แอนนี่มองเขาอย่างนึกสนุกพลางส่งแรงไปยังแขนที่กำลังโอบกอดหล่อนเอาไว้มากขึ้น เพราะแบบนั้น บารอนเวอร์บูมจึงหันกลับมามองหล่อน แอนนี่ที่ได้ลักขโมยสีหน้าของมิเอลมาแย้มยิ้มแสนหวานปานจะละลาย และเอ่ยถามบารอน

“คุณจะลองทานทาร์ตที่ดิฉันทำสักหน่อยไหมคะ”

“คุณหมายถึง… ทาร์ตหรือครับ”

“ดิฉันเพิ่งอบวันนี้เอง ต้องถูกปากคุณแน่ค่ะ!”

แอนนี่เอ่ยถามแววตาเป็นประกาย ภาพนั้นช่างเหมือนแมวน้อยเหลือเกิน บารอนเวอร์บูมยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าในท้ายที่สุด

“ถ้าประชุมเสร็จเร็วเราไปดูละครเวทีด้วยกันไหมคะ พอดีดิฉันมีตั๋วละครเวทีที่สนุกมากๆ อยู่น่ะค่ะ ผู้รู้ของดิฉันเล่าให้ฟังว่าไปดูมา มันสนุกมากจนแทบจะออกมาในฝันอยู่ทุกคืนเชียวละค่ะ แต่ถ้าคุณยุ่ง เอาเป็นพรุ่งนี้ก็ได้นะคะ หรืออีกวันถัดไปก็ยังได้ค่ะ!”

บารอนเวอร์บูมคอยมองแอนนี่ที่พูดจ้อไม่มีหยุดพัก ก่อนที่ใบหน้าของเขาจะเปลี่ยนจากใบหน้าที่มีแต่ความลำบากใจไปเป็นอ่อนโยน เพราะเจ้าหล่อนที่ช่างจ้อเป็นนกจาบฝนคนนี้ช่างน่ารักเสียเหลือเกิน

และยิ่งตอนแรกเขามีจุดประสงค์เพื่อจะฟังเรื่องราวของอาเรียจากหล่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไปครึ่งปี เขากลับรู้สึกว่าการได้พูดคุยกับหล่อนก็เพลิดเพลินดีเหมือนกัน

เขาเคยคิดว่ามันเป็นเพราะเขาไม่ได้พบกับหญิงสาวคนอื่นเลยจากการต้องไกล่เกลี่ยความสัมพันธ์ระหว่างอาเรียกับเหล่านักธุรกิจรุ่นเยาว์เพื่อหล่อเลี้ยงธุรกิจของตัวเขาเอง แต่แม้จะอ้างนั่นอ้างนี่ ข้อสรุปสุดท้ายที่ได้ก็คือเพราะแอนนี่น่ารัก

และแอนนี่เองก็ดีพอแล้วสำหรับเขา ไม่สิ หล่อนทั้งสดใสแล้วยังมีจิตใจอบอุ่นถึงเพียงนี้ เขารู้สึกว่าหล่อนดีเกินไปสำหรับเขาที่ข้ามขั้นเลื่อนสถานะขึ้นมาเสียด้วยซ้ำไป

‘ใช่แล้วล่ะ เลดี้อาเรียน่ะ เหมาะกับคนที่ดีกว่าเราอยู่แล้ว’

เพราะเธอทั้งงดงามและเก่งกาจอย่างที่ไม่น่ามีอยู่จริง บุรุษทั่วไปไม่มีทางเอาชนะใจเธอได้แน่ หรือแม้ตัวเขาจะได้ใจเธอมา ก็คงต้องใช้ชีวิตอยู่กับความรู้สึกต่ำต้อยและอึดอัดใจไปตลอดเช่นกัน

บารอนเวอร์บูมพยักหน้าหลังจากจัดการกับหัวใจตัวเองจนเสร็จเรียบร้อย

“เมื่อไหร่ก็ได้ครับ เราต้องหาเวลาไปกันให้ได้นะครับ”

“จริงหรือคะ คุณพูดจริงๆ ใช่ไหมคะ!”

แต่แล้วในขณะที่เวอร์บูมกำลังจะเดินเข้าร้านไปพร้อมหล่อนทั้งที่ยังวางมือไว้บนเอวของหล่อนอยู่นั้นเอง แอนดรูว์ที่ไม่รู้ว่าเข้ามาใกล้ตั้งแต่เมื่อไหร่ได้เอ่ยทักทายเขาอย่างสดใส

“ท่านบารอน! ผมพาท่านปิโนต์ นัวร์ที่ท่านพูดถึงเมื่อคราวที่แล้วมาด้วยล่ะครับ”

“อ้อ ท่านชายแห่งปิโนต์ นัวร์ผู้นั้นสินะ”

เมื่อหันสายตาไปด้านข้างวแอนดรูว์ จึงได้เห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งทั้งยังหล่อเหลาและมีมาดผู้ดีเปล่งประกาย บารอนเวอร์บูมพูดกับเขาด้วยความสงสัย

“คุณดูต่างจากที่ผมได้ยินอยู่พอควรทีเดียวครับ”

“คุณไม่เคยเจอผมโดยตรง ได้ยินแต่เรื่องราวผ่านไปผ่านมา ก็คงจะมีเรื่องเข้าใจผิดอยู่บ้างครับ”

ว่ากันว่าท่านชายแห่งปิโนต์ นัวร์มักจะเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่แต่ในคฤหาสน์ และร่างกายก็บอบบางเพรียวระหงเสียจนถูกเข้าใจผิดว่าเป็นสตรีเพศ ด้วยนิสัยของเขาที่แม้แต่หายใจยังเป็นเรื่องยุ่งยาก ก็นับว่าแบบบางมากทีเดียว

แต่ชายหนุ่มที่มาปรากฏกายอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้กลับมีรูปร่างสูงโปร่งและร่างกายก็ดูแข็งแกร่งต่างจากข่าวลือพวกนั้นลิบลับ ยิ่งไปกว่านั้น ใบหน้าที่กำลังยกยิ้มร้ายนี้ยังนับว่าหล่อฉกาจอย่างที่หาได้ยากนัก

แม้จะดูอ่อนวัยกว่าเขาอย่างเห็นได้ชัด แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนกำคนอื่นไว้ในมือ ความคิดที่ว่าอีกฝ่ายอาจไม่ใช่คนร้ายวิ่งผ่านเข้ามาในหัวของบารอนเวอร์บูม

“ข่าวลือช่างน่าแปลกเหลือเกินนะครับ คงเพราะผมอยู่ห่างไกลจากตัวเมืองหลวง ไหนจะไม่ค่อยได้ออกจากคฤหาสน์ด้วย ผมหลุยส์ ปิโนต์ นัวร์ครับ”

อาซยื่นมือออกไปทั้งยังแนะนำตัวว่าชื่อหลุยส์ ปิโนต์ นัวร์โดยไม่คิดลังเลเลยแม้สักนิด ซึ่งนั่นเป็นชื่อญาติของเรนที่ควรจะมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่แรก

เขายิ้มออกมาอย่างหน้าตาเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำให้ไม่มีใครนึกสงสัยในตัวตนของเขาแม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกจะแตกต่างกับข่าวที่ลือกันโดยสิ้นเชิงก็ตาม

และยิ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นหลังอาเรียได้เห็นแจ้งแล้วว่าความจริงย่อมต่างจากข่าวลือด้วยแล้ว ยิ่งทำให้บารอนเวอร์บูมเชื่อว่าข่าวลือนั้นไม่น่าจะเชื่อถือได้ จึงยอมยื่นไปจับทักทายด้วยโดยเชื่อคำพูดของอาซสนิทใจ

“นั่นสินะครับ ข่าวลือที่บิดเบือนนี่มีเยอะกว่าที่ผมคิดจริงๆ คนหล่อๆ แบบนี้กลับมาโดนข่าวลือพรรค์นั้นเสียได้ ช่างน่าเสียดายเหลือเกินครับ คุณมาไกล คงจะเหนื่อยมากทีเดียว รีบเข้าข้างในกันก่อนเถอะครับ”

บารอนเวอร์บูมเชื้อเชิญอาซเข้าไปด้านใน แอนนี่เอ่ยตำหนิการแต่งกายของแอนดรูว์ว่ามันมากเกินความจำเป็นแล้วตามเข้าไป อาซเหลือบมองแอนนี่กับแอนดรูว์

“ถ้าเช่นนั้น ดิฉันไปรอที่ห้องทำงานนะคะ!”

ในวันที่ชายหนุ่มยุ่งแสนยุ่ง ห้องทำงานคือที่ของแอนนี่ ในตอนแรกบารอนเวอร์บูมเองก็อึดอัดอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ทั้งตัวบารอนเองรวมถึงพนักงานทุกคนในร้านต่างก็เคยชินไปเสียแล้ว มาตอนนี้ หากจะมองว่าแอนนี่ใกล้จะเป็นภริยาของบารอนเวอร์บูมแล้วก็ย่อมได้

เมื่อบารอนเวอร์บูมพยักหน้า แอนนี่ก็หายลับเข้าไปในห้องทำงานทันที แม้ตอนนี้หล่อนจะหายไปแล้วแต่สายตาของอาซก็ยังจับจ้องไปที่หน้าห้องทำงานอยู่เป็นเวลานาน

“คุณมีธุระอะไรกับเธอหรือเปล่าครับ”

บารอนเวอร์บูมเอ่ยถามสีหน้าเคร่งเครียดเหลือประมาณ นั่นทำให้อาซพอจะคาดเดาความสัมพันธ์ของทั้งคู่ได้จนต้องหัวเราะออกมาเบาๆ

“ไม่มีหรอกครับ ผมแค่คิดว่าเคยเห็นเธอที่ไหนบ่อยๆ แต่ดูเหมือนจะเข้าใจผิดไปน่ะครับ”

“อ้อ โล่งใจไปทีครับที่แค่เข้าใจผิด ถ้าอย่างนั้นเราไปกันเถอะครับ”

หลังจากเดินผ่านห้องทำงานไปไม่นานก็พบกับห้องประชุม มันคือห้องประชุมที่ถูกปรับปรุงขึ้นใหม่เป็นพิเศษสำหรับการประชุมครั้งนี้

เมื่ออาซและเวอร์บูมก้าวเข้าไปภายในห้อง สายตาหลายสิบคู่ก็จับจ้องมาที่พวกเขาทันที จำนวนคนที่มากเกินกว่าจะเรียกว่าอำนาจเล็กๆ ไปไกล ทำให้อาซถึงกับต้องกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอแล้วหันมองบรรดาผู้เข้าร่วมทั้งหมด

‘มีแต่คนที่ไม่เคยรู้ว่าอยู่ในจักรวรรดิเดียวกันกระทั่งถึงเมื่อต้นปีที่แล้วด้วยซ้ำ’

และตอนนี้พวกเขาต่างก็กำลังปลดปล่อยความกระตือรือร้นด้วยออกมาแววตาเป็นประกาย นี่คือพลังงานบวกที่ทั้งอ่อนวัยและแข็งแกร่ง เป็นภาพที่ไม่สามารถหาได้จากเหล่าชนชั้นสูงเดิมที่มีแต่กลิ่นเน่าเฟะเหม็นคละคลุ้งไปหมด

เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้อยากดึงคนเหล่านี้มาเป็นพรรคพวก เขาไล่สายตาจดจำใบหน้าไปทีละคน แต่แล้วใบหน้าของใครคนหนึ่งก็เข้ามาเต็มสองตา

“…!”

และอีกฝ่ายก็จ้องอาซอย่างไม่อยากเชื่อราวกับกำลังคิดเช่นเดียวกับเขา

ทันทีที่อาเรียเข้ามาในครรลองสายตา สิ่งรอบข้างทุกอย่างที่เขาเพิ่งชมว่าดีก็พลันกลายเป็นสีขาวดำ เขารู้สึกราวกับทั้งห้องประชุมที่เต็มไปด้วยความร้อนแรงของเขาเยาวชนนี้มีอาเรียอยู่เพียงคนเดียว

หรือจะเป็นเพราะเขาไม่ได้เจอเธอมานานกัน

เขาไม่อาจควบคุมดวงใจที่กำลังเต้นระรัวซ้อนทับกับความคิดถึงเพราะไม่ได้เจอเธอมาแสนนานนี้ได้เลย เขาจะไปเอื้อนเอ่ยคำใดต่อหน้าเธอผู้แสนงดงามปานนั้นได้อีกเล่า

“…ท่านชายปิโนต์ นัวร์”

บารอนเวอร์บูมเอ่ยเรียกอาซอย่างนึกสงสัย เพราะทั้งสองต่างก็เอาแต่มองอีกฝ่ายด้วยความตกใจโดยไม่พูดอะไรออกมาทั้งสิ้น

แต่ถึงอย่างนั้น อาซก็ไม่สามารถตอบเขาได้ไปอีกพักใหญ่

* * *

‘อาซมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง…’

อาเรียมองอาซอย่างไม่อยากเชื่อ

เหตุใดอาซจึงมาปรากฏตัวในที่ที่บรรดาคนซึ่งได้รับการลงทุนจากเธอมารวมตัวกันได้ เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยลงทุนกับผู้ที่มีนามว่าอาซ

นี่เป็นงานที่ค่อนข้างเป็นทางการ ดังนั้นเขาจึงแต่งตัวมาอย่างเหมาะสม ผมที่ถูกเสยขึ้นไปอย่างเรียบร้อยทำให้เขาดูเหมือนนักธุรกิจหนุ่ม

‘เขาผอมลงหรือเปล่านะ’

ตอนนี้หากเธอจะมองว่าเขาเป็นผู้ใหญ่แล้วก็คงไม่เสียหายอะไร อาจเป็นเพราะเนื้อหนังมังสาซูบผอมลงด้วยกระมัง สายตาเธอจึงเอาแต่จับจ้องอยู่ที่สันกรามคมกริบของเขาไม่ไปไหน

อาซกับอาเรียเอาแต่จดจ้องกันเป็นเวลานานโดยไม่พูดอะไร สุดท้ายบารอนเวอร์บูมที่เป็นคนพาอาซมาด้วยกันจึงต้องเอ่ยแนะนำอาซเพื่อทำลายความเงียบ

“ผมคิดว่าทุกท่านคงไม่เคยเห็นท่านผู้นี้มาก่อนสินะครับ นี่คือท่านชายปิโนต์ นัวร์ ผู้ได้รับการลงทุนรายใหม่ในครั้งนี้ครับ แนะนำตัวสักหน่อยสิครับ”

ท่านชายปิโนต์ นัวร์อย่างนั้นหรือ อาซน่ะหรือ แม้จะไม่ใช่วงศ์ตระกูลที่ต่ำต้อยขนาดนั้น แต่จะบอกว่าคนที่เป็นเพียงท่านชายแห่งตระกูลปิโนต์ นัวร์ส่งของขวัญชิ้นใหญ่เช่นนั้นมาให้เธออย่างนั้นหรือ

เธอจ้องมองอาซไม่วางตาด้วยความไม่เชื่อ ชายหนุ่มจึงมีสีหน้ากระอักกระอ่วน

“ท่านชายปิโนต์ นัวร์”

ทั้งที่ยกเวทีให้ได้แนะนำตัวแล้วแต่อาซกลับไม่พูดอะไรออกมาสักคำ บารอนจึงทักถามอย่างสงสัย

ตอนนั้นเอง อาซที่มัวแต่ลังเลถึงได้คราวกระแอมไอแล้วเริ่มกล่าวแนะนำตัวเสียที

“ปิโนต์ นัวร์… หลุยส์ครับ ผมได้มาร่วมประชุมแบบนี้เพราะได้รับการสนับสนุนจากท่านผู้ลงทุน ดังนั้นจึงรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ”

อาเรียหน้านิ่วคิ้วขมวดตั้งแต่ก่อนที่เขาจะแนะนำตัวเสร็จเสียอีก

หลุยส์ ปิโนต์ นัวร์อะไรกัน เขาคืออาซไม่ใช่หรือ ความจริงแล้วหลุยส์ ปิโนต์ นัวร์คือชื่อของคนที่เธอไปลงทุนด้วยในครั้งนี้ แต่เธอไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลยว่ามันจะเป็นอาซ เพราะชื่อที่เขาบอกเธอในครั้งแรกไม่ใช่ชื่อนี้

เขาได้รับเสียงปรบมือจากทุกคนก่อนจะไปนั่งลงตรงมุมหนึ่งของห้องประชุม เมื่อเห็นเขาที่ไม่เคยหลบสายตาของใครอย่างคนมั่นใจในตัวเองเสมอกลับไม่สามารถสบตากับเธอได้แบบนี้ มันทำให้เธอโกรธขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล

ชื่อเสียงเรียงนามที่แท้จริงของเขาคืออะไรกันแน่

นี่เขาหลอกเธอเรื่องชื่อมาตั้งแต่แรกอย่างนั้นใช่ไหม หรือตอนนี้กันแน่ที่เป็นชื่อลวง ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม เธอก็หงุดหงิดอยู่ดีเมื่อรู้ว่าถูกหลอกเรื่องชื่อ

‘…ทั้งที่ตัวเองกลับส่งคนมาคอยตามฉันเพราะอยากรู้เรื่องของฉันแท้ๆ’

เขาทำกระทั่งทดสอบเธอด้วยซ้ำไป เธอจ้องอาซตาเขม็งเพราะรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม แต่แล้วบารอนเนสคลีนกลับยกมือขึ้นมาพร้อมกับตะโกนเสียงดังลั่น

“ตรงนี้ก็มีผู้มาใหม่เช่นกันค่ะ! เลดี้ ดิฉันขอแนะนำจะได้ไหมคะ”

เธอรู้สึกถึงความเจ็บปวดและสับสนจากตัวบารอนเวอร์บูมที่อ้าปากค้างไปแล้ว เขาพยายามอย่างมากในการซ่อนตัวตนที่แท้จริงของอาเรียมาจนป่านนี้ แต่ก็ยังกลุ้มใจกลัวจะถูกเปิดเผยอยู่ดี

อาเรียละสายตาจากอาซแล้วลุกขึ้นยืนพร้อมรอยยิ้มหวานราวกับเธอไม่เคยทำหน้าไม่พอใจมาก่อน

“อาเรีย โรสเซนต์ค่ะ ดิฉันอาจไม่ได้รับการลงทุนจากท่านผู้ลงทุน แต่เพราะได้ยินว่าท่านผู้เก่งกาจทั้งหลายที่จะได้แบกรับอนาคตของจักรวรรดิมารวมตัวกันที่นี่ ดิฉันจึงยอมเสียมารยาทมาเข้าร่วมด้วยค่ะ”

ชื่อของอาเรียแห่งตระกูลท่านเคานต์โรสเซนต์ทำให้ห้องประชุมเกิดจลาจลขึ้นมาทันที เพราะนอกจากเรื่องข่าวลือแล้ว เธอคือบุคคลที่ไม่มีใครคาดคิด

บารอนเวอร์บูมหันมองไปทางนั้นทีทางนี้ทีท่ามกลางผู้คนที่กำลังตื่นเต้น เธอไม่ได้เปิดเผยตัวเองว่าเธอคือผู้ลงทุนที่แท้จริง ดังนั้นเขาจึงลำบากใจไม่รู้ว่าควรอธิบายว่าอย่างไรดี

บารอนเนสคลีนและคุณหญิงคนอื่นๆ คือผู้ที่ทำให้สถานการณ์นี้สงบลงได้

“พอดีครั้งที่แล้วดิฉันได้ไปเยี่ยมเยือนตระกูลท่านเคานต์มาน่ะค่ะ เลดี้อาเรียเธอคัดค้านเรื่องที่บรรดาภริยาต้องคอยให้การสนับสนุนสามีของตัวเองอย่างเต็มที่เชียวค่ะ เธอกล่าวว่าหากมีความสามารถก็ควรเอาออกมาใช้ พวกเราทุกคนที่อยู่ที่นั่นต่างก็เห็นด้วยและรู้สึกประทับใจอย่างสุดซึ้งค่ะ”

แม้จะไม่ได้พูดว่าใครเป็นคนทำเช่นนั้น แต่ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้ต่างก็รู้กันดีว่าประธานในประโยคผู้นั้นเป็นใคร เพราะเรื่องที่เลดี้มิเอลแห่งตระกูลท่านเคานต์เป็นผู้ติดต่อมานั้นคือความจริงที่ปรากฏออกมาอย่างเด่นชัด ซึ่งทุกคนต่างพากันยินดีที่ได้เปิดเผยความจริงนั้น

พวกเขาต่างคาดหวังว่าเลดี้มิเอลผู้น่ารักและอ่อนโยนจะสนใจเข้าร่วมประชุมเพื่อให้การช่วยเหลือหรือไม่ แม้ผลสุดท้ายแล้วจะไม่ได้เป็นเช่นนั้นก็ตาม กลับกัน มิเอลต่างหากล่ะที่เป็นฝ่ายต้องการความช่วยเหลือจากพวกเขา

“จริงอยู่ค่ะที่ความช่วยเหลือจากภรรยาเป็นสิ่งสำคัญ แต่ในบางครั้งการประคับประคองครอบครัวก็สำคัญมากกว่านะคะ ดิฉันคิดว่าการกดดันทั้งที่พวกเราไม่เคยพูดว่าต้องการทำเช่นนั้น ไม่ต่างอะไรจากการตัดทางเลือกของผู้หญิงเราออกไปเลยค่ะ และมันไม่ง่ายเลยที่เลดี้ชนชั้นสูงจะคิดได้เช่นนี้ แต่เลดี้อาเรียก็ยังเคารพพวกเราค่ะ”

การที่เธอมีกำพืดเป็นเพียงสามัญชนไม่ใช่เรื่องสำคัญในที่แห่งนี้ เพราะยังมีสามัญชนอีกมากมายที่มีความคิดเช่นเดียวกับมิเอล คำอธิบายจากท่านผู้หญิงทำให้บรรดานักธุรกิจในที่ประชุมพากันเดือดดาล

“ตอนนี้ยังมีคนที่มีความคิดโบราณคร่ำครึแบบนี้อยู่ด้วยสินะครับ!”

“น่าอึดอัดจริงๆ ครับ ผมหมายถึงเรื่องที่ท่านผู้หญิงมากมายก็มีความสามารถที่น่าทึ่งเช่นกันน่ะครับ”

“หากจะพูดว่าในบรรดากลุ่มธุรกิจที่มารวมตัวกันในวันนี้เป็นผู้หญิงมากกว่าครึ่งก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริงแต่อย่างใดครับ”

“แล้วไม่ใช่แค่นั้น แต่พวกคุณยังมองธุรกิจของพวกเราออกอย่างถูกต้องทะลุปรุโปร่ง พวกเรารู้สึกประทับใจที่พวกคุณคอยอยู่ด้วยทั้งยังให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ จึงได้เชิญพวกคุณมาเข้าร่วมด้วยแบบนี้ ดังนั้นได้โปรดเข้าใจพวกเราด้วยนะครับ”

“ใช่ครับ ผมรู้สึกประหลาดใจมากจริงๆ ครับที่คำแนะนำส่วนใหญ่ของพวกคุณเหมือนกับที่พวกเราได้รับมาจากท่านผู้ลงทุน พวกคุณเป็นเสมือนคนที่คอยช่วยเหลือพวกเราเลยล่ะครับ”

“พวกเราเข้าใจว่าไม่ใช่หนึ่งในบรรดาคนที่พวกท่านผู้หญิงพามาอยู่แล้วล่ะครับ”

บารอนเวอร์บูมไม่สามารถควบคุมสีหน้าของตัวเองตอนที่ได้ยินว่าคำแนะนำของพวกเธอไปเหมือนกับของผู้ลงทุน แต่ไม่นานก็เปลี่ยนเป็นโล่งใจเมื่อพวกเขาข้ามผ่านมันไปอย่างราบรื่นไม่มีเรื่องให้เขาต้องเปิดเผยตัว แม้เขาจะไม่ได้แก้ตัวอะไรเลยก็ตาม

หลังจากเฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดนั้นจากด้านข้างมาตั้งแต่ต้นจนจบ อาซก็เอียงใบหน้าไปด้านหนึ่งราวกับมันแปลกแล้วจมอยู่กับความคิดของตัวเอง และยังสงสัยว่าบารอนเวอร์บูมดูจะเป็นทุกข์เป็นสุขกับเรื่องของอาเรียมากเกินไปแล้วหรือเปล่า

ยิ่งไปกว่านั้นเขาเองก็รู้สึกไม่สบอารมณ์กับสายตาของบารอนเวอร์บูมที่มองอาเรียมาตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว ทำให้สายตาที่ใช้มองบารอนพลอยขุ่นมัวตามไปด้วย

ถ้อยคำต่อว่าต่อขานบรรดาคนที่ยังมีความคิดโบราณคร่ำครึยังดำเนินต่อไปอยู่ระยะหนึ่ง อาเรียมองดูอาซที่กำลังทุ่มเทพลังความโกรธมายังบารอนเวอร์บูมโดยไร้เหตุผล และสุดท้ายก็ต้องพูดขึ้นมาเมื่อทนความหยาบคายของเขาไม่ได้อีกต่อไป

“ดิฉันแนะนำตัวเสร็จแล้ว จึงอยากจะฟังการแนะนำตัวจากท่านชายปิโนต์ นัวร์อีกสักนิดค่ะ เกี่ยวกับแผนทางธุรกิจที่ท่านชายคิดไว้น่ะค่ะ”

……………………….