บทที่ 211 หยั่งเชิง

รักหวานอมเปรี้ยว

“อย่าโกรธ นั่งลงก่อน” การันต์ดึงเก้าอี้ออกให้เธอ

ส้มเปรี้ยววางกระเป๋าไว้บนโต๊ะอย่างแรง “ฉันจะไม่โกรธได้ยังไง วันนี้จะฆ่ามายมิ้นท์ได้แล้ว ตราบใดที่หล่อนตาย ฉันก็จะไม่มีปัญหาตามมาในอนาคต แต่นาย……”

“เปปเปอร์อยู่โรงพยาบาล” การันต์ขัดจังหวะเธอ

ส้มเปรี้ยวตกตะลึง “ว่าไงนะ? เปปเปอร์อยู่โรงพยาบาล?”

“ถูกต้อง และเขาก็อยู่นอกประตูห้องผ่าตัดของมายมิ้นท์ด้วย ถ้าเขาเห็นฉันเข้าไปในห้องผ่าตัด เธอลองคิดดูสิ เพราะฉันผ่าตัดให้มายมิ้นท์ มายมิ้นท์เสียชีวิต เธอคิดว่าเปปเปอร์จะไม่สงสัยแล้วตรวจสอบอย่างละเอียดเหรอ?” การันต์ดันแว่นขณะมองเธอ

ส้มเปรี้ยวกัดปาก “นายก็พูดถูก ฆ่ามายมิ้นท์ไม่ได้ แต่เด็กในท้องมายมิ้นท์ นายก็ทำให้ตายได้นี่หน่า ทำไมนายไม่ทำ?”

เธอมองการันต์ด้วยความไม่พอใจ

การันต์รินน้ำให้เธอ “ไม่ต้องรีบร้อน มีโอกาสอีกเยอะ เธอยังไม่เชื่อใจฉันอีกเหรอ?”

“แต่ฉันกลัวจะยืดเวลานานเกินไป เปปเปอร์จะรู้จักเด็กนั่น แล้วแต่งงานใหม่กับมายมิ้นท์” ส้มเปรี้ยวกำหมัดพูดขึ้น

มุมปากการันต์วาดโค้งเยาะเย้ย “ฉันว่าเธอกังวลเกินไปแล้ว เปปเปอร์ไม่ใช่มายมิ้นท์ เขารู้ว่าเด็กในท้องมายมิ้นท์เป็นลูกเขา วันนี้ไปเฝ้านอกห้องผ่าตัดโดยเฉพาะ รอมายมิ้นท์ผ่าตัด แค่คิดก็รู้แล้วว่าเขาไม่ได้ชอบเด็กในท้องมายมิ้นท์ขนาดนั้น ดังนั้นสิ่งที่เธอคิด มันเป็นความจริงไม่ได้”

“เผื่อเอาไว้ก่อนดีกว่า อย่าลืมนะ แต่ก่อนฉันเคยบอกนายแล้ว คนที่เปปเปอร์รักจริงๆ คือมายมิ้นท์” ส้มเปรี้ยวพูดเสียงเข้ม

ในดวงตาการันต์มีแสงสว่างเคลื่อนผ่านไป “พูดขึ้นมาแล้ว ฉันก็ไม่เคยถามเธอ ทำไมเธอถึงกลัวมายมิ้นท์ขนาดนั้น? มายมิ้นท์กับเปปเปอร์หย่ากันแล้ว อีกอย่างดูจากท่าทางเธอ ก็ไม่อะไรกับเปปเปอร์ ถึงเปปเปอร์จะรักมายมิ้นท์ แต่เขาเองก็ยังไม่แน่ใจ ก็คงไม่คืนดีกับมายมิ้นท์หรอก เธอกำลังกลัวอะไรกันแน่?”

ได้ยินคำพูดนี้ แววตาส้มเปรี้ยวก็ขาดความมั่นใจ พูดขึ้นอย่างไม่ค่อยพอใจ “นี่นายไม่ควรถาม”

เรื่องที่เธอแทนที่ตัวตนของมายมิ้นท์ หลอกลวงเปปเปอร์เกี่ยวกับเรื่องเพื่อนทางจดหมาย เธอไม่บอกคนอื่นหรอก โดยเฉพาะเปปเปอร์กับการันต์

ถ้าเธอพูดออกมา ไม่มีใครรู้ว่าการันต์จะสงสัยเพราะสิ่งนี้ไหม ว่าเธอก็ปลอมตัวเป็นผู้มีพระคุณของเขาเช่นกัน

“งั้นเหรอ? ในเมื่อเธอไม่พูด งั้นก็ช่างเถอะ” การันต์ยักไหล่ ราวกับไม่สนใจจริงๆ

ส้มเปรี้ยวเพิ่งโล่งอก ก็ได้ยินการันต์ถามอีก “จริงสิ ส้มเปรี้ยว เธอยังจำได้ไหม เราเจอกันครั้งแรกตอนไหน?”

ดวงตาส้มเปรี้ยวกระวนกระวาย “ทำไมจู่ๆ นายถามเรื่องนี้?”

“ไม่มีอะไร ก็แค่คิดถึงอดีตแค่นั้น” การันต์ยกถ้วยชาขึ้นมาดื่ม ยิ้มขณะพูดขึ้น

ในใจส้มเปรี้ยวโกรธแทบตายแล้ว

ชายคนหนึ่ง ไม่คิดว่าจะว่างจนหวนรำลึกอดีต

สมองป่วยสินะ!

ในใจคิดแบบนี้ แต่หน้าส้มเปรี้ยวก็ยังคงยิ้มเล็กน้อย เอ่ยปากตอบกลับ “แน่นอนว่าตอนที่ฉันช่วยชีวิตนาย”

การันต์เอานิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ ไม่ได้พูดตอบ

ส้มเปรี้ยวกังวลใจขึ้นมา รอยยิ้มบนใบหน้าแทบคุมไม่อยู่

เธอกำฝ่ามือแน่น ระงับความตื่นตระหนกภายในใจ พยายามทำให้เสียงตัวเองเป็นธรรมชาติมากที่สุด “หรือไม่ใช่?”

เมื่อเจ็ดปีก่อน ตอนที่พวกเขาเจอกันครั้งแรก เขาบอกเธอด้วยความตื่นเต้นมาก ว่าในที่สุดเขาก็หาเธอเจอแล้ว

ตอนนั้นเธอแสดงออกว่าตัวเองไม่รู้จักเขา เขาบอกว่าไม่รู้จักเขาไม่เป็นไร อย่างไรแล้วพวกเขาก็เจอกันเป็นครั้งที่สองแล้ว ครั้งแรกที่เจอกันนั้น ก็ต้องเป็นตอนที่ผู้มีพระคุณที่แท้จริงของเขา ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะตอบผิด

การันต์ยิ้มทันที “ถูกต้องอยู่แล้ว เราเจอกันครั้งแรก ก็คือตอนที่เธอช่วยฉันไว้”

เขาค่อนข้างจงใจเน้นคำว่า ช่วยฉัน สองคำนี้

ส้มเปรี้ยวฟังไม่ออกว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงโล่งอกอย่างแรง

อย่างไรก็ตามในเวลานี้ การันต์ก็พูดขึ้นมาอีก “แล้วเธอจำได้ไหม เธอช่วยฉันไว้ที่ไหน?”

หัวใจส้มเปรี้ยวที่กลับไปสู่ที่เดิม ในตอนนี้ก็ห้อยขึ้นสูงอีกครั้ง โกรธจนอยากฆ่าคน

แต่สิ่งที่มีมากกว่า ก็คือความตึงเครียดและความหวาดกลัว

เขาหมายความว่าอย่างไร? ทำไมจู่ๆ ถามเรื่องพวกนี้?

หรือเขารู้แล้วว่าผู้มีพระคุณอย่างเธอคือตัวปลอม กำลังหยั่งเชิงเธอ?

คิดถึงความเป็นไปได้นี้ สีหน้าส้มเปรี้ยวก็ซีด กระวนกระวายจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี

คำถามของการันต์ เธอตอบไม่ได้

เพราะเธอไม่รู้เลย ว่าผู้มีพระคุณที่แท้จริงของเขา ช่วยชีวิตเขาไว้ที่ไหนกันแน่ ยิ่งไม่รู้ว่าตอนนั้นเขาเจอปัญหาอะไรบ้าง อีกอย่างเขาก็ไม่เคยบอกเธอมาก่อน เธอจะตอบได้อย่างไร?

แต่ไม่ตอบก็ไม่ได้ งั้นก็ถามเขาไปตรงๆ ว่าเธอไม่รู้ดีไหม?

เมื่อคิดไปคิดมา ในที่สุดส้มเปรี้ยวก็ให้คำตอบที่เชื่อถือได้มากที่สุด “ขอโทษนะรันต์ ฉันลืมไปแล้ว”

เธอแค่บอกว่าเธอลืมไปแล้ว ไม่ได้บอกว่าไม่รู้

ดังนั้นเขาต้องไม่มีทางแน่ใจ ว่าเธอกำลังพูดโกหกอยู่หรือเปล่า ใช่ไหมล่ะ

ขณะที่ส้มเปรี้ยวยิ่งสับสนไม่แน่ใจขึ้นเรื่อยๆ การันต์ก็กระตุกปาก “ไม่เป็นไร สิบกว่าปีแล้ว เธอลืมมันไปแล้วก็เป็นเรื่องปกติ ยังไงตอนนั้นเธอก็เด็กมาก”

เห็นเขาไม่สงสัยตน ส้มเปรี้ยวก็ถอนหายใจเล็กน้อย

ดูเหมือนก้าวนี้เธอเดินถูกแล้ว

ต่อมา ส้มเปรี้ยวก็ดึงแขนการันต์ไว้ “รันต์ งั้นนายบอกฉันสิ ว่าเราเจอกันครั้งแรกที่ไหน ครั้งนี้ฉันจะไม่มีทางลืมเด็ดขาด”

“ก็ได้” การันต์ผลุบเปลือกตาลง ซ่อนความเย็นชาน่ากลัวในดวงตา “ครั้งแรกที่เราเจอกัน คือตอนที่อยู่สนามเด็กเล่น ตอนนั้นฉันหกล้มบาดเจ็บ เดินไม่ได้ มีแก๊งค้ามนุษย์จะเอาตัวฉันไป เธอก็ออกมาได้ทันเวลา ทำให้แก๊งค้ามนุษย์ตกใจกลัวหนีไป”

ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง

ส้มเปรี้ยวหรี่ตา จากนั้นจู่ๆ ก็ตบต้นขา “รันต์พอนายพูดแบบนี้ ฉันก็จำได้ขึ้นมา ถูกต้อง เราเจอกันครั้งแรกที่สนามเด็กเล่น ตอนนั้นฉันไม่รู้ว่าฉันเอาความกล้าที่ไหนมาเผชิญหน้ากับแก๊งค้ามนุษย์ ยังรู้สึกกลัวอยู่เลยจริงๆ”

“เธอกล้าหาญมาก” การันต์ยิ้มเล็กน้อยขณะพูดขึ้น แต่ในดวงตาไม่มีรอยยิ้มสักนิด แค่เต็มไปด้วยความมุ่งร้ายและเยาะเย้ย

เขาแค่แต่งเรื่องขึ้นมามั่วๆ แต่เธอดันเอาจริงเอาจัง

อย่างที่คิดไว้ ตัวปลอมก็คือตัวปลอม

ส้มเปรี้ยวเห็นรอยยิ้มปกติเหมือนเดิมของการันต์ ก็วางใจอย่างแท้จริง

ดูเหมือนเขาจะไม่สงสัยเลยว่าเธอปลอมตัว ที่ถามเธอเรื่องพวกนี้ ก็แค่ย้อนความทรงจำเท่านั้นจริงๆ

ไม่อย่างนั้น เขาต้องแฉเธอโดยตรงแน่ๆ ยังจะอดทนให้เธอปลอมตัวต่อไปได้อย่างไรกัน

ขณะที่คิด ส้มเปรี้ยวก็ยกแก้มตรงหน้าขึ้นมาจิบน้ำอึกใหญ่ จากนั้นก็ยืนขึ้นมา เอ่ยขอลา “รันต์ คือเดี๋ยวฉันจะต้องไปหาเปปเปอร์ ไปก่อนนะ”

เธอไม่สามารถอยู่ต่อได้อีก ถ้าอีกสักพักเขาถามบางคำถามที่เธอตอบไม่ได้อีกจะเดือดร้อนเอา อย่างไรแล้วมันก็ไม่ได้ผลทุกครั้งไป

“โอเค” การันต์ก็ยืนขึ้นเล่นกัน พยักหน้าเห็นด้วย

ส้มเปรี้ยวรีบออกไป

สายตาการันต์มองตามเธอ เมื่อรู้ว่าร่างเธอหายไปจากนอกห้องส่วนตัวแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าเขาก็หุบลงอย่างสิ้นเชิง มันเย็นชาจนน่ากลัว

“ส้มเปรี้ยว กล้าปลอมตัวเป็นนางฟ้าของฉัน ฉันจะทำให้แกตายทั้งเป็น!” การันต์พึมพำเบาๆ ด้วยเสียงมืดมนเย็นชา

จริงอยู่ว่าเรื่องนี้ เขามีเหตุผลที่ยอมรับผิดคน แต่ส้มเปรี้ยวน่าจะรู้ว่า เธอช่วยชีวิตเขาไว้หรือไม่

แต่เธอกลับไม่ปฏิเสธ ปลอมตัวเป็นนางฟ้าของเขาโดยตรงอย่างไร้ยางอาย เพลิดเพลินกับการทุ่มเทของเขาอย่างสบายใจ เพราะเหตุนี้ เขาจะไม่ปล่อยเธอไปเช่นกัน

มองถ้วยชาที่ส้มเปรี้ยวเพิ่งดื่มไป การันต์ก็ยิ้มชั่วร้าย

ต่อมา เขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ส่งข้อความหามายมิ้นท์

มายมิ้นท์เห็นเนื้อหาในข้อความ คิ้วก็ขมวดขึ้นมาทันที