จี้เยียนหรันโกรธเคืองมาก!
เดิมทีเธอคิดว่าเก็บกวาดหลงเจี้ยนหัวเสร็จ เรื่องราวในวันนี้ก็สามารถพูดได้ว่าจบสิ้นด้วยดี
แต่เธอจะนึกได้อย่างไรว่า เย่เทียนจะแอบเล่นใหญ่ขนาดนี้ลับหลังเธอ อยากกำจัดแก๊งมังกรให้สิ้นซากอย่างคาดไม่ถึง
กำจัดก็ส่วนกำจัดสิ ทำไมถึงก่อเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ออกมาด้วย
เล่นตะลุมบอนด้วยอาวุธกันบนถนนใหญ่ โทรศัพท์ของสถานีตำรวจไม่หยุดลงสักนิด ชาวเมืองที่กระตือรือร้นแทบไม่ยอมให้วางหูโทรศัพท์
“ไอ้บ้าเย่เทียน นึกไม่ถึงนายจะกล้าหลอกฉัน! อย่าให้ฉันจับนายได้เด็ดขาดนะ!”
ในใจจี้เยียนหรันเต็มไปด้วยไฟโกรธ คิดบัญชีนี้ไว้บนตัวของเย่เทียนทั้งหมดเลย
ถึงแม้จี้เยียนหรันจะเตรียมใจเอาไว้มาดีแล้ว แต่พอตอนมาถึงสถานที่เกิดเหตุ ยังตกใจยกใหญ่กับสถานการณ์ที่น่าเวทนาอยู่ตรงนี้อยู่ดี
เวลามักกระชั้นชิดเกินไปจริงๆ เดิมทีไม่มีทางนำผู้บาดเจ็บทั้งหมดเคลื่อนย้ายไปได้ เหล่ากำลังคนนอนบนถนนใหญ่ร้องคำรามโอดโอยกันเต็มแล้ว
แน่นอนว่า ผู้บาดเจ็บเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นคนของแก๊งมังกร ส่วนคนของแก๊งไผ่เขียวและแก๊งเสือดำสองฝ่ายนี้มีเพียงส่วนน้อย
บนพื้นหลงเหลือน้ำเลือดเป็นวงๆ อากาศทั่วทั้งพื้นที่ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือดที่เข้มข้น
แม้กระทั่งว่า บนกำแพงและพื้นล้วนมีหลุมโผล่ออกมามากมาย เหมือนเจอกับการระเบิดมา ดูน่าสังเวชใจถึงขั้นสุดเสียจริง
สายตามองเห็นการปรากฏตัวของจี้เยียนหรันและตำรวจกลุ่มหนึ่ง ผู้รับผิดชอบที่ถูกจัดเตรียมไว้แต่แรกรีบวิ่งเข้ามาแล้ว วิ่งส่ายก้นมาตรงหน้าของจี้เยียนหรันแล้ว ยิ้มเข้าสู้บอกว่า “ตำรวจจี้ครับ ขอโทษจริงๆ ครับที่ให้ท่านต้องมาด้วยตัวเอง ท่านคงจะเหนื่อยแย่เลย”
“ฉันแก่มากเหรอ?”
จี้เยียนหรันถลึงตาใส่เขาอย่างดุร้ายทีหนึ่ง ในความทรงจำเขาคือสมาชิกคนหนึ่งที่เข้าร่วมการต่อสู้ที่จวี่เค่อโหลว
ลูกน้องที่รับผิดชอบรู้สึกตกใจ ไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองพูดผิดแล้ว รีบพูดแก้ไข “ไม่แก่ๆ ตำรวจจี้ท่านเป็นสาวงามชั้นหนึ่งในเจียงหนันของพวกเรา คู่กับคุณชายเย่นั่นคือกิ่งทองใบหยกจริงๆ ครับ เหมาะสมกัน เหมาสมกันครับ!”
ลูกน้องคนนี้เห็นฉากที่เย่เทียนจูบจี้เยียนหรันมากับตาตนเอง เวลานี้ไม่ใช่แค่อยากประจบประแจงจี้เยียนหรันเหรอ
แต่ เขาจะรู้ได้อย่างไร ตอนนี้จี้เยียนหรันมีความรู้สึกเคียดแค้นต่อเย่เทียนมหาศาล!
ข้างหูได้ยินว่าลูกน้องที่รับผิดชอบจับคู่ให้ตนเองกับเย่เทียนด้วยกัน ไฟโกรธในใจจี้เยียนหรันยิ่งมากขึ้น โบกมือไป พูดเสียงเย็นเฉียบ “ใครก็ได้มานี่ที จับคนนี้เอาไว้ให้ฉัน!”
“ฉันสงสัยมากว่าคนคนนี้เป็นคนวางแผนเรื่องการทะเลาะวิวาทรุนแรงในครั้งนี้ เอาตัวเขากลับไปตั้งใจสอบสวนให้ฉัน!”
“ครับ!” ตำรวจสองสามคนรีบกระโจนเข้ามาแบบดุร้ายราวกับหมาป่าและเสือ
ลูกน้องที่รับผิดชอบสีหน้าเปลี่ยน กลับไม่กล้าขัดขืน ปล่อยให้ตำรวจใส่กุญแจมือตนเองไว้
นี่คือสถานการณ์อะไร? ตำรวจสาวจี้คุณไม่ใช่ผู้หญิงของคุณชายเย่เหรอ? ดีเลวอย่างไรพวกเราก็เป็นคนที่ลงเรือลำเดียวกัน ต้องมีท่าทีร้ายกาจขนาดนี้เลยเหรอ?
แน่นอนว่า ลูกน้องที่รับผิดชอบเหล่านี้ได้เพียงตำหนิอยู่ในใจนิดหน่อย แต่ไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ
“เรียกรถพยาบาล! เอาพวกเขาไปส่งที่โรงพยาบาล”
จี้เยียนหรันจะสนใจลูกน้องที่รับผิดชอบว่าพูดอะไรที่ไหน สั่งการลงไปเรื่อยๆ ทุกอย่างจึงยุติลงได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน
รอเรื่องราวสะสางใกล้เสร็จสิ้นแล้ว จี้เยียนหรันถึงกลับมาที่ข้างกายของลูกน้องที่รับผิดชอบ สอบถามว่า “เย่เทียนล่ะ?”
“ตำรวจจี้ครับ คุณชายเย่พวกเขาออกไปก่อนแล้วครับ”
ลูกน้องที่รับผิดชอบไม่กล้าผิดใจจี้เยียนหรัน ตอบไปอย่างซื่อตรง “ใช่แล้วครับ คุณชายเย่ฝากผมมาบอกคุณสักหน่อย เรื่องในครั้งนี้เขาไม่อยากให้เกิด เป็นคนของแก๊งมังกรลงมือก่อนครับ”
จี้เยียนหรันได้ยิน หางตาอดกระตุกแรงขึ้นมาไม่ได้
คนของแก๊งมังกรลงมือก่อน? นายกล้าพูดคำนี้ออกมา!
ถ้าไม่ใช่พวกนายสมคบคิดแค้นลูกพี่ของแก๊งมังกรเขาก่อน คนอื่นเขาจะสู้กลับกับนายเหรอ?
“เจ้าสารเลวคนนี้! ดูเอาไว้ว่าครั้งหน้าฉันจะจัดการนายยังไง!”
คุณหนูใหญ่จี้เหวี่ยงหมัดอย่างโหดร้าย พากำลังคนยี่สิบกว่าคนที่เหลือไว้เป็นพิเศษกลับสถานีตำรวจ
……
คฤหาสน์ตระกูลฉิน
“คุณอยากยืมเงิน?”
ฉินเจิ้งนายท่านฉินเบิกดวงตาทั้งสองจนโต บนหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งวัยเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
ชายหนุ่มที่นั่งตรงหน้าฉินเจิ้งพยักหน้านิดหน่อย พูดแบบน่าตกใจ “โดยเฉพาะที่ผมยืมค่อนข้างมาก อย่างน้อยหนึ่งพันล้านครับ!”
ส่วนชายหนุ่มคนนี้ นอกจากเย่เทียนแล้วยังเป็นใครได้อีก?
หลังจากจัดการข่งเทียนเฉิงเสร็จ เย่เทียนไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวเรื่องที่ยึดคืนพื้นที่แก๊งมังกรอีก มอบอำนาจทั้งหมดให้หลิวชิงและเชิ่งหู่ทั้งสองคน ส่วนเขาก็มาที่คฤหาสน์ตระกูลฉินอย่างไม่รีรอ
เย่เทียนรู้สึกจำใจมากเช่นกัน เฉินหวั่นชิงร้องห่มร้องไห้มาอ้อนวอน เขาก็ไม่มีทางเลือก!
ใครให้เดิมทีเบื้องหลังเขาไม่มีบุคคลยิ่งใหญ่ล่ะ นอกจากยืมเงินหนทางนี้ ที่จริงเขานึกไม่ออกเลยว่ามีวิธีอะไรที่สามารถรวบรวมเงินทุนที่เฉินหวั่นชิงต้องการได้เพียงพอในช่วงข้ามคืนสั้นๆ
นายท่านฉินเดิมทีนอนลงอยู่ แต่สำหรับเย่เทียนที่อายุน้อยกลับมีความสามารถแข็งแกร่งแถมยังเป็นปรมาจารย์ปรุงยา จึงลุกขึ้นมาจากเตียงแล้ว
แต่เขาคิดไม่ถึงโดยสิ้นเชิง เย่เทียนเข้ามาตรงไปตรงมาขนาดนี้ ถึงแม้เขาจะมีประสบการณ์ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน ก็แทบจะเด้งขึ้นมาจากบนโซฟาโดยตรง
“หนึ่ง หนึ่งพันล้าน?”
ฉินเจิ้งพินิจพิเคราะห์เย่เทียนด้วยสีหน้าแปลกประหลาด ถึงแม้ตระกูลฉินจะเป็นตระกูลอันดับหนึ่งที่ร่ำรวยสุดในเจียงหนัน แต่หนึ่งพันล้านก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เหมือนกัน
เงียบงันไปครู่หนึ่ง ฉินเจิ้งยังสอบถามอย่างอดไม่ได้ “ปรมาจารย์เย่ คุณอย่าหาว่าคนแก่พูดมากเลยนะ ผมสงสัย ไม่รู้ว่าปรมาจารย์เย่จะยืมเงินไปทำไม?”
“จากความสามารถของนายท่านฉิน น่าจะรู้เรื่องราคาหุ้นของบริษัทตระกูลเฉินในวันนี้มั้งครับ?”
สำหรับเรื่องนี้ เย่เทียนไม่มีอะไรน่าปิดซ่อน บอกไปตามตรง
ฉินเจิ้งพยักหน้าเล็กน้อย “พอเข้าใจมาคร่าวๆ”
“งั้นคุณน่าจะรู้ชัดถึงความสัมพันธ์ของผมและบริษัทตระกูลเฉินด้วย”
เย่เทียนเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้มพูดว่า “เฉินหวั่นชิงเป็นภรรยาของผม ภรรยาผมไม่อยากให้บริษัทตระกูลเฉินพังพินาศในมือเธอ ผมในฐานะสามีคนนี้ต้องช่วยเธอแน่”
เมื่อช่วงสาย ข่าวที่เย่เทียนและเฉินหวั่นชิงจดทะเบียนสมรสกันนั้นถูกสื่อมวลชนใหญ่ๆ กระจายอย่างบ้าคลั่ง เย่เทียนไม่เชื่อว่าฉินเจิ้งจะไม่รู้
ฉินเจิ้งได้ยิน ชั่วขณะนั้นนิ่งเงียบลงมาแล้ว
ข่าวของเย่เทียนและเฉินหวั่นชิงแพร่ไปจนโกลาหล เขาเป็นผู้ทำงานด้านสื่อมวลชนของเมืองเจียงหนันจะไม่รู้ได้อย่างไร
เพียงแต่ว่า เขายังคงรักษาท่าทีคอยสังเกตแบบรู้ว่าต้องทำตัวอย่างไร ไม่ได้ผสมโรงเรื่องนี้
แต่เขานึกไม่ถึงมากๆ เขาไม่ได้อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่เย่เทียนกลับอยากดึงเขาเข้าไปเกี่ยวพันด้วย
“คุณไม่ต้องกังวลปัญหาที่ผมคืนไม่ไหว คุณรู้ความสามารถของผม ถ้าผมไม่มีเงินใช้คืน ผมสามารถปรุงยาให้คุณฟรีได้ จนกระทั่งใช้หนี้หนึ่งพันล้านหมดเกลี้ยง”
ไม่รอให้ฉินเจิ้งคิดจนทะลุปรุโปร่ง ข้างหูก็มีคำพูดที่นิ่งเรียบนั้นของเย่เทียนดังขึ้นอีก
ครุ่นคิดอย่างละเอียดพักหนึ่ง ฉินเจิ้งมองเย่เทียนอย่างลึกซึ้ง สุดท้ายยังต้องพยักหน้าตอบรับแล้ว “ได้! คุณต้องการตอนไหน?”
“ถ้าได้ตอนนี้เลยก็ดีที่สุด อย่างช้าที่สุดผมหวังว่าจะเป็นพรุ่งนี้เช้าก่อนตลาดหุ้นเปิด”
ฉินเจิ้งส่ายหน้าอย่างจำใจ “ผมจะพยายามเอามาให้คุณก่อนตลาดหุ้นเปิดพรุ่งนี้เช้า”
“รบกวนแล้วนะครับ”
เรื่องสำคัญเสร็จสิ้น เย่เทียนไม่ได้มีความคิดวุ่นวายต่อไปอีก ลุกขึ้นเตรียมออกไป
ตอนที่เดินมาถึงหน้าประตู เย่เทียนราวกับนึกอะไรขึ้นได้ หันหน้าตะโกนบอกว่า “นายท่านครับ ถ้าคุณสามารถให้ผมยืมมากกว่านั้นอีก ผมก็ไม่ถือสาเหมือนกันครับ”
พูดจบ เย่เทียนก้าวใหญ่ๆ ออกไป ทิ้งฉินเจิ้งที่คืนนี้ลิขิตมาให้นอนไม่หลับไว้…..