บทที่ 209 เทพธิดาตัวจริง

รักหวานอมเปรี้ยว

มายมิ้นท์ยกข้อมือข้างซ้ายขึ้นมาดูด้วยความสงสัย “ข้อมือฉันเป็นอะไรเหรอ?”

“ไฝสีแดงที่ข้อมือซ้ายของคุณ มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?” การันต์ถามพร้อมกับจ้องไปที่เธอ

แต่มายมิ้นท์กลับรู้สึกว่ามันน่าตลก “แน่นอนว่าต้องมีมาตั้งแต่เกิดสิ ไม่งั้นคุณคิดว่ามันจะมีได้ยังไงเหรอ?”

คงจะไม่ทำขึ้นมาเองหรอกนะ?

แต่ไฝสีแดงนี้ก็ถือว่าหายากอยู่พอสมควร เพราะคนปกติทั่วไปล้วนมีไฝสีดำ น้อยคนนักที่จะมีไฝแล้วเป็นสีแดง

พอได้ยินคำตอบของมายมิ้นท์ สีหน้าของการันต์ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมาก แต่เขากลับก้มหน้าลง คล้ายกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง

มายมิ้นท์รู้สึกว่าเขาทำตัวแปลก ๆ เธอจึงลูบไปที่ไฝพร้อมกับถามขึ้นว่า “คุณถามฉันเรื่องนี้ทำไม?”

การันต์ดันกรอบแว่นเบา ๆ เขาไม่ได้ตอบเธอ แต่กลับย้อนถามไปอีกว่า “ผมมีเรื่องจะถามอีกหนึ่งเรื่อง ตอนที่คุณยังเด็ก คุณเคยช่วยเด็กผู้ชายสักคนไว้ไหม?”

“เคยช่วยเด็กผู้ชายไหม?” มายมิ้นท์เลิกคิ้ว

การันต์ส่งเสียงตอบรับอย่างเลี่ยงไม่ได้

มายมิ้นท์หรี่ตาลงอย่างใช้ความคิด “คุณหมายถึงเด็กแค่ไหน?”

“สักสิบขวบประมาณนั้น” การันต์ตอบพร้อมกับมองไปที่เธอ

มายมิ้นท์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “จริง ๆ แล้วก็เคยช่วยไว้คนหนึ่ง”

ได้ยินดังนั้น ม่านตาของการันต์ก็หดตัวลง เขาเริ่มนั่งไม่ติดเก้าอี้ ทั้งยังเปลี่ยนเป็นตัวแข็งทื่อ

ชายหนุ่มถามต่อด้วยน้ำเสียงร้อนรนว่า “เคยช่วยที่ไหน?”

มายมิ้นท์ยิ่งรู้สึกว่าเขาแปลกกว่าเดิม เธอไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเขามาถามคำถามพวกนี้ทำไม แต่เธอก็ยังตอบกลับ “ตรงสระน้ำที่หนึ่ง เด็กผู้ชายคนนั้นถูกรังแก แล้วก็จับโยนลงสระ ฉันผ่านไปเห็นพอดี ก็เลยหาไม้มาช่วยดึงเขาขึ้น”

ปัง!

เป็นเพราะการันต์ลุกจากเก้าอี้แรงเกินไป ทำให้เก้าอี้หงายหลังล้มลงไปอีกด้าน

ชายหนุ่มถอดแว่นออก พร้อมกับมองไปที่มายมิ้นท์อย่างตื่นเต้น “เป็นคุณจริง ๆ ด้วย!”

ส้มเปรี้ยวไม่ใช่เทพธิดาของเขา เทพธิดาตัวจริง คือมายมิ้นท์ที่อยู่ตรงหน้าต่างหาก

น่าตลกจริง ที่เขาตามหาผิดคนมาตลอด ทั้งยังตอบแทนบุญคุณผิดคนอีก แถมยังเกือบฆ่าผู้มีพระคุณตัวจริงไปแล้วด้วย

“อะ…อะไรคือเป็นฉันจริง ๆ?” มายมิ้นท์ถูกการันต์ทำให้ตกใจไปหนึ่งที สีหน้าตอนนี้เต็มไปด้วยความงุนงง

การันต์ไม่ได้ตอบ แต่เขากลับก้าวไปข้างหน้า จากนั้นก็คว้าเธอเข้ามากอดอย่างแนบแน่น

มายมิ้นท์ตกใจอีกรอบ แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกหายใจไม่ออก

หญิงสาวยกมือผลักเขา พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงอึดอัดว่า “คุณปล่อยฉัน…..”

เหมือนกับการันต์จะไม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูด เขายังกอดเธออยู่อย่างนั้น

ขณะเดียวกัน ประตูห้องคนไข้ก็ถูกเปิดออก ลาเต้ตอนนี้ยืนอยู่หน้าประตู “ที่รัก เกิดอะไรขึ้น เสียงเมื่อครู่นี้คืออะไร…….”

พูดยังไม่ทันจบ ภาพในห้องเบื้องหน้าที่เห็น ก็ทำเอาตัวเขาแทบระเบิด “การันต์ นายทำอะไรอยู่? รีบปล่อยที่รักของฉันเดี๋ยวนี้!”

ลาเต้พุ่งเข้าไปทันที

ทามทอยได้ยินประโยคเมื่อครู่ ก็รีบวิ่งตามเข้ามา “ทำไม? เกิดอะไร…..เฮ้ย การันต์นายกำลังล่วงละเมิดเธออยู่นะ!”

ชายหนุ่มพุ่งเข้าไปพร้อมกับลาเต้ ก่อนจะดึงตัวการันต์ออกมา

ลาเต้กำหมัดแน่น ก่อนจะชกเข้าไปที่ใบหน้าของการันต์อย่างจัง

ส่วนทามทอย ก็พุ่งเข้ามาบังมายมิ้นไว้จนมิด เพื่อเป็นการป้องกันเธอ

ตุ้บ!

การันต์โดนลาเต้ต่อยจนล้มลงไปกองกับพื้นเสียงดัง แว่นตาของชายหนุ่มกระเด็นออกไปอีกด้าน

ลาเต้เห็นแบบนั้นก็ยังไม่รามือ เขาก้าวเข้าไปคว้าคอเสื้อของการันต์ จากนั้นก็ยกตัวอีกฝ่ายขึ้น แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงโกรธจัด “ขยะสังคมดี ๆ นี่เอง กล้ามารังแกที่รักงั้นเหรอ เสียดายที่เป็นหมอเสียเปล่า ไม่มีจรรยาบรรณทางการแพทย์เลยสักนิด กับคนไข้ก็ยังไม่เว้น ฉันเอานายตายแน่”

ขณะที่พูด ลาเต้ก็ยกหมัดเตรียมจะชกไปที่หน้าการันต์อีกรอบ

“เดี๋ยวก่อน!” ทันใดนั้นมายมิ้นท์ก็ผลักทามทอยออก พร้อมกับร้องห้ามลาเต้

กำปั้นของลาเต้ห่างจากหน้าการันต์เพียงไม่กี่คืบ แต่พอได้ยินเสียงเธอ เขาก็หยุดชะงักทันที

ชายหนุ่มมองไปทางมายมิ้นท์อย่างไม่อยากจะเชื่อ “ที่รัก? เขารังแกเธอนะ จะให้ปล่อยไปเหรอ?”

มายมิ้นท์นวดไปที่หัวคิ้วเบา ๆ “ลาเต้ ฉันรู้นะว่านายทำเพื่อฉัน แต่นายลงมือหนักเกินไปแล้ว ถ้าสมมตินายต่อยจนเขา…..”

“งั้นก็ถือว่ามันสมควรแล้ว!” ทามทอยพูดขึ้น

ลาเต้เองก็เห็นด้วยกับประโยคนี้

มายมิ้นท์ส่ายหน้าไปมา “แต่เขาเป็นหมอนะ ถ้านายทำเขาบาดเจ็บ แล้วคนที่ต้องได้รับการผ่าตัดเร่งด่วนล่ะจะทำอย่างไร?”

ประโยคนี้ ทำเอาลาเต้กับทามทอยไปต่อไม่ถูก

ใช่ การันต์สมควรโดนสั่งสอนจริง แต่คนไข้พวกนั้นล้วนเป็นผู้บริสุทธิ์

ถ้าหากการันต์ได้รับบาดเจ็บ แล้วช่วยคนไข้ที่ต้องผ่าตัดเร่งด่วนแบบนั้นไม่ทัน งั้นพวกเขาก็ถือว่ามีส่วนผิดด้วย

ลาเต้ครุ่นคิด ต่อให้เขาจะทำใจไม่ได้ แต่ก็ทำได้เพียงปล่อยการันต์ไป

ชายหนุ่มทิ้งการันต์ลงกับพื้นเต็มแรง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ครั้งนี้ฉันจะปล่อยนายไปก่อน ถ้ายังมีครั้งหน้าอีกล่ะก็ เหอะ!”

ประโยคต่อไป เขาไม่ได้พูด แต่ทุกคนล้วนเข้าใจความหมายของมัน

การันต์นอนกองอยู่กับพื้น เขาไอออกมาแรง ๆ สองสามที แล้วอยู่ ๆ ก็หัวเราะออกมา

ทั้งสามคนพอได้ยินเสียงเขาหัวเราะ ก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจ

ทามทอยขมวดคิ้วพร้อมกับถามขึ้นว่า “นายหัวเราะอะไร?”

การันต์เก็บแว่นที่เหลือขาเพียงข้างเดียวขึ้นมาใส่ จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน พร้อมกับลูบไปที่แก้มซ้ายของตัวเอง ชายหนุ่มยังคงมองไปที่มายมิ้นท์ด้วยสายตาเป็นประกาย “คุณยังเป็นคนจิตใจดีเหมือนเดิมเลยนะ ที่แท้ คนที่จิตใจดีอย่างคุณสิ ถึงจะเป็นเทพธิดาคนนั้นในใจของผม”

เขาว่าแล้วไง ว่าเทพธิดาที่เสี่ยงอันตรายช่วยชีวิตเขาไว้ตอนสิบขวบ

เป็นคนที่จิตใจดีขนาดนี้ พอโตมาจะเปลี่ยนไปได้อย่างไร

มายมิ้นท์มองไปทางการันต์ที่กำลังมีความสุข ส่วนเธอรู้สึกได้แค่ความอึดอัด หญิงสาวเม้มปากสีแดงระเรื่อเล็กน้อย “คุณพูดแบบนี้ หมายความว่าอย่างไรกันแน่?”

ลาเต้และทามทอยหันมาสบตากัน แววตาของทั้งคู่มีแต่ความสงสัย แสดงให้เห็นว่าไม่เข้าใจความหมายที่การันต์ต้องการจะสื่อเช่นกัน

การันต์เม้มปากที่กำลังสั่นไหว ขณะที่กำลังจะอ้าปากพูด เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นพอดี

เขาหยุดชะงัก พร้อมกับหยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างหัวเสีย เมื่อเห็นหมายเลขที่โทรเข้า นัยน์ตาชายหนุ่มเกิดเป็นประกายชั่วร้ายแวบหนึ่ง ก่อนจะกลับมาเป็นสายตาเย็นชาอย่างปกติ จากนั้นเขาก็กดรับสาย “ฮัลโหล?”

“รันต์ เรียบร้อยรึเปล่า?” น้ำเสียงที่ตื่นเต้นและคาดหวังของส้มเปรี้ยวลอยมาจากปลายสาย

การันต์หรี่ตาลง พร้อมกับยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ไม่”

“ไม่เหรอ?” สีหน้าของส้มเปรี้ยวเปลี่ยนไป น้ำเสียงแหลมสูงดังขึ้นมาอีกว่า “ทำไมไม่สำเร็จล่ะ?”

“อีกเดี๋ยวค่อยว่ากัน ผมยังมีคนไข้อยู่” พูดจบเขาก็กดตัดสายทันที

ส้มเปรี้ยวโมโหจนแทบจะปาโทรศัพท์ทิ้ง

ขยะจริง ๆ นานขนาดนี้แล้วยังทำไม่สำเร็จ พูดง่าย ๆ ว่าไร้ประโยชน์สิ้นดี

อีกอย่าง นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะกล้าตัดสายเธอ

ในห้องผู้ป่วย การันต์เก็บโทรศัพท์ จากนั้นก็เบนสายตากลับมาที่มายมิ้นท์อีกครั้ง

ด้านลาเต้และทามทอยก็จ้องไปที่เขาอย่างตักเตือน เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรมายมิ้นท์อีก

โชคดีที่การันต์ยังปกติอยู่ เขาไม่ได้ทำอะไรต่อ เพียงแค่มองไปที่มายมิ้นท์แล้วก็พูดขึ้นว่า “ผมจะปกป้องคุณ ปกป้องคุณตลอดไป คอยดูเถอะ ใครที่เคยทำร้ายคุณ ผมจะเอามันลงนรกให้หมด!”

และคนแรกก็คือส้มเปรี้ยว

น่าเสียดายที่ก่อนหน้านี้เขาคิดมาตลอดว่าเทพธิดาของเขาคือส้มเปรี้ยว ดังนั้นเรื่องเลวร้ายที่ส้มเปรี้ยวเคยทำมาทั้งหมด เขาถึงไม่ได้เก็บหลักฐานเอาไว้เลย แถมยังช่วยเธอเก็บกวาดเศษซากมากมายจนสะอาด

เพราะงั้นหากจะใช้กฎหมายในการจัดการส้มเปรี้ยวแล้วล่ะก็เป็นไปไม่ได้เลย อีกอย่างข้างกายของส้มเปรี้ยวยังมีเปปเปอร์อีก เขาไม่สามารถลงมือกับเธอได้โดยตรง มีแค่ต้องค่อย ๆ แอบทำไปทีละขั้นตอนเท่านั้น

ขณะที่กำลังคิด แว่นตาของการันต์ก็สะท้อนแสงเล็กน้อย เขาเหลือบตามองมายมิ้นท์อีกครั้ง ก่อนจะหันหลังแล้วเดินออกไป

หลังจากที่เขาออกไปแล้ว ลาเต้กับทามทอยก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

“พระเจ้า สายตาของเขาเมื่อครู่นี้ กับคำพูดที่ว่าจะจับโยนลงนรก มันน่ากลัวเกินไปแล้ว ฉันได้ยินแล้วก็ขนลุกไปหมด” ลาเต้ลูบแขนไปมา พร้อมกับเอ่ยขึ้นอย่างขวัญเสีย

ทามทอยพยักหน้ารับ “ฉันก็รู้สึกเหมือนกัน ได้ยินมาว่าคนที่เรียนจิตวิทยา มักจะมีปัญหากับจิตใจตัวเองไม่มากก็น้อย สายตาบ้าคลั่งของการันต์เมื่อครู่นี้ ฉันยืนยันได้เลยว่า จิตใจของเขาต้องมีปัญหาแน่ ๆ แต่นั่นไม่สำคัญหรอก ที่สำคัญก็คือ ทำไมเขาถึงพูดว่าจะปกป้องมายมิ้นท์ล่ะ?”