กริ๊งๆ!
สิ่งที่เกินความคาดหมายของเย่เทียนนั้น หลังจากที่เขาเดินออกจากคฤหาสน์ตระกูลฉิน ก็ได้รับโทรศัพท์ที่เฉินหวั่นชิงโทรมาทันที
“เย่เทียน ตอนนี้นายอยู่ไหน?”
เย่เทียนยักคิ้ว “ที่รัก มีอะไรแล้วเหรอ?”
“นายออกไปข้างนอกเป็นเพื่อนฉันสักหน่อยได้ไหม?”
มีเสียงลังเลเล็กน้อยนั้นของเฉินหวั่นชิงดังมาจากไมโครโฟนอีกทางหนึ่ง
เย่เทียนกวาดตามองนาฬิกาข้อมือด้วยสีหน้าสงสัย เวลานี้คือสี่ทุ่ม อดถามอย่างแปลกใจไม่ได้ “ออกไปเวลานี้เหรอ?”
เฉินหวั่นชิงตอบอย่างขมขื่น “ฉันคิดว่าฉันพอรู้แล้วว่าเป็นใครกำลังซื้อหุ้นของบริษัทตระกูลเฉิน”
“ใคร?” เย่เทียนขมวดคิ้วขึ้นมาในชั่วขณะหนึ่ง
“จางเวยแห่งบริษัทก่อสร้างเทียนเฉิน”
เฉินหวั่นชิงพูดตรงไปตรงมา “เขานัดฉันออกไปกินมื้อดึก ฉันอยากให้นายไปเป็นเพื่อนฉันด้วยกัน”
“จางเวยเหรอ?”
ขบคิดในสมองสักครู่ ชั่วพริบตาเดียวสีหน้าเย่เทียนอึมครึมลงมา “ได้ ฉันจะกลับไปเดี๋ยวนี้”
ถ้าไม่ใช่เฉินหวั่นชิงบอกเขา เย่เทียนแทบใกล้จะลืมการมีอยู่ของเจ้างั่งนี้แล้ว
ที่จริงเรื่องที่เกิดขึ้นสองสามวันนี้มากมายเหลือเกิน ทำให้เขาค่อนข้างรู้สึกรับมือไม่ทันเท่าไร
แต่การเตือนสติของเฉินหวั่นชิงในตอนนี้ ทำให้เขานึกขึ้นได้ว่าจางเวยคือผู้สมรู้ร่วมคิดเรื่องผู้อาวุโสทั้งสามของสำนักหวู่หันเมื่อก่อนหน้านี้!
“ฉันไม่ไปหาแก แกก็ดันมาหาเรื่องเดือดร้อนให้ฉันก่อนแล้ว ไม่รู้จริงๆ ว่าแกไปเอาความกล้ามาจากไหน!”
เย่เทียนพึมพำเย็นชา รีบเลี้ยวกลับวิลล่าเจียงเฉิงไปรับเฉินหวั่นชิงทันที
หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง เย่เทียนขับรถพาเฉินหวั่นชิงมาจอดที่โรงแรมเจียงหนานแล้ว
“นาย นายมาด้วยได้ยังไงกัน?”
มองเห็นภาพของเย่เทียนในครั้งแรก ชั่วพริบตาเดียวจางเวยที่รออยู่ด้านในห้องอาหารแต่แรกตกใจค้าง ตกใจจนเกือบตกลงมาจากบนเก้าอี้โดยตรง
“กลางค่ำกลางคืนแบบนี้นายเรียกเมียฉันเข้ามากินมื้อดึก ฉันจะไม่มาได้ยังไง?”
เย่เทียนดึงเก้าอี้ออกให้เฉินหวั่นชิงนั่งลงแบบสุภาพบุรุษ จากนั้นถึงหย่อนก้นนั่งบนเก้าอี้ มองจางเวยแบบไม่ยิ้มทว่าเหมือนยิ้ม
“ประธานจาง บริษัทตระกูลเฉินของพวกเรากับบริษัทก่อสร้างเทียนเฉินของคุณแต่ไหนแต่ไรไม่เคยเกี่ยวข้องอะไรกัน”
“ไม่ทราบว่าประธานจางทำไมต้องมีเจตนาร้ายกดขี่ราคาหุ้นของพวกเราบริษัทตระกูลเฉินด้วยคะ?”
ถือว่ามีผ้าปูโต๊ะกำบังไว้ เฉินหวั่นชิงตบๆ ต้นขาของเย่เทียนแล้ว ส่ายหน้าเล็กน้อย แสดงความหมายว่าให้เธอมาเจรจากับจางเวยเอง
ถึงแม้สองบริษัทจะไม่มีการแลกเปลี่ยนอะไรด้านธุรกิจกันก็จริง แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเฉินหวั่นชิงไม่มีความทรงจำต่อจางเวย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ตอนอยู่ที่ตลาดหินหยกแห่งเจียงหนันทั้งสองคนยังเคยเจอหน้ากันด้วย!
น่าเสียดายแค่ว่า เฉินหวั่นชิงไม่ชัดเจนเรื่องที่เย่เทียนถือโอกาสรีดเงินจางเวยสิบล้าน ไม่อย่างนั้น เธอจะไม่พูดคำพวกนี้ออกมาเป็นแน่
หลังจากตกตะลึงไปช่วงสั้นๆ ไม่นานจางเวยก็ฟื้นสภาพเดิมกลับมา
ถึงจะบอกว่าการปรากฏตัวของเย่เทียนเกินความคาดหมายของเขาอยู่บ้าง แต่ครั้งนี้เขายังได้เปรียบกว่า เย่เทียนจะทำอะไรเขาได้อีก?
แม้กระทั่ง จางเวยคิดวิธีหนึ่งในการจัดการเรื่องนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบด้วย
พิจารณาถึงตรงนี้ จางเวยจัดเนกไทนิดหน่อย จงใจพูดอย่างเรียบเฉย “ประธานเฉิน นี่จะเรียกว่ากดขี่แบบเจตนาร้ายได้ยังไง? นี่เป็นแค่การแข่งขันทางธุรกิจอย่างบริสุทธิ์ต่างหาก”
“คุณ……”
เฉินหวั่นชิงโกรธจัด แต่ทำอย่างไรได้นั่นเท่ากับว่าจางเวยกุมสิ่งสำคัญของเธอไว้ เดิมทีเธอจึงระบายอารมณ์ไม่สะดวกนัก
เย่เทียนส่ายหน้าอย่างจำใจ ความบาดหมางระหว่างเขาและจางเวย เรื่องนี้ลิขิตให้ไม่มีทางนั่งลงคุยกันดีๆ ได้เลย เฉินหวั่นชิงที่ใสซื่อเช่นนี้ยิ่งเพิ่มความยุ่งยากใจให้เขาด้วย
คิดไปคิดมา เย่เทียนมองจางเวยแบบใบหน้าเต็มไปด้วยการหยอกล้อ พูดอย่างตรงไปตรงมา “เอาล่ะ ฉันเชื่อว่ากลางดึกแบบนี้นายเรียกเมียฉันมาต้องไม่ใช่แค่กินมื้อดึกแค่นี้หรอก มีอะไรจะบอกนายก็บอกมาตามตรงเถอะ!”
ยิ่งมองใบหน้าที่ยิ้มนั้นของเย่เทียน ในใจจางเวยยิ่งไม่สบายเท่าไร อดไม่ได้บ่นอย่างเย็นชา “นายยังหัวเราะออกมาได้?”
แอบคิดในใจว่าสมองของเย่เทียนมีปัญหาเหรอ?
เวลาช่วงบ่ายของวันนี้ ราคาหุ้นของบริษัทตระกูลเฉินตอนนี้โดนกดลงไปสิบสองหยวนเต็มๆ ว่าตามสถานการณ์นี้ต่อไป พรุ่งนี้ได้เพียงตกลงไปหนักกว่าเดิม!
เงินมากมายหายไปแบบนี้ เกรงว่าไม่มีใครสามารถหัวเราะออกมาได้กระมัง?
“ไม่หัวเราะหรือว่าจะให้ฉันร้องไห้เหรอ?”
เย่เทียนเบ้ปาก เหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้มพูดว่า “พวกเรามาเจอประธานจางอย่างนาย ถ้าฉันร้องไห้จริงแล้ว งั้นคงไม่ดีเอามากๆ นะ!”
“โดยเฉพาะ นี่ถ้าข่าวแพร่ออกไป คนข้างนอกที่ไม่รู้เรื่องไม่แน่ยังคิดว่าประธานจางใกล้จะตายแล้วล่ะ!”
จางเวยถูกเสียดสีจนสั่นเทาไปทั้งตัว นี่ไม่ได้กำลังแช่งตนเองให้ตายอยู่เหรอ? ไม่โกรธได้เหรอ?
แต่ พิจารณาถึงความสามารถแข็งแกร่งนั้นของเย่เทียน จางเวยกลับไม่กล้าอารมณ์เสีย กดความไม่พอใจไว้ในใจ
“เย่เทียน นายอย่ามาดื้อรั้นปากแข็งเลย!”
“สถานการณ์ของบริษัทตระกูลเฉินฉันตรวจสอบมาชัดเจนตั้งแต่แรก ตอนนี้พวกนายเดิมไม่มีเงินมารับมือตลาดหุ้นผันผวนในครั้งนี้ได้”
“แต่ ฉันสามารถให้โอกาสพวกนายสักครั้งได้ ขอแค่นายรับปากฉันได้ ฉันรับรองว่าจะวางมือ ไม่ลงมือต่อบริษัทตระกูลเฉินอีก”
เย่เทียนยักคิ้วขึ้นในชั่วขณะหนึ่ง แต่ไม่รอเขาเอ่ยปาก เฉินหวั่นชิงกลับถามออกมาอย่างทนไม่ไหว
“ประธานจางมีเงื่อนไขอะไรพูดมาตามตรงเลย”
“นึกไม่ถึงประธานเฉินเป็นคนตรงดี”
จางเวยกวาดตามองเฉินหวั่นชิง บอกตามตรงว่า “ข้อเรียกร้องของผมไม่สูง ผมอยากได้หุ้นสิบห้าเปอร์เซ็นต์ของบริษัทตระกูลเฉิน!”
“ขอเพียงประธานเฉินเห็นด้วย ผมรับประกันว่าราคาหุ้นของบริษัทตระกูลเฉินไม่เพียงจะไม่ตก แม้กระทั่งจะพุ่งขึ้นด้วย!”
ถูกต้อง! นี่คือหลังจากที่จางเวยผ่านการครุ่นคิดลึกซึ้งมาดีแล้วถึงตัดสินใจ
ตอนมองเห็นเย่เทียนด้วยตาตนเอง ความกลัวในใจของเขาถูกสะกิดขึ้นอีกครั้ง ที่บริษัทเมื่อตอนกลางวันมีความปรารถนายิ่งใหญ่อยากฆ่าเย่เทียนให้ตายก็โดนเขาสะบัดทิ้งหายเข้ากลีบเมฆตั้งนานแล้ว
หวางซานสามารถบุกเข้าคฤหาสน์ของเขาอย่างง่ายดาย และล้มบอดี้การ์ดที่เขาจ้างมาแพงจนคว่ำได้ แต่หวางซาน และยังมีผู้อาวุโสสามคนบ้าบออะไรนั้นกลับตายอนาถในมือเย่เทียน
ถ้าเกิดเย่เทียนเกิดอยากฆ่าตัดหัวเหมือนหมาจนตรอก เขาจะเอาอะไรมาต่อต้าน?
ด้วยเหตุนี้เอง จางเวยจึงอดเกิดความคิดเปลี่ยนศัตรูเป็นมิตรขึ้นมาไม่ได้
ส่วนเงื่อนไขแรกที่จะเป็นเพื่อนกันได้ นั่นคือต้องมีผลประโยชน์ร่วมกันก่อน!
นี่คือความคิดที่แน่นอนของเขาในฐานะพ่อค้า ตั้งแต่สมัยเด็กที่ถูกอบรมสั่งสอนความคิดแบบนี้มาว่าผลประโยชน์คือจุดเริ่มต้นของมิตรภาพ
ขอเพียงครอบครองหุ้นของบริษัทตระกูลเฉินแล้ว เขาก็จะครอบครองผลประโยชน์ร่วมกันกับเย่เทียน เขายังต้องมากังวลการแก้แค้นของเย่เทียนอยู่เหรอ?
“ประธานจาง ถ้านายไม่ได้มาชวนพวกเรากินมื้อดึก งั้นขอโทษด้วย พวกเราขอกลับไปก่อนแล้วนะ”
จางเวยวางแผนการไว้เสียดิบดี แต่เย่เทียนกำหนดมาให้ไม่อาจยอมรับข้อเรียกร้องใดๆ จากเขา
พูดจบ เย่เทียนลุกขึ้นฉับพลัน ดึงเฉินหวั่นชิงที่อยู่ในสภาพสั่นสะเทือนคิดจะออกไป
“เย่เทียน! ฉันจะบอกนายให้นะ นายไม่ให้ฉันเข้าหุ้นด้วย งั้นฉันสามารถซื้อด้วยตัวเองทั้งหมด!”
“ราคาหุ้นของบริษัทตระกูลเฉินวันนี้ร่วงหนัก พรุ่งนี้ยิ่งแย่กว่าแน่นอน ขอแค่ฉันซื้อต่อไปอีก ฉันก็จะได้เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทตระกูลเฉินเหมือนกัน!”
“แม้กระทั่ง ขอเพียงหุ้นที่ฉันซื้อเกินกว่าตระกูลเฉิน บริษัทตระกูลเฉินก็จะเปลี่ยนมาเป็นตระกูลจางแล้ว!”
ในใจจางเวยไม่สบายถึงขั้นสุด เขาถอยหลังออกมาให้แล้ว เย่เทียนกลับยังเถียงฉอดๆ
เย่เทียนยักไหล่อย่างไม่สนใจ “งั้นนายก็ไปซื้อสิ”
มีเงินทุนของตระกูลฉินตระกูลอันดับหนึ่งที่ร่ำรวยในเจียงหนันสนับสนุน เย่เทียนยังต้องกังวลจางเวยเจ้าตัวตลกเต้นแร้งเต้นกาคนนี้ด้วยเหรอ? ถ้าเขากล้าเล่นต่อไปอีก เย่เทียนก็กล้ารับรองว่าสามารถทำให้เขาขาดทุนจนไปกระโดดตึกได้เช่นกัน!