรงเวลานะ ฉันจะให้คนช่วยนายจัดการ” พูดจบ ซือเหยี่ยนก็ตัดสายทิ้งทันที

 

 

           ในห้องทำงาน ไป๋จิ่งผู้ถือมือถือค้างไว้ด้วยความงุนงงครุ่นคิดทบทวนอย่างจริงจังว่ามีปัญหาตรงไหนกันแน่

 

 

           เขาฟุบลงกับโต๊ะท่าทางช่างน่าเวทนานัก ช่วงนี้เขาก็ไม่ได้ทำผิดอะไรกับซือเหยี่ยนเลยนะ ก็แค่บอกหลินเหวินฮุ่ยว่าวันนี้เขาจะมาโรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ

 

 

           ‘…เดี๋ยวก่อน เขาทำอะไรผิดพลาดไปใช่ไหม’

 

 

           วันนี้ซือเหยี่ยนไปโรงพยาบาล คงจะไม่ได้ไปหาหลินเหวินฮุ่ยจริงๆ

 

 

           ‘งั้นวันนี้เขาไปโรงพยาบาลทำไม’

 

 

           คำว่า ‘ตามเมีย’ สองคำนี้วาบขึ้นมาในหัวของไป๋จิ่ง เขาอดจะอกสั่นขวัญแขวนขึ้นมาไม่ได้ คงจะไม่ใช่ว่าวันนี้ที่ซือเหยี่ยนไปโรงพยาบาลก็คือไปกับเมียคนนั้นที่เอ่ยออกมาจากปากเขาหรอกใช่ไหม ผลคือเขาบอกหลินเหวินฮุ่ยว่าซือเหยี่ยนไปเยี่ยมเธอ

 

 

           ‘แล้วหลินเหวินฮุ่ยก็โทรหาซือเหยี่ยนแล้ว?’

 

 

           ‘ผลคือทำให้คนคนนั้นในบ้านของซือเหยี่ยนโมโหงั้นเหรอ’

 

 

           ‘ดังนั้น เมื่อไม่ได้ดั่งใจซือเหยี่ยน จึงระบายความแค้นเคืองเอามันมาลงที่เขา? แล้วใช้อำนาจส่วนตัว จัดการส่งเขาไปแอฟริกาเลย?’

 

 

           คำถามวาบขึ้นมาเรียงต่อกันในหัวไป๋จิ่งไม่หยุด เขาฟุบลงกับโต๊ะอยากจะร้องไห้เสียจริง ไม่มีอะไรทำแล้วไปปากมากกับหลินเหวินฮุ่ยทำไม

 

 

           ‘ตอนนี้โดนเนรเทศไปแอฟริกาแล้วสินะ’

 

 

           ‘เขาไม่ชอบจีบหนุ่มน้อยชาวแอฟริกาเท่าไหร่นี่สิ’ …ไป๋จิ่งช้ำใจบ้างแล้ว

 

 

           …

 

 

           มั่วไป๋กลับมาจากข้างนอกก็เห็นหน้าประตูบ้านมีของก้อนหนึ่งวางอยู่ เขาชะงักงันไปครู่หนึ่ง รู้สึกว่าของชิ้นนี้ดูคุ้นตาไม่เบา

 

 

           เขาเดินเข้าไปตีสะกิดเรียกอีกฝ่าย “เจียงมู่เฉิน กลางวันแสกๆ นายมาหาฉันมีอะไร”

 

 

           เจียงมู่เฉินนั่งชันเข่ากอดขาเอาหัวซบลงบนขา มั่วไป๋เห็นท่าทางแบบนั้นของเขาช่างเชิดชูความอ่อนนิ่มของร่างกายเขาได้ทีเดียว

 

 

           เขาเงยหน้ามองมั่วไป๋ด้วยหน้าตาน่าสงสาร “นายไปตายไหนมา ฉันรอนายมาครึ่งชั่วโมงแล้ว”

 

 

           ถ้าไม่ใช่มั่วไป๋ เขาคงจะไม่มาทำตัวเป็นคนโง่รอที่หน้าประตูนานขนาดนี้

 

 

           “ทำไมไม่โทรหาฉัน”

 

 

           เจียงมู่เฉินจ้องมองเขาอย่าง “นายรับอยู่เหรอ พี่ชาย”

 

 

           ‘มือถือเขาใกล้จะโทรจนระเบิดแล้วโอเคไหม’

 

 

           มั่วไป๋หยิบมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง ลูบจมูกเงียบๆ “เหมือนว่าฉันจะลืมเปิดเครื่องเลย”

 

 

           

 

 

       ตอนที่ 109 คุณชายเจียงคนหยุมหยิม

 

 

           เจียงมู่เฉินคร้านจะมาคิดเล็กคิดน้อยกับอีกฝ่าย เขาเป็นอัมพาตอยู่ตรงนั้น จ้องมองคนตรงหน้า “อย่ามากความเลย เปิดประตูสิ คุณชายรอนายมาค่อนวันแล้ว”

 

 

           มั่วไป๋รีบเปิดประตู เห็นเจียงมู่เฉินคุกเข่าอยู่กับที่ไม่ขยับไปไหน จึงเลิกคิ้วขึ้น “เข้าไปสิ ยังจะอยู่ที่หน้าประตูทำไม”

 

 

           เจียงมู่เฉินมองบน “เท้าฉันเหน็บกินชาไม่ไหวนี่หน่า”

 

 

           มั่วไป๋ถอนหายใจ ส่งมือไปช่วยประคองพยุงเขาขึ้นมา รอให้มานั่งที่โซฟาแล้ว มั่วไป๋ถึงเพิ่งเอ่ยถาม “พูดมาเถอะ เป็นอะไรไปอีก”

 

 

           เจียงมู่เฉินเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้มั่วไป๋ฟังครบถ้วนทุกประเด็น ไม่ตกหล่นสักคำ แม้กระทั่งเรื่องที่กดซือเหยี่ยนเข้าผนังซักไซ้ไล่เลียงก็เล่าอีกครั้ง

 

 

           หลังจากมั่วไป๋ฟังจนจบ แล้วมองเจียงมู่เฉินอย่างเงียบๆ “ฉันว่านาย คุณชายเจียงเคยจะมาคิดเล็กคิดน้อยกับคนคนหนึ่งถึงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”

 

 

           เจียงมู่เฉินเมื่อก่อนเป็นคนไม่คิดอะไรมากจนเคยตัว ต่อให้ใครมาทุบหัวต่อหน้า ก็จะไม่กะพริบตาดู ตอนนี้กลับคิดเล็กคิดน้อยมากมาย เพราะซือเหยี่ยน มั่วไป๋ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ไม่รู้เลยว่าดีหรือว่าไม่ดี

 

 

           มั่วไป๋พูดจบ เจียงมู่เฉินตะลึงงันอยู่ครู่หนึ่ง

 

 

           จู่ๆ เขาก็รู้ตัว คาดไม่ถึงว่าตัวเองจะจุกจิกคิดเล็กคิดน้อยกับซือเหยี่ยนไม่ต่างจากผู้หญิงแบบนี้ ไม่ชอบให้ซือเหยี่ยนมองข้ามตัวเอง ไม่ชอบให้ซือเหยี่ยนใกล้ชิดกับหลินเหวินฮุ่ยเกินไป…

 

 

           เพียงชั่วครู่เดียวเจียงมู่เฉินค่อนข้างจะสับสนวุ่นวายในใจแล้ว

 

 

           “อีกอย่าง นายรู้ได้ยังไงว่าซือเหยี่ยนมาโรงพยาบาลก็เพื่อมาหาหลินเหวินฮุ่ย” มั่วไป๋ถอนหายใจ “ไม่แน่ว่าเขารู้ว่าวันนี้นายจะไปโรงพยาบาล เลยตั้งใจจะอยู่ด้วยกันกับนาย”

 

 

           เจียงมู่เฉินกลอกตาไปมา ไม่หรอกมั้ง ซือเหยี่ยนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะไปโรงพยาบาลเวลาไหน

 

 

         เดี๋ยวก่อน เขานึกขึ้นมาได้กะทันหัน เมื่อคืนตอนรับสายโทรศัพท์จากโรงพยาบาล ซือเหยี่ยนอยู่ในห้องน้ำ เสียงพูดเขาก็ไม่ได้เบาๆ หรือว่าซือเหยี่ยนจะบังเอิญได้ยินเข้า?

 

 

           เจียงมู่เฉินยะเยือกจนเสียวสันหลังวาบ เหงื่อแตกตะลึงค้าง ถ้าซือเหยี่ยนตั้งใจจะอยู่ด้วยกันกับเขาจริงๆ สุดท้ายยังโดนเขาเขวี้ยงทิ้งอยู่โรงพยาบาล…

 

 

           เจียงมู่เฉินไม่ค่อยกล้าจะคิดต่ออีก ยิ่งคิดยิ่งปวดไข่

 

 

           เขาลุกยืนขึ้นจากโซฟากะทันหัน มั่วไป๋ที่มองอยู่ตกใจไปด้วย “เป็นอะไรไปอีก”

 

 

           เจียงมู่เฉินเอ่ยต่อ “ฉันยังมีธุระอีก ไปก่อนนะ” เสียงพูดเพิ่งจะหยุดลง ตัวคงก็วิ่งออกไปไกลแล้ว

 

 

           มั่วไป๋มองตามแผ่นหลังเขาไป กุมขมับอย่างเสียไม่ได้ เจียงมู่เฉินไปแล้ว เขาถือโอกาสนอนชดเชยเพิ่มเสียเลย กลับมาไม่กี่วัน เขายังเจ็ตแล็กอยู่

 

 

           เจียงมู่เฉินกลับไปที่คฤหาสน์ ซือเหยี่ยนยืนอยู่ที่หน้าโต๊ะถือแก้วน้ำยกดื่มพอดี เจียงมู่เฉินเห็นซือเหยี่ยนอยู่กับบ้านแบบนี้ จู่ๆ ก็ใจแป้วขึ้นมา

 

 

           เขายิ้มอย่างทำตัวไม่ถูก เอ่ยถาม “กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

 

 

           ซือเหยี่ยนวางแก้วลง พูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “หลังจากที่คุณไป”

 

 

           รอยยิ้มบนใบหน้าของเจียงมู่เฉินชะงักไป ยามนึกถึงตอนที่ตัวเองเดินจากไป ด้วยท่าทางอวดดี ทำเอาใจฝ่อแทบจะเดี๋ยวนั้น

 

 

           “ฉันแวะไปบ้านมั่วไป๋มา” เจียงมู่เฉินบอกอย่างกระอักกระอ่วน

 

 

           “อืม” ซือเหยี่ยนรับคำนิ่งๆ ฟังอารมณ์เขาไม่ออกเลย

 

 

           “คือว่า…นายได้กินหรือยัง”

 

 

           ยังคง “อืม” รับคำอยู่แค่นี้

 

 

           เจียงมู่เฉินเห็นใบหน้าไร้อารมณ์ความรู้สึกของซือเหยี่ยน ชักจะกระวนกระวายใจขึ้นมาแล้ว เขาเป็นแบบนี้ตกลงโกรธหรือไม่โกรธกันแน่

 

 

            เจียงมู่เฉินจนปัญญา เขาทายไม่ถูกอยู่แล้ว

 

 

           ซือเหยี่ยนมองเขาแวบหนึ่ง เห็นเขาไม่มีอะไรจะพูด ก็หมุนตัวเดินขึ้นไปห้องหนังสือ

 

 

           เจียงมู่เฉินร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่กลับละอายใจที่จะพุ่งตัวขึ้นไปกะทันหัน ทำได้เพียงเบิกตามองซือเหยี่ยนที่เดินขึ้นข้างบนไป

 

 

           เจียงมู่เฉินคลุ้มคลั่งอยู่ข้างล่าง อยากจะข่วนผนัง

 

 

           ผ่านไปสิบนาที เจียงมู่เฉินผู้ข่วนผนังหยุดการกระทำของมือลง เขาพ่ายแพ้ต่อนิสัยหยุมหยิมของตัวเองแล้วจริงๆ  

 

 

           สับสนว้าวุ่นใจไปมีอะไรดี ในเมื่อซือเหยี่ยนโกรธแล้ว เขาขึ้นไปทำให้ซือเหยี่ยนหายโกรธอารมณ์ดีขึ้น ก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ

 

 

           เขาคุณชายเจียงใช้ชีวิตมานานหลายปี จะเคยมาสับสนว้าวุ่นใจขนาดนี้เมื่อไหร่กัน

 

 

           คิดถึงตอนแรกๆ เจียงมู่เฉินคนที่ให้คำมั่นหนักแน่นจริงใจว่าจะจีบซือเหยี่ยนคนนั้นไปไหนแล้ว

 

 

           ตัดสินใจดีแล้ว เจียงมู่เฉินมุ่งหน้าขึ้นชั้นสองไป ผลักเปิดประตูห้องหนังสือออก ประตูกระแทกกับผนัง แล้วเด้งคืนกลับมา

 

 

           เจียงมู่เฉินหน้านิ่งผลักประตูกลับไปอีก

 

 

           ซือเหยี่ยนกุมมือมองดูเขาก่อความวุ่นวายอย่างสงบเงียบ

 

 

           “คือว่า…นายยังโกรธฉันอยู่ใช่ไหม” เจียงมู่เฉินเดินเข้าไปอยู่ต่อหน้าซือเหยี่ยนเอ่ยถามเขาตรงๆ