บทที่ 210 ใช้หนี้ทั้งหมด

รักหวานอมเปรี้ยว

เขาหันไปมองมายมิ้นท์

มายมิ้นท์ส่ายหน้าไปมา “ฉันก็ไม่รู้”

เธอเองก็แปลกใจเช่นกัน

ลาเต้เองก็รีบพูดขึ้นว่า “ใช่แล้วที่รัก พวกเราดูออกว่าการันต์น่ะจริงจัง อีกอย่างเขายังพูดอีกว่าจะเอาคนที่ทำร้ายเธอลงนรกให้หมด ส้มเปรี้ยวเองก็ทำร้ายเธอเหมือนกัน งั้นคงไม่ได้หมายความว่า เขาจะลงมือกับส้มเปรี้ยวหรอกนะ? แต่ว่าเขาเป็นคนของส้มเปรี้ยวไม่ใช่เหรอ?”

มายมิ้นท์ขมวดคิ้วแน่น แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ

ทามทอยจึงถามอีกว่า “ใช่ เมื่อครู่นี้ทำไมการันต์ถึงได้กอดเธอล่ะ?”

“จะอะไรอีก ก็ต้องตกหลุมรักความสวยของที่รักอยู่แล้ว” ลาเต้พูดขึ้นด้วยสีหน้าเดือดดาล

จากนั้นก็ตบเข่าฉาดใหญ่ เหมือนเพิ่งนึกอะไรออก “ฉันรู้แล้ว เป็นเพราะเขาตกหลุมรักในความสวยของที่รักแน่ ๆ เขาถึงบอกว่าจะปกป้องที่รัก”

มายมิ้นท์กับทามทอยพอได้ยินประโยคนี้ก็กลอกตามองบนพร้อมกันทันที

“จะเป็นไปได้อย่างไร” ทามทอยเอ่ยขึ้นอย่างหมดคำจะพูด “ถ้าการันต์มีใจให้มายมิ้นท์จริง ๆ คงจะมีให้ตั้งแต่เข้าไปในห้องผ่าตัดแล้ว จะรอจนถึงตอนนี้ทำไม?”

มายมิ้นท์พยักหน้ารับ “ใช่แล้ว อีกอย่างฉันก็สัมผัสได้ ที่การันต์กอดฉันมันเป็นเพราะความตื่นเต้นต่างหาก เหมือนเป็นความตื่นเต้นที่หาคนสำคัญเจอ หรือเหมือนกับไม่ได้เจอเพื่อนมานานหลายปีแล้วอยู่ ๆ ก็ได้เจอหน้ากัน จนสุดท้ายก็อดไม่ได้ต้องพุ่งเข้าไปกอดแบบนั้น”

“เธอพูดแบบนี้ ฉันคิดออกแล้ว” ทันใดนั้นทามทอยก็เบิกตากว้าง

มายมิ้นท์กับลาเต้หันไปทางเขาพร้อมกัน “นายคิดอะไรออก?”

ทามทอยตอบกลับว่า “พวกนายยังจำได้ไหม เมื่อครู่ที่การันต์พูดกับมายมิ้นท์ว่า เธอยังมีจิตใจดีเหมือนเดิมเลย นี่ก็แปลว่าเขาต้องรู้จักมายมิ้นท์มาก่อนแน่ ๆ เพียงแค่เพิ่งจะนึกออกเท่านั้นเอง”

“มิน่าล่ะ…..” มายมิ้นท์ยืดหลังตรง พร้อมกับลูบไปตรงไฝสีแดงที่ข้อมือโดยไม่รู้ตัว

ลาเต้รีบถามอีกว่า “ที่รัก เธอรู้อะไรอีกใช่ไหม?”

มายมิ้นท์ส่งเสียงตอบรับหนึ่งที “หลังจากที่พวกนายออกไป การันต์ถามฉันว่ามีไฝสีแดงเม็ดนี้ได้อย่างไร? แล้วก็ถามอีกว่าตอนสิบขวบเคยช่วยเด็กผู้ชายคนหนึ่งไว้ไหม ดูท่าแล้วเด็กผู้ชายคนนั้น คงจะเป็นเขาในตอนนี้”

ตอนที่เธออายุสิบขวบ วันนั้นเป็นวันครบรอบการเสียชีวิตของคุณแม่ เธอจึงเอารูปคุณแม่ออกมาดู แต่คาดไม่ถึงว่าแม่เลี้ยงเธอจะโกรธเพราะเรื่องนี้ หล่อนทุบตีเธอไปหลายที เธอจึงวิ่งออกจากบ้านด้วยความเสียใจ ก่อนจะตรงไปยังสวนสาธารณะที่คุณแม่ชอบ

จากนั้นพอไปถึงสวนสาธารณะ อยู่ ๆ เธอก็ได้ยินเสียงคนร้องให้ช่วย พอเข้าไปดู ปรากฏว่ามีเด็กชายรุ่นราวคราวเดียวกับเธอตกลงไปในสระ ตอนนั้นเธอไม่ได้คิดอะไรมาก เด็กสาวจึงหาท่อนไม้มาท่อนหนึ่ง ก่อนจะยื่นให้เด็กชายแล้วช่วยเขาขึ้นมา แน่นอนว่ากว่าจะช่วยได้ก็ไม่ใช่ง่าย ๆ เพราะยังเด็กอยู่มาก แรงก็ไม่ค่อยมี ตัวเธอเองก็เกือบจะตกลงไปในสระด้วยเช่นกัน โชคดีที่สุดท้ายก็ทำสำเร็จ

เพียงแค่เธอไม่เคยคิดมาก่อน ว่าเด็กชายคนนั้น จะเป็นการันต์

พอฟังมายมิ้นท์พูดจบ ทามทอยกับลาเต้ก็เข้าใจเรื่องทั้งหมดอย่างชัดเจนทันที

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง เธอเป็นผู้มีพระคุณของการันต์สินะ มิน่าล่ะเขาถึงได้กอดเธอแบบตื่นเต้นขนาดนั้น แถมยังจะปกป้องเธออีก” ทามทอยพูดพร้อมกับลูบคางไปมา

ลาเต้ฮึดฮัดเบา ๆ “ต่อให้เขาจะพูดแบบนั้น แต่ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไปต่อกรกับส้มเปรี้ยวเพื่อที่รักจริง ๆ”

ทามทอยพยักหน้าเห็นด้วย “นี่ก็ใช่ เขาดีกับส้มเปรี้ยวมากจริง ๆ ราวกับว่าเขาสามารถสละทุกสิ่งทุกอย่างที่มีให้หล่อนได้”

มายมิ้นยิ้มออกมาเล็กน้อย “พวกนายจะกังวลอะไร ฉันกับการันต์เดิมทีก็ไม่ได้สนิทสนมกันอยู่แล้ว ต่อให้ฉันจะเคยช่วยเขาไว้ แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะให้เขาตอบแทนอะไร เมื่อก่อนไม่มี ตอนนี้ก็ไม่มีเช่นกัน แล้วฉันก็ไม่ได้ตั้งใจจะผูกมิตรกับเขาสักหน่อย เพราะงั้นไม่ว่าเขาจะทำอะไร ก็ไม่เกี่ยวข้องกับฉันอยู่แล้ว”

“พูดอีกก็ถูกอีก” ชายหนุ่มทั้งสองพยักหน้าพร้อมกัน

หลังจากนั้น มายมิ้นท์ก็ออกจากโรงพยาบาล

ในตอนที่เธอเพิ่งก้าวเท้าออกไป ฝั่งเปปเปอร์ก็ได้รับข้อความต่อ

“เข้าใจแล้ว” เปปเปอร์กดวางสาย ก่อนจะเรียกผู้ช่วยเหมันตร์เข้ามา

“ประธานเปปเปอร์ มีอะไรให้รับใช้เหรอครับ?” ผู้ช่วยเหมันตร์เอ่ยถาม

เปปเปอร์นวดขมับเบา ๆ “เงินที่ เทนเดอร์กรุ๊ปกู้จากธนาคารแต่ละแห่งก่อนหน้านี้ คุณสรุปรวมเรียบร้อยรึยัง?”

“เรียบร้อยแล้วครับ เงินกู้จากธนาคารรวมทั้งหมดอยู่ที่ 1.2 พันล้านครับ หากรวมดอกเบี้ยเข้าไปด้วยก็จะเท่ากับ 1.5 พันล้าน” ผู้ช่วยเหมันตร์ตอบกลับ

เปปเปอร์พยักหน้า “ช่วย เทนเดอร์กรุ๊ปคืนเงินทั้งหมด เดินเรื่องเป็นบัญชีจากต่างประเทศ”

ทำแบบนี้ มายมิ้นท์จะได้ไม่รู้ว่าเป็นพวกเขาที่ช่วยคืนเงิน

เงินส่วนนี้ ถือเป็นค่าที่เขาต้องชดใช้ให้กับเธอ เดิมทีตั้งใจว่าหลังจากวันนี้จะเอาไปให้ แม้เธอจะบอกเขาว่าไม่ต้องรับผิดชอบ แต่เขาจะไม่รับผิดชอบจริง ๆ ก็ไม่ได้

อีกอย่างถึงแม้ตอนนี้เด็กในท้องของเธอยังอยู่ แต่หลังจากร่างกายของเธอดีขึ้นแล้ว อย่างไรก็ต้องเอาเด็กออกอยู่ดี ดังนั้น เขาก็จะเดินตามแผนเดิมที่เคยวางไว้

“รับทราบครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้ารับ

เปปเปอร์รับคำ ก่อนจะถามต่อว่า “ไม่ใช่ว่าส้มเปรี้ยวมาแล้วเหรอ? ให้เธอเข้ามาเถอะ”

“เอ่อ….คุณส้มเปรี้ยวเธอออกไปแล้วครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์ตอบพร้อมกับลูบจมูกเบา ๆ

เปปเปอร์ขมวดคิ้ว “ไปแล้ว?”

“ครับ”

เปปเปอร์ใช้นิ้วหัวแม่มือลูบไร้ปากกาเบา ๆ “เป็นเพราะผมไม่ได้ให้เธอเข้ามาทันทีเหรอ เธอเลย…..”

“ไม่ใช่ครับ เธอรับสายสายหนึ่งก่อนจะออกไปครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์ส่ายหน้า

“สายจากใคร?” เปปเปอร์ถามกลับ

ผู้ช่วยเหมันตร์ยกไหล่ “ไม่แน่ใจครับ แต่สีหน้าของคุณส้มเปรี้ยวดูไม่ค่อยดีเท่าไร เหมือนทำเรื่องอะไรสักอย่างไม่สำเร็จ”

นัยน์ตาเปปเปอร์เย็นยะเยือกไปชั่วครู่ ชายหนุ่มลูบคางตัวเองไปมา “เข้าใจแล้ว คุณออกไปก่อนเถอะ”

“ครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์รับคำ ก่อนจะเดินออกไป

เปปเปอร์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา จากนั้นก็กดโทรหาส้มเปรี้ยวทันที

ไม่นานอีกฝ่ายก็รับสาย ตามด้วยเสียงของส้มเปรี้ยว “เปปเปอร์ โทรหาฉันมีอะไรรึเปล่า?”

น้ำเสียงของเธอยังคงอ่อนหวานและนุ่มนวลเหมือนปกติ ท่าทีราวกับไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น

ทว่าเปปเปอร์กลับรู้สึกว่ามันดูจอมปลอมอย่างน่าประหลาด ชายหนุ่มเม้มปากเบา ๆ ก่อนจะถามขึ้นว่า “ เหมันตร์บอกว่า คุณรับสายไม่ดีสายหนึ่ง เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า?”

ส้มเปรี้ยวยืนอยู่หน้าห้องรับรอง นัยน์ตามืดครึ้ม แต่กลับตอบออกไปพร้อมรอยยิ้มว่า “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก เปปเปอร์ไม่ต้องเป็นห่วง”

เปปเปอร์รับคำ “งั้นก็ดี”

ส้มเปรี้ยวอึกอักเล็กน้อย

คนคนนี้คืออะไร ต่อให้เธอจะบอกว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่มันก็เป็นสายที่ไม่ดีจริง ๆ นะ เขาไม่คิดจะถามให้ชัดเจนกว่านี้เลยรึอย่างไร?

เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเขาจะเป็นผู้ชายซื่อตรงขนาดนี้?

แม้ในใจจะคิดอย่างนั้น แต่ส้มเปรี้ยวก็ไม่ได้พูดออกไป

ไม่อย่างนั้นถ้าเธอพูดไปว่า ‘คุณไม่คิดจะถามฉันต่อหน่อยเหรอว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่’ แบบนี้มันจะไม่ดูงี่เง่าเกินไปหน่อยเหรอ?

เพราะเธอเป็นคนบอกเองว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง

ส้มเปรี้ยวสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พยายามข่มอารมณ์น้อยใจไว้ข้างใน ก่อนจะฝืนยิ้มออกมา “เปปเปอร์ ฉันมีเรื่องต้องไปจัดการนิดหน่อย ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้ว ฉันวางก่อนนะ ฉันต้องไปพบเพื่อนคนหนึ่งน่ะ”

เปปเปอร์พยักหน้ารับ “ได้”

หลังจากวางสาย ส้มเปรี้ยวก็รู้สึกโกรธจนแทบทนไม่ไหว

เธออุตส่าห์บอกว่าจะไปเจอเพื่อนคนหนึ่ง เขาก็ยังไม่ถามอีก ว่าเพื่อนคนนั้นเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง

เขาไว้ใจเธอขนาดนี้เลยเหรอ?

ส้มเปรี้ยวกระทืบเท้าด้วยความโมโหไปหนึ่งที ก่อนจะออกแรงผลักประตูห้องรับรองเข้าไป

การันต์ลุกขึ้นยืนพร้อมกับยิ้มให้เธอ ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับไปไม่ถึงแววตา “ส้มเปรี้ยว คุณมาแล้ว”

ส้มเปรี้ยวไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติใด ๆ เธอปิดประตูจากนั้นก็ก้าวเข้าไป “การันต์ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมคุณถึงล้มเหลวล่ะ?”

“เกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อยน่ะ” การันต์ตอบพร้อมกับนัยน์ตาเป็นประกาย

ส้มเปรี้ยววางกระเป๋าลงด้วยความไม่พอใจ “เพราะงั้นตอนนี้มายมิ้นท์ก็แค่ไม่มีเด็กในท้องแล้ว แต่ตัวเธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?”

“ไม่ใช่ เด็กในท้องของเธอก็ยังอยู่ ผมยังไม่ได้ผ่าตัดเลยด้วยซ้ำ” การันต์มองไปที่เธอพร้อมกับดันกรอบแว่นที่เปลี่ยนมาใหม่

เธอในตอนนี้เบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ ท่าทางโกรธจนแทบจะทนไม่ไหว ชายหนุ่มได้แต่คิดว่าช่างน่าขันเสียจริง

หากเป็นเมื่อก่อน เวลาเธอโมโหแบบนี้เขาคงจะรีบวิ่งเข้าไปปลอบ แต่พอเป็นตอนนี้ เขาล่ะอยากจะพุ่งเข้าไปตัดคอเธอจนแทบทนไม่ไหว อยากเอาชีวิตของเธอมา ในเมื่อเธอกล้าหลอกลวงเขา คิดร้ายต่อเทพธิดาของเขา

“การันต์คุณว่าอะไรนะ? คุณไม่ได้ผ่าตัดมายมิ้นท์ด้วยซ้ำ?” ส้มเปรี้ยวกำมือแน่น พร้อมกับจ้องไปที่การันต์ด้วยแววตาเชือดเฉือน “คุณจะทำอะไรกันแน่? ทำไมคุณถึงทำแบบนี้ คุณทำแบบนี้แล้ว คุณชดใช้ให้ฉันไหวเหรอ?”