DC บทที่ 276: เทียนเสริมสุข

 

หลังจากรอเกือบตลอดวัน สุดท้ายฟางซีหลานก็ได้ยินเสียงเคาะประตูบ้านพัก และเธอก็รีบไปเปิด

 

“เจ้าต้องการพบข้ารึ”

 

แน่นอนว่าเป็นซูหยางที่อยู่เบื้องหลังประตูนั้น

 

“ช..ใช่”

 

แม้ว่าเธอคาดว่าจะเห็นเขา แต่ฟางซีหลานก็อดที่จะรู้สึกประหม่าไม่ได้เมื่อเขาปรากฏตัว เธอไม่เคยรู้สึกกระวนกระวายเช่นนี้มาก่อน

 

บางทีเป็นเพราะว่าเธอรู้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขา หรือบางทีเป็นเพราะว่ากระแสพลังที่อธิบายไม่ได้ที่รายล้อมซูหยางอยู่ในเวลานั้น แต่บางอย่างเกี่ยวกับซูหยางที่เป็นเหตุให้ตัวเธอรู้สึกกระวนกระวายคล้ายกลัวเกรง

 

“ข้ามาที่นี่สายเกินไปหรือไม่ ข้าควรจะมาพรุ่งนี้” ซูหยางกล่าว

 

“มิเป็นไร ยังไงข้าก็ยังมิหลับในเร็วๆนี้”

 

ซูหยางพยักหน้าและเข้าไปผ่านประตู

 

เมื่อเข้าไปในที่พักของฟางซีหลานแล้ว ลูกบอลขนฟูสีขาวก็ปรากฏตัวต่อหน้าซูหยาง

 

นั่นเป็นเซียวไป่ และเธอก็จ้องมองเขาด้วยดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยปัญญา

 

ฟางซีหลานค่อนข้างประหลาดใจที่เห็นเซียวไป่อยากทักทายใครสักคน

 

“บางทีเธออาจรู้ว่าซูหยางเป็นคนที่ช่วยเธอไว้” เธอคิดสงสัย

 

เป็นเช่นนั้นจริง เซียวไป่จำได้ว่าซูหยางเป็นเจ้าของตัวตนนั้นในระหว่างที่นิกายล้านอสรพิษรุกรานในทันทีที่เธอรับรู้ถึงอีกฝ่าย

 

“เจ้าดูเหมือนจะเติบโตได้ดี” ซูหยางกล่าวหลังจากที่มองดูเซียวไป่

 

หลังจากที่เกิดเหตุการณ์กับนิกายล้านอสรพิษ ซูหยางสร้างค่ายกลซ่อนเร้นไม่เพียงแต่รอบนิกายแต่มีอีกค่ายกลรอบบ้านฟางซีหลานด้วย และเพราะว่าเธอไม่ต้องกังวลว่าตัวตนของเซียวไป่จะถูกสังเกตพบหลังจากป้อนอาหาร ฟางซีหลานจึงได้ป้อนเซียวไป่ด้วยหญ้าเงินเจ็ดใบอย่างต่อเนื่องจนถึงอาทิตย์ที่ผ่านมา

 

นับถึงวันที่เธอจะต้องป้อนเซียวไป่อีกครั้งในวันพรุ่งนี้ เซียวไปก็จะต้องการหญ้าเงินอีกแค่สามใบ หรืออีกสิบสองวัน เพื่อที่จะเติบโตเต็มวัย

 

หลังจากที่ได้ยินคำพูดของซูหยาง เซียวไป่ก็เข้าไปหาซูหยางและถูหัวอันอ่อนนุ่มของเธอเข้ากับขาของเขาเหมือนกับเป็นแมว

 

“พอแล้วเซียวไป่ เจ้าหยุดได้แล้วตอนนี้”

 

ฟางซีหลานกล่าวหลังจากนั้นชั่วขณะเมื่อเซียวไป่ไม่ยอมหยุด

 

หลังจากนั้นไม่นานฟางซีหลานก็ย้ายเซียวไป่ไปยังอีกห้องก่อนที่จะนั่งลงที่ห้องนั่งเล่นพร้อมกับซูหยาง

 

“เจ้ามีคำถามอะไรอยากถามข้ารึ ข้าเห็นมันอยู่ทั่วหน้าของเจ้า”

 

หลังจากที่ได้ยินคำพูดของซูหยาง ฟางซีหลานเริ่มถามคำถามต่อเขา

 

“เจ้าเป็นคนที่เข้าไปแทรกแซงในวันนั้นตอนที่นิกายล้านอสรพิษโจมตีใช่ไหม” เธอตรงเข้าไปยังคำถามที่เธอต้องการคำตอบมากที่สุด

 

“เจ้าควรรู้คำตอบนั้นเรียบร้อยแล้ว”

 

ซูหยางตอบสนองอย่างไม่ใส่ใจ

 

“…”

 

ฟางซีหลานเงียบลง

 

แม้ว่าเธอได้คาดถึงคำตอบนี้อยู่แล้ว แต่ฟางซีหลานยังคงรู้สึกถึงคลื่นความตระหนกกระแทกเข้าไปท่วมท้นใจเธอ

 

ไม่นานหลังจากนั้นฟางซีหลานก็ลดตัวลงคำนับซูหยางในท่าคุกเข่า

 

“ขอบคุณที่ช่วยเซียวไป่และที่แห่งนี้…”

 

ฟางซีหลานขอบคุณเขาจากก้นบึ้งของหัวใจ

 

ถ้านั่นไม่ใช่เพราะเขา นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยอาจจะไม่มีอยู่ที่นี่แล้วตอนนี้ แน่นอนว่าคนที่อยู่ด้านในนิกายด้วยเช่นกัน

 

ซูหยางส่ายหน้าและกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “ข้ามิได้ต้องการให้เจ้าสำนึกขอบคุณ ในเมื่อนั่นเป็นหน้าที่ของศิษย์ที่จะปกป้องบ้านของตนเอง”

 

ฟางซีหลานไม่ได้ยกหัวของเธอขึ้น กล่าวต่อว่า “ขณะที่ศิษย์ส่วนใหญ่ได้ละทิ้งหน้าที่และหนีเอาชีวิตรอด แต่เจ้า…เจ้าอยู่ อีกทั้งยังปกป้องนิกายด้วย ข้าเป็นเพียงศิษย์คนหนึ่ง ดังนั้นคำพูดของข้าอาจจะมิมีความหมายต่อเจ้า แต่นี่เป็นเพียงสถานที่เดียวที่ข้าสามารถเรียกได้ว่าบ้าน และเจ้าปกป้องมันไว้ให้ข้าและเซียวไป่”

 

แม้ว่าจะซุกซ่อนไว้พ้นจากสายตา แต่น้ำตาก็คลออยู่ในดวงตาของฟางซีหลานในเวลานั้น

 

“ข้าเข้าใจ เช่นนั้นทำไมเจ้ามิลุกขึ้นจากพื้นเสียก่อนล่ะ ข้ามิมีรสนิยมที่จะเห็นหญิงสาวคุกเข่าต่อหน้าข้า”

 

ฟางซีหลานรีบปาดน้ำตาและยืนขึ้น

 

“อย่างไรก็ตามเรามาเข้าสู่เรื่องหลักที่ว่าทำไมข้าจึงมาที่นี่กันเถอะ…”

 

ซูหยางพลันกล่าวขึ้น

 

ฟางซีหลานไม่จำเป็นต้องให้ซูหยางอธิบายเพิ่มเติม พยักหน้าก่อนที่จะกล่าวว่า “เราไปที่ห้องของข้ากันเถอะ”

 

ซูหยางตามฟางซีหลานเข้าไปในห้องของเธอ ยามเมื่อพวกเขาเข้าไปข้างในแล้ว ฟางซีหลานพลันเริ่มต้นถอดเสื้อผ้าโดยไม่พูดอะไร ดูเหมือนกระตือรือล้นต้องการฝึกวิชา

 

ซูหยางมองดูฟางซีหลานเผยร่างบางของเธออย่างช้าๆขณะที่จมูกของเขาก็ถูกรุกรานจากกลิ่นหอมหวานและสงบระงับที่เป็นธรรมชาติของห้องนี้

 

ตามจริงกลิ่นหอมเฉพาะนี้ทำให้น้องชายของซูหยางมีความปรารถนาที่จะฝึกวิชาเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม

 

“เทียนเสริมสุข หึ”

 

ซูหยางพลันรู้ถึงสาเหตุของปรากฏการณ์นี้

 

แม้ว่าเทียนเสริมสุขอาจจะเพิ่มความปรารถนาและความมีชีวิตชีวาให้แก่ผู้คน แต่ผลของมันไม่ได้รุนแรงพอที่จะทำให้กระทั่งคนธรรมดาทั่วไปส่วนใหญ่สูญเสียเหตุผลไปกับความต้องการทางเพศ ดังนั้นผู้คนจึงมักจะใช้มันทั่วไปเพื่อต้องการให้บรรยากาศดีขึ้นหรือเพื่อต้องการให้การร่วมรักมีระยะเวลายาวนานขึ้น

 

“เจ้ามิชอบเทียนเสริมสุขรึ” ฟางซีหลานไม่ได้แม้จะซ่อนความจริงนั้นและถามเขาหลังจากที่เห็นเขายืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางตื่นตะลึงเล็กน้อย

 

“เปล่า มิใช่เช่นนั้น”

 

เขาตอบกลับอย่างรวดเร็วและกล่าวต่อว่า “มันดึงเอาความทรงจำที่ข้าคิดถึงกลับมาเท่านั้นเอง”

 

หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งฟางซีหลานและซูหยางก็เปลือยเปล่าอยู่บนเตียง

 

ฟางซีหลานซึ่งเปียกแฉะไปเรียบร้อยและพร้อมแล้วได้กล่าวกับซูหยางด้วยดวงตาไฝ่ฝัน “มาเถอะ ตัวข้าพร้อมแล้ว…”

 

ซูหยางพยักหน้าและทำการอัดแท่งหยาบของเขาเข้าไปในถ้ำคับแน่นของฟางซีหลาน

 

“อาาาาา”

 

ฟางซีหลานซึ่งไม่เคยครางเร็วเช่นนี้มาก่อนรู้สึกตกตะลึงไปกับความแข็งแกร่งและมั่นคงของแก่นกายซูหยาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปริมาณความสุขที่เธอได้รับจากเพียงแค่การแทงครั้งแรก

 

หลังจากที่เขาได้เริ่มต้นแทงแล้ว ซูหยางก็ไม่ได้หยุดชะงักไปแม้ชั่วขณะและทำการขยับสะโพกของเขาส่งคลื่นความสุขสันต์ไปทั่วร่างกายของฟางซีหลานด้วยการทิ่มแทงแต่ละครั้ง

 

“อาาา”

 

“อ๊าาาาาาา”

 

“น-นี่มันอะไรกัน ข้ามิเคยรู้สึกสุขสมเช่นนี้มาก่อน” ฟางซีหลานร่ำร้องในใจขณะที่เธอพบกับการเปิดโลกใหม่ของความสุข รู้สึกเหมือนกับคนธรรมดาที่เพิ่งลอยพ้นจากพิภพขึ้นสู่ดินแดนที่เหนือกว่า