หลินจือตกตะลึงในตรงนั้น
เธอไม่ได้คิดว่าเทาเท่จะออกมาพอดี แล้วยังได้ยินสิ่งเหล่านั้นที่นานิพูดพอดี
เธอประมาทเกินไป กาแฟอร่อยๆและแสงแดดที่อบอุ่น ทำให้เธอลืมไปว่าข้างๆก็คือเทาเท่
“คือ……” หลังจากดึงสติกลับมา เธอหัวเราะแห้งๆแล้วพยายามอธิบาย
เทาเท่ก็ใช้มือทั้งสองข้างพยุงราวระเบียงกระโดดข้ามมาแล้ว หลินจือตกใจกับการกระทำของเขา
ถึงแม้ก่อนหน้านี้เทาเท่เคยใช้วิธีนี้โดดข้ามมาที่เธอสองครั้งแล้ว แต่เธอไม่ได้เห็นกับตา หลังจากที่ได้เห็นกับตาครั้งนี้ แผ่นหลังของก็สะดุ้งด้วยเหงื่อที่เย็นเยือก
อันตรายเกินไป!
ถึงแม่นี่จะเป็นชั้นสอง แต่ถ้ามีอะไรตกลงไปโดยไม่ตั้งใจก็สามารถทำให้แขนขาหักได้
และจากรู้จักเทาเท่มาหลายปีนี้ เธอไม่เคยรู้เลยว่าเขามีฝีมือดีขนาดนี้?
แม้ว่าหุ่นเขาจะไม่เลว กล้ามเนื้อชัดเจน ต้องออกกำลังกายอยู่แล้ว แต่เธอแค่เคยเห็นเขาตื่นเช้าไปวิ่ง ส่วนอย่างอื่นไม่เห็นเขาฝึกอะไรเลย
เธอไม่รู้แน่นอน เทาเท่จะหาเวลาว่างมาซ้อมชกมวยทุกวัน เขากับโซเมนมีสถานที่เฉพาะในการซ้อมชกมวย อย่างแรกคือเพื่อออกกำลังกาย สองคือเพื่อป้องกันตัว
คนสถานะแบบนี้อย่างพวกเขา ผิดใจกับคนมากมายทางธุรกิจ ก็ไม่แปลที่จะมีคนเล่นงานพวกเขาลับหลัง แทนที่จะเอาเงินที่จ้างบอดี้การ์ด ทำไมไม่ฝึกซ้อมฝีมือตัวเองให้แข็งแกร่งไม่มีจุดอ่อน
หลินจือไม่รู้เรื่องนี้เป็นธรรมดา แม้แต่คนข้างนอกก็รู้น้อยมาก
มือซ้ายก็เทาเท่ มือขวาก็โนอาห์ กอดซ้ายกอดขวา ไม่สง่าเลยเหรอ?” เทาเท่กัดฟันพูดคำเหล่านี้ซ้ำๆ เขาเอนตัวไปแกล้งหลินจือ จับเธอทั้งตัวติดอยู่เก้าอี้หวาย
เดิมทีหลินจือคิดว่ามันเป็นแสงแดดที่จ้ามาก เพราะเขามาบังแบบนี้ แสงแดดไม่จ้าเลยทันที เหลือแค่หมอกเท่านั้น
ไม่เพียงแต่หมอกบนท้องฟ้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงหมอกบนใบหน้าของเขาด้วย
หลินจือต้องยอมรับว่า เทาเท่นี่น่ากลัวมากจริงๆ เธอถูกเขากดขี่อย่างอธิบายไม่ถูกถึงกับรู้สึกผิด รีบอธิบายว่า “นั่นเป็นแค่เรื่องตลกที่นานิพูดเล่นๆฉันไม่ใช่คนแบบนั้น”
เทาเท่ไม่ฟังคำอธิบายของเธอเลย “เธอเป็นเพื่อนสนิทของคุณ ต้องเป็นคนที่รู้จักคุณดีที่สุดแน่นอน”
ความหมายก็คือ ที่นานิพูดแบบนั้นเป็นเพราะเธอก็คิดอย่างนั้นในใจ
หลินจือรู้สึกเธอถูกปรักปรำยิ่งกว่าอะไร นานิรู้แต่วันๆพูดวิ่งรถไฟเต็มปาก เรื่องกอดซ้ายกอดขวาแบบนี้ ถ้าให้นานิทำเองล่ะก็ เธอขี้ขลาดแน่นอน
เธอต้องออกมาปฏิเสธข่าวอื้อฉาวกับดาราชายเหล่านั้นในเวลาแรกเลย กลัวว่านัตสึที่อยู่อีกฟากหนึ่งของมหาสมุทรจะรู้ เธอยังกล้ากอดซ้ายกอดขวาเหรอ?
แต่เทาเท่ไม่รู้จักนานิ เชื่อเพียงสิ่งที่เขาได้ยิน ทำให้หลินจืออยู่ในสภาวะถูกครอบงำ
แล้วด้วยเหตุที่เธอเมนมา อารมณ์ของเธอก็ไม่แน่นอนอยู่แล้ว ตอนนี้เธอถูกบีบบังคับ เงยหน้าขึ้นและพูดอย่างเฉยเมย “ถึงฉันจะกอดซ้ายกอดขวา แล้วยังไง?”
“เราคุยกันดีแล้วไม่ใช่เหรอ ก็แค่ความสัมพันธ์ทางกาย หัวใจฉันให้ใคร ก็ไม่เกี่ยวกับคุณ”
คำพูดของหลินจือรุนแรงมาก เทาเท่โมโหแทบจะบ้าตาย
เขาโมโหมากจนพูดอะไรไม่ออก แค่กัดฟันกรามหลังจ้องเธอดุๆ เหมือนกับว่าเธอกำลังจะกลืนกินเธอทั้งเป็น
หลินจือเห็นทีก็ใช้แรงผลักเขาออกไป เขารีบลุกหนีเข้าไปในห้องนอนขณะที่เขาโมโหวิงเวียน และรีบล็อกประตูห้องนอน ไม่ได้เพลิดเพลินกับแสงแดดแล้ว กาแฟก็ไม่ดื่มแล้ว
ดึงสติกลับมาเทาเท่รับรู้ได้ว่าตัวเองถูกปฏิเสธให้อยู่นอกประตู โกรธจนยกมือขึ้นบีบหน้าผากของตัวเอง
เขาไม่เคยรู้มาก่อน คนที่อ่อนโยนเหมือนแกะอย่างหลินจือยังยั่วโมโหคนเป็นด้วย แต่ตอนนี้เขาพบว่า ยิ่งเป็นคนอ่อนโยนมากเท่าไหร่ ยั่วโมโหคนขึ้นมาก็ยิ่งมากเท่านั้น
เดินไปยกมือขึ้นแล้วเคาะประตูระเบียงของเธอ พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เปิดประตู”
“ไม่เปิด” หลินจือส่ายหัวเหมือนกับป๋องแป๋งอยู่ข้างใน “ยกเว้นคุณสัญญาว่าจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก”
กอดซ้ายกอดขวาอะไร เธอจะไม่ทำเรื่องแบบนี้เลยด้วยซ้ำ ดังนั้นเธอก็ไม่อยากให้เทาเท่พูดถึงเรื่องนี้อีก
เทาเท่กัดฟันของเขา “คุณแน่ใจว่าคุณจะไม่เปิด?”
“เทาเท่!” หลินจือไม่พอใจอย่างมาก “คุณไม่ต้องพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงขู่เข็ญแบบนี้”
เทาเท่ตกตะลึงกับความโมโหอย่างกะทันหันของเธอ ตามมาด้วยความโมโหทั้งหมดของเขาก็ค่อยๆดับลง และเขาเกือบลืมไปว่า เขาไม่ดีเท่าเมื่อก่อน เมื่อก่อนแค่สายตาของเขาก็ทำให้เธอยอมอย่างไม่มีเงื่อนไข ตอนนี้เขาต้องอยู่แบบดูสีหน้าเธอ
“ขอโทษ” เขาขอโทษโดยไม่ได้คิด แต่ก็ยังแก้ตัวกับตัวเองว่า “เมื่ออกี้ฉันได้ยินแบบนั้น ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้อยู่พักหนึ่ง”
“คุณเปิดประตูให้ฉันเถอะ ฉันสัญญาว่าจะไม่หาเรื่องคุณด้วยเรื่องนี้อีก”
ตอนนี้เขาแค่ขอร้องอย่างน่าสงสาร เธอสามารถเปิดประตูให้เขาเข้าไปก็พอแล้ว
แค่ความไม่พอใจของเขา รอเมนของเขาหมดก่อนค่อยเคลียร์กับเขาที่บนเตียง ครั้งเดียวดับความโกรธของเขาไม่ได้ งั้นก็มาอีกสองสามครั้ง คงจะสามารถลดความโกรธเขาลงได้
หลินจือเห็นเขาจริงใจ และเห็นว่าเขาใส่แค่เสื้อลำลองที่บางๆ คิดๆแล้วในที่สุดก็เปิดประตูให้เขา
ถ้าเธอรู้ว่าเทาเท่คิดแผนที่จะลงโทษทรมานเธอเหล่านั้น ให้ตายเธอก็จะไม่เปิดประตูให้เขา และเป็นไปไม่ได้ที่จะสนใจเขา
เทาเท่เข้ามาก็กอดเธอไว้ในอ้อมแขนทันที เรียกอย่างอบอุ่นไพเราะ “หนาวจัง”
หลินจือก็คิดไม่ถึง เทาเท่เพิ่งออกจากบ้านไปครึ่งเช้า แล้วตอนนี้เขาก็เข้ามาในห้องอีก
ปล่อยให้เขากอดตัวเองไว้ หลินจือคิดถึงเขาที่เพิ่งปีนข้ามกำแพงอันตรายแบบนั้น และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ต่อไปคุณห้ามปีนข้ามกำแพงมาอีก อันตรายเกินไป”
เทาเท่ปล่อยเธอ มองลงมาที่เธอถามว่า “คุณเป็นห่วงฉันเหรอ?”
หลินจืออดทนไว้ที่จะมองบน “คุณคิดมากไปแล้ว ฉันแค่ไม่อยากให้คุณตกลงไปวันไหนโดยไม่ได้ตั้งใจ ถ้าเป็นอัมพาตขึ้นมาก็ต้องให้ฉันต้องมาดูแลคุณอีก”
เทาเท่ “……”
โทษที่เขาคิดไปไกลเอง
แต่เขาใช้โอกาสนี้พูด “งั้นคุณบอกรหัสผ่านประตูบ้านคุณให้ฉันหน่อย”
“รหัสผ่านคือวันเกิดของฉัน แต่คุณคงไม่รู้ใช่ไหม?” หลินจือพูดอย่างเยาะเย้ย จากนั้นก็คิดที่จะบอกเทาเท่ว่ารหัสผ่านบ้านตัวเองคืออะไร
คิดไม่ถึงว่าเทาเท่จะตอบได้ “สิบสองเดือนจันทรคติ”
หลินจือประหลาดใจมาก “คุณรู้ได้ยังไง”
สีหน้าของเทาเท่จริงจังมาก “ฉันบอกแล้ว ฉันจะจีบคุณกลับมาอย่างจริงจัง”
ความหมายก็คือ เขาทำการบ้านมาแล้ว
เมื่อก่อนเขาไม่รู้จักความชอบของเธอเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอแพ้เนื้อวัวและเนื้อแกะ แต่ช่วงนี้เขาได้ทำการบ้านมาเยอะมาก
วันเกิดของเธอคือวันไหน เมื่อก่อนเขาไม่รู้จริงๆ
ตอนพวกเขาอยู่ด้วยกัน จะจัดแค่วันเกิดเขาทุกปี และเธอจะทำเค้กเองกับมือก้อนหนึ่งให้เขาในวันเกิดของเขาทุกปี จากนั้นก็ทำอาหารโปรดของเขาเต็มโต๊ะ
ตรงกันข้าม วันเกิดของเธอไม่เคยเอ่ยถึงเลย ก็จะไม่จัดเป็นธรรมดา