“สหายฉลาดนัก! แผนของของพวกเราคือสิ่งที่อยู่ในอาณาจักรอ้างว้าง สหายลี่โปรดวางใจ แม้ว่าเจ้าจะไม่ใช่คนของสิบสามเผ่าเมฆาสวรรค์ ทว่าเราสองคนพอจะมีฐานะในเผ่าอยู่บ้าง การส่งเจ้าเข้าไปในอาณาจักรอ้างว้างจึงไม่ใชปัญหา นับว่าเป็นประโยชน์แก่สหาย ถือเป็นการช่วยตอบแทนสหายได้หรือไม่” หญิงงามเผ่าผลึกมีสีหน้าประหลาดใจฉายแวบผ่านไป นางยิ้มโดยไม่ปฏิเสธ

ท่าทางของหานลี่กลับแปลกประหลาด หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ถึงพ่นลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง

“พลังยุทธ์ของผู้น้อยมิได้สูงส่ง การเข้าไปในอาณาจักรอ้างว้างจึงมิใช่ประโยชน์มากมายนัก ยิ่งไปกว่านั้นตัวผู้น้อยเองยังสามารถเข้าไปในอาณาจักรอ้างว้างได้เอง ไม่จำเป็นต้องให้ผู้อาวุโสทั้งสองออกแรง”

“เจ้าสามารถเข้าไปในอาณาจักรอ้างว้างได้ เป็นไปไม่ได้กระมัง! แม้ว่าเจ้าจะปกปิดใบหน้า แปลงโฉมมาในตอนนี้ แต่ก็ไม่ใช่คนของสิบสามเผ่าของพวกเราเป็นแน่ คนเผ่าอื่นจะสามารถเข้าไปในอาณาจักรอ้างว้างในเมฆาสวรรค์ได้อย่างไร” ต้วนเทียนเหริ่นเงยหน้าขึ้น เผยสีหน้าประหลาดใจออกมาเป็นครั้งแรก

“พี่ต้วนอย่าเพิ่งด่วนสรุปไป ต้องกล่าวว่าชนต่างเผ่าที่สามารถเข้าไปในอาณาจักรอ้างว้างในช่วงนี้ได้ล่ะก็ เช่นนั้นข้าก็ควรเรียกเจ้าว่า “สหายหาน” สินะ” หญิงงามเผ่าผลึกประหลาดใจไปเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นก็แย้มยิ้มหวาน

เมื่อหานลี่ได้ฟังคำพูดของทั้งสองก็ลอบถอนหานใจออกมา

การแสดงเคล็ดวิชาลับแปลงโฉมนั้นไม่สามารถปิดบังทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้าได้ดังที่คาด ทว่ายังดีจากที่ฟังน้ำเสียงของอีกฝ่ายแล้วคงยังไม่สามารถมองใบหน้าที่แท้จริงของเขาออก มิเช่นนั้นหากเขาพูดความจริงออกไปคงมีกระทบเป็นอย่างมาก

“แซ่หาน เช่นนั้นที่ข้าได้ยินคนในเผ่าพูดกันว่ามีชนต่างเผ่าคนหนึ่ง ปลุกระดมอาณาจักรอ้างว้างเมื่อปีก่อน ดูเหมือนจะคิดอาศัยเขตอาคมส่งตัวระดับสุดยอดของพวกเรา” ต้วนเทียนเหริ่นขบคิดครู่หนึ่งก็นึกขึ้นได้

“ไม่ผิด ดูแล้วคงเป็นสหายลี่ตรงหน้าเราผู้นี้” หญิงงามเผ่าผลึกเห็นหานลี่เงียบกริบไม่ปริปากก็ยิ้มออกมา

“หึ ๆ เช่นนั้นเขาก็สามารถเข้าไปในอาณาจักรอ้างว้างได้อยู่แล้ว ดีเลยพวกเราจะได้ไม่ต้องเปลืองแรง” ต้วนเทียนเหริ่นไม่คิดโกรธเคืองกลับดีใจเสียอีก

“แต่ผู้น้อยในตอนนี้ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับแผนของผู้อาวุโสทั้งสองเลย ยิ่งไปกว่านั้นผู้น้อยยังรับอีกภารกิจของเผ่าท่านไปแล้ว หลังจากเข้าไปในอาณาจักรอ้างว้าง เกรงว่าคงไม่สามารถปลีกตัวได้” หานลี่มองต้วนเทียนเหริ่นแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยอย่างลังเล

“อ๋อ เจ้าหมายถึงการรวบรวมวัตถุดิบหลอมอาวุธสินะ วางใจเถอะ เรื่องนั้นเสียเวลาไม่มากไม่รบกวนเวลาเจ้าแน่ หากไม่ไหวจริง ๆ เจ้าสามารถยึดเรื่องของผู้แซ่ต้วนเป็นหลักได้ แม้ว่าจะไม่อาจรวบรวมวัตถุดิบหลอมอาวุธเหล่านั้นได้ เพียงมีผู้แซ่ต้วนช่วยเจ้าพูดยังต้องกลัวเผ่าเราทำเจ้าลำบากใจอีกหรือ” ต้วนเทียนเหริ่นเอ่ยทะนงตน

“ส่วนจะให้เจ้าทำอันใดนั้น ในเมื่อยอมเข้าไปในอาณาจักรอ้างว้างแล้วย่อมเปิดเผยรายละเอียดได้ พี่ต้วน ข้าจะเล่าให้สหายน้อยหานฟังล่ะนะ” หญิงงามเผ่าผลึกเอ่ยต่อ

“ท่านเซียนคิดว่าได้ เช่นนั้นก็บอกเถิดผู้แซ่ต้วนไม่มีความเห็น” ต้วนเทียนเหริ่นตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ

“ความจริงแล้วเรื่องนี้ง่ายมาก! คือเราสองคนอยากให้สหายหานและผู้ที่มีร่างดูดปราณอีกสองคน ร่วมมือกันเปิดเขตอาคมลับแห่งหนึ่งในอาณาจักรอ้างว้าง และเอาของด้านในออกมา ของเหล่านี้เกี่ยวข้องกับเคราะห์สวรรค์ในอนาคตของข้าและพี่ต้วน หากทำสำเร็จ ภายในระยะเวลาสองสามหมื่นปีข้าและพี่ต้วนก็จะไม่ตกอยู่ในอันตรายที่อาจเพลี่ยงพล้ำได้อีก” หญิงงามอธิบายอย่างจริงจัง

“เคราะห์สวรรค์!” หานลี่ได้ฟังพลันตะลึงงัน อดนึกไปถึงชิงหยวนจื่อที่ซ่อนตัวอยู่ในแดนแม่น้ำลืมเลือนไม่ได้

คนผู้นี้มีพลังยุทธ์อยู่ในจุดที่สูงระฟ้าธรรมชาติรังสรรค์ เพื่อยืดเวลาของเคราะห์สวรรค์ จึงจำใจซ่อนตัวอยู่ในอีกมิติเวลาหนึ่งไม่กล้าเผยตัวในเขตแดนหลัก

พลังยุทธ์อยู่ในระดับอย่างพวกเรา ก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับอายุขัยอีก แต่ทุกครั้งที่ต้องเผชิญกับเคราะห์สวรรค์กลับกลายเป็นฝันร้ายที่พวกเขาไม่อาจหลบเลี่ยงได้ จึงจำใจต้องเสาะหาวิธีในการยืดเวลาออกไป

ดูแล้วหากไม่สามารถกลายเป็นร่างเซียนได้ ก็จะไม่สามารถเป็นอิสระในยุทธภพได้

หานลี่รู้สึกปลงไปเล็กน้อย แล้วลอบถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือก

หญิงงามเผ่าผลึกรับคำพลางเอ่ย “เขตอาคมในอาณาจักรอ้างว้างนั้น เป็นสิ่งที่พวกเราค้นพบตอนที่อยู่ในระดับเผ่าศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าตอนนั้นข้าจะไม่อาจเปิดเขตอาคมได้ แต่ก็โชคดีได้รู้สถานการณ์ส่วนหนึ่งในเขตอาคมมา ของที่อยู่ด้านในล้วนเป็นของที่ไร้ค่าสำหรับระดับเผ่าเบื้องบนอย่างพวกเจ้า แต่สำหรับเผ่าศักดิ์สิทธิ์อย่างพวกเราแล้ว กลับเป็นของช่วยชีวิตจากเคราะห์สวรรค์ครั้งนี้”

“ในเมื่อเป็นเขตอาคมในอาณาจักรอ้างว้าง นั่นจะมิใช่สิ่งที่เหล่าเซียนทิ้งเอาไว้หรือ ก่อนหน้านี้เผ่าต่าง ๆ ที่เข้าไปในอาณาจักรอ้างว้างก็เพลี่ยงพล้ำในเขตอาคมประเภทนี้ไปไม่น้อย ผู้อาวุโสมั่นใจแล้วจริง ๆ หรือ” หานลี่เอ่ยถามด้วยความรอบคอบ

“พลังยุทธ์ของข้าอาจจะอ่อนแอกว่าระดับเผ่าศักดิ์สิทธิ์ผู้อื่นไปเสียหน่อย แต่ในเรื่องเขตอาคมนั้นก็เพียงพอจะจัดให้อยู่หนึ่งในห้าอันดับของเผ่าเมฆาสวรรค์ทั้งหมด อีกอย่างตอนนั้นข้าได้พิจารณาอย่างละเอียดแล้ว เขตอาคมนั้นมีอายุมาไม่รู้กี่หมื่นปีแล้วอานุภาพจึงลดลงไปกว่าครึ่ง มิเช่นนั้นข้าเองก็คงไม่คิดแผนนี้ สหายไม่เชื่อคำพูดข้าเช่นนั้นหรือ” หญิงงามมองหานลี่แล้วเอ่ยอย่างมีนัยยะ

“ผู้น้อยไม่กล้าคิดเช่นนั้น” หานลี่เปลี่ยนสีหน้า

“ต่อให้คิดเช่นนั้นจริง ๆ นั่นก็เป็นเรื่องปกติของมนุษย์ กลัวข้าไม่พอใจงั้นหรือ แม้ข้าจะเป็นสตรีแต่ข้าก็มิได้ใจแคบ เจ้าวางใจเถอะ ข้าเสียเวลาไปพันปีถึงคิดวิธีทลายเขตอาคมโดยใช้ร่างดูดปราณสามคนได้ และมั่นใจอยู่เจ็ดถึงแปดส่วน ส่วนร่างดูดปราณอีกสองคนที่เหลือก็อยู่ในเมืองเมฆาตลอด คนหนึ่งเป็นผู้บำเพ็ญเพียรผู้สันโดษร่างเซียนเทียน ตอนนี้รับตำแหน่งแขกผู้มีเกียรติของเผ่าผลึกของเรา อีกคนหนึ่งกลับเป็นพี่ต้วนที่ใช้พลังโฮ่วเทียนปรับเปลี่ยนได้ ยามนี้หากเพิ่มพี่หานเข้าไป ทั้งสามคนร่วมมือกันจะต้องทลายเขตอาคมได้เป็นแน่” หญิงงามเผ่าผลึกเอ่ยด้วยความมั่นอกมั่นใจ

“ผู้อาวุโสต้วนสร้างร่างดูดปราณโฮ่วเทียนได้ แล้วเหตุใดถึงไม่ฝึกฝนเพิ่มสักคนหนึ่ง เหตุใดต้องรอถึงยามนี้” หานลี่ขมวดคิ้วมุ่นเอ่ยถามอย่างฉงน

“สหายหานไม่รู้อะไร ศิลาดูดปราณนั้นเป็นสิ่งล้ำค่าและไม่ใช่สิ่งที่จะดูดซับเข้าร่างได้ง่าย ๆ ตอนนั้นหลังจากที่พี่ต้วนรวบรวมได้ครบแล้ว ก็ให้คนในเผ่าหกคนพยายามหลอมร่างดูดปราณ ผลคือมีเพียงคนเดียวที่ทำเสร็จ พอคิดจะบ่มเพาะผู้อื่นอีก กลับรวบรวมศิลาดูดปราณไม่ได้ จะว่าไปแล้วก็แค่อยากเชิญสหายเข้ามาช่วยพวกเราทลายเขตอาคมในอาณาจักรอ้างว้างเท่านั้น ไม่ได้ให้สหายเสี่ยงอันตรายใด ๆ” หญิงงามแซ่ไฉ่อธิบายเพิ่มเติมด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

“เกรงว่าผู้น้อยคงไม่อาจปฏิเสธได้สินะ” หานลี่ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก็หัวเราะออกมาอย่างขมขื่น

“หึ ๆ เจ้าว่าไงล่ะ!” ต้วนเทียนเหริ่นดื่มสุราในกาอึกสุดท้ายหมด ก็เหลือบตามองหานลี่แล้วเอ่ยเสียงเย็น

“หากทุกอย่างนั้นง่ายดายดังที่ผู้อาวุโสกล่าว ผู้น้อยย่อมช่วยได้ แต่การอยู่ในอาณาจักรอ้างว้างก็เป็นสิ่งที่อันตรายมาก ทั้งเขตอาคมนั้นอาจเป็นสิ่งที่เซียนทิ้งไว้ภายในยังมีตัวแปรอีกมาก ผู้อาวุโสจะรับประกันชีวิตของผู้น้อยได้หรือไม่” หานลี่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วย้อนถาม

“สหายหานล้อเล่นแล้ว ในยุทธภพไหนเลยจะมีเรื่องที่รับประกันได้เต็มสิบส่วน ต่อให้ข้ากล่าวเช่นนั้น สหายกล้าเชื่อถือหรือ” หญิงงามได้ยินกลับยิ้มออกมา

“ในเมื่อผู้อาวุโสไม่อาจมั่นใจในอันตรายครั้งนี้ หากจะให้ผู้น้อยยอมเสี่ยงหวังว่าผู้อาวุโสทั้งสองจะรับเงื่อนไขสักสองข้อของผู้น้อยได้” หานลี่เงียบไปเล็กน้อยแล้วเอ่ยอย่างเชื่องช้า

“เงื่อนไข! ต่อให้สหายไม่เอ่ยถึง หลังภารกิจเสร็จสิ้น ข้าและพี่ต้วนก็ตั้งใจจะตอบแทนให้อยู่แล้ว” เมื่อได้ยินคำพูดของหานลี่ หญิงงามก็คลี่ผ่อนคลายลง

สำหรับนางแล้วขอเพียงสหายยอมเสนอเงื่อนไขทุกอย่างล้วนมิใช่ปัญหา

“เงื่อนไของผู้น้อยนั้นง่ายมาก ข้อแรกหลังออกจากอาณาจักรอ้างว้างแล้ว ผู้น้อยขอยืมเขตอาคมส่งตัว ผู้อาวุโสทั้งสองคงรู้ แต่ตอนที่ส่งตัวนั้นจำต้องเสียศิลาวิญญาณจำนวนมาก ผู้น้อยคนเดียวเกรงว่าคงไม่อาจรับไหว” หานลี่มีสีหน้าราบเรียบค่อย ๆ เอื้อนเอ่ย

“ใช้เขตอาคมส่งตัวระดับสุดยอด ศิลาวิญญาณระดับสุดยอดที่ต้องเสียไปย่อมมากมายมหาศาล เช่นนั้นตอนที่เจ้าส่งตัวข้าจะจ่ายศิลาวิญญาณให้ครึ่งหนึ่ง สหายพอใจหรือไม่” หญิงงามยอมรับอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย

ดูเหมือนว่าจำนวนศิลาวิญญาณที่น่าตกตะลึงนี้ จะไม่ได้อยู่ในสายตาของนาง

หานลี่เห็นหญิงสาวผู้นี้ตอบรับอย่างง่ายดายก็ตะลึงงัน ทว่าหลังจากนั้นมุมปากก็ยกขึ้น แล้วเอ่ยต่อว่า

“ผู้น้อยขอบคุณผู้อาวุโส เงื่อนไขที่สองก็คือหลังทลายเขตอาคมแล้ว นอกจากของที่ผู้อาวุโสทั้งสองต้องการแล้ว สมบัติอื่น ๆ ที่พบ ผู้น้อยจะขอรับไป”

“ไม่มีปัญหา เราสองคนต้องการแค่สิ่งของสองสามชิ้น สมบัติอื่น ๆ ที่พวกเจ้าพบนอกจากในรายการ ล้วนเป็นของพวกเจ้า” หญิงงามไม่มีสีหน้าประหลาดใจเลยสักนิด พลางตอบรับในทันที ราวกับคาดเดาเงื่อนไขนี้ไว้ก่อนแล้ว โดยไม่ปรึกษากับต้วนเทียนเหริ่นก่อน

ส่วนต้วนเทียนเหริ่นเมื่อได้ยินคำนี้ ก็เพียงกวาดตามองหญิงงามชั่วแวบหนึ่ง ไม่คาดคิดว่าจะไม่คัดค้านแม้แต่น้อย

“ผู้น้อยไม่ใช่คนละโมบ ในเมื่อผู้อาวุโสยอมรับเงื่อนไขสองข้อนี้ ผู้น้อยก็ไม่มีความเห็นอื่นแล้ว หลังเข้าไปในอาณาจักรอ้างว้างแล้วข้าจะช่วยผู้อาวุโสทั้งสองอีกแรง” หานลี่หยัดกายยืนขึ้น คารวะให้กับหญิงงามและต้วนเทียนเหริ่น

“เยี่ยมมาก! มีสหายคอยช่วย เรื่องนี้ต้องสำเร็จได้แน่ ส่วนรายละเอียดนั้น ก่อนที่อาณาจักรอ้างว้างจะเปิด ข้าและพี่ต้วนจะมอบหมายรายละเอียดภารกิจให้อีกที และสิ่งที่ข้าพูดถึงเมื่อครู่หวังว่าเจ้าจะไม่แพร่งพรายออกไป” หญิงงามเผยรอยยิ้มบนใบหน้าพร้อมเอ่ยกำชับในเวลาเดียวกัน

“ผู้อาวุโสโปรดวางใจ ผู้น้อยรู้อะไรควรมิควร หากไม่มีอะไรแล้วเช่นนั้นผู้น้อยขอตัวลา” หานลี่ค้อมตัวเอ่ยตอบรับด้วยความนอบน้อม

“อืม สหายไปได้แล้ว นอกจากนี้ช่วงนี้หากสหายพบเจอปัญหาอะไร ก็ให้ใช้ชื่อข้าและพี่ต้วนได้เลย คาดว่าจะช่วยแก้ไขปัญหาให้เจ้าได้ไม่น้อย ใช่สิ สหายหานยังไม่รู้นามเต็มของข้าสินะ ข้ามีนามว่าไฉ่หลิวอิง จะเรียกข้าว่าฮูหยินเฟยเซี่ยก็ได้” หญิงงามยิ้มพราย