บทที่ 194 ไปเยี่ยมผู้ชายอีกคน

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

กรุ๊ปเลือดของทั้งสองเป็นกรุ๊ป A เหมือนกันพอดี พยาบาลวางแผนที่จะดูดไป 400 มิลลิลิตร แต่ออกัสขอให้ดูดไป 1,000 มิลลิลิตรเลย

พยาบาลไม่ยอม ข้อกำหนดสูงสุดของการให้เลือดคือ 800 มิลลิลิตร

ออกัสหรี่ตาลง พูดด้วยความโมโห “อย่าให้ผมต้องพูดเป็นรอบที่สอง มันเสียเวลา คุณต้องรับผิดชอบผลกระทบจากเรื่องทั้งหมด…”

พยาบาลตัวสั่นเทิ้ม ไม่กล้าพูดอะไร ก้มหน้าลงทันที สูบเลือดจนถึง 1,000 มิลลิลิตรแล้วจึงหยุด

สีหน้าออกัสไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เขาปล่อยเสื้อเชิ้ตสีดำลงและพูดกับพยาบาล “พยายามรักษาองค์ชายให้ที่ดีที่สุด ต้องการอะไร หรือเกิดอะไรขึ้นก็บอกผมได้ตลอดเวลา…”

ออกัสไม่ชอบเป็นหนี้บุญคุณใคร…

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง องค์ชายได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยซาราง ดังนั้นเขาต้องพยายามอย่างดีที่สุด…

พอเห็นเขาเดินออกมา เชอร์รีนที่หน้าซีดเผือดกลับสงบนิ่งผิดปกติ เอามือทั้งสองยันเก้าอี้ลุกขึ้นยืน “ยังต้องการเลือดอีกไหม? ฉันก็กรุ๊ป A เหมือนกัน”

“ตอนนี้ยังไม่ต้อง หากต้องการเมื่อไหร่ ทางเราจะบอกเอง” แพทย์กล่าวขึ้น

พูดจบก็ผลักประตูห้องผ่าตัด แพทย์และพยาบาลทั้งหมดเดินเข้าไปข้างในด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง

ครู่ต่อมา ทางเดินก็กลับมาเงียบสงบเหมือนในตอนแรก เงียบสงบไม่มีเสียงใดๆ แม้กระทั่งลมหายใจของทั้งสองยังได้ยินอย่างชัดเจน

เธอทรุดตัวลงนั่งบนม้านั่งยาวอีกครั้ง เชอร์รีนก้มหน้าซุกอยู่ในหว่างขา หัวไหล่ผอมบางไม่อาจหยุดสั่นเทา

ช่วงเวลาที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวเช่นในเวลานี้ ความหวาดกลัวที่ไม่อาจหาคำไหนมาจำกัดความได้แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก

ถ้าไม่มีซาราง เธอก็ไม่อาจจินตนาการได้ว่าชีวิตของตัวเองจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นเช่นไร!

ร่างสูงใหญ่นั่งลงบนม้านั่งยาว ดวงตาอันลุ่มลึกมืดมนของออกัสจับจ้องอยู่ที่เธอ ทันใดนั้น ก็ได้แสดงให้เห็นความเสียใจและสงสาร

เขาเหยียดแขนออกไป ประคองเธอที่ซุกตัวอยู่ วางลงบนต้นขาที่แข็งแกร่งและกล่าวด้วยเสียบแหบพร่า “ไม่ต้องห่วง ซารางต้องไม่เป็นอะไร…”

เธอพยายามผละออกจากอ้อมแขนของเขา แต่เมื่อยกมือขึ้นเชอร์รีนก็พบว่าตัวเองนั้นไร้เรี่ยวแรงและอ่อนแอแค่ไหน ราวกับพละกำลังทั่วร่างกายได้ไหลออกไปจนหมด

“ปล่อยฉัน ฉันไม่เป็นอะไร…” เธอเอ่ยขึ้นช้าๆ อย่างอ่อนแรง

“อยู่อย่างนี้แหละ!” ออกัสปรายตาเหลือบมองเธอ น้ำเสียงทุ้มต่ำเยือกเย็นผิดปกติ ไม่มีแววยั่วยุ ถ้าตั้งใจฟังดูจะพบความอ่อนโยนอยู่ในนั้น

เชอร์รีนไม่โต้เถียงกับเขาอีกต่อไป แค่ยังคงอยู่ในท่าทางนั้น รอคอยอย่างสงบนิ่ง สายตาของเธอจับจ้องอยู่บนประตูห้องฉุกเฉินโดยไม่กะพริบ

แต่หลังจากผ่านไปสองชั่วโมง ประตูห้องผ่าตัดกลับยังไม่เปิด

มือที่ห้อยอยู่ข้างลำตัวค่อยๆ กำแน่น เล็บคมจิกเนื้อกลางฝ่ามือจนเจ็บปวด แต่เธอกลับไม่รู้สึกเลยแม้แต่นิด

เวลาค่อยๆ ผ่านไปเรื่อยๆ ร่างกายของออกัสแข็งทื่อราวกับก้อนหิน ไม่เคยผ่อนคลายลงเลย หว่างคิ้วเผยให้เห็นความวุ่นวายใจและมืดมน และที่มากไปกว่านั้นคือความกังวล

มือใหญ่วางลงบนเสื้อเชิ้ต เขาปลดกระดุมบนเสื้อเชิ้ตออกหลายเม็ด มิฉะนั้น เกรงว่าจะเครียดจนตาย!

เวลายังคงผ่านไปอย่างเงียบสงบ ทุกนาทีในเวลานี้คือความทรมานและความระทมทุกข์อย่างมากสำหรับคนที่รอคอย โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านจิตใจ

หลังจากผ่านไปอีกครู่ใหญ่ ประตูของห้องผ่าตัดจึงแง้มออกมา เชอร์รีนรีบกระโดดออกจากอ้อมกอดของออกัส วิ่งตรงเข้าไปแล้วรีบคว้าแขนของหมอเอาไว้ เธอรอคอยต่อไปไม่ไหวแล้ว เธอกลัวว่า…

เธอกลัวว่า ผลที่ออกมาจะไม่ใช่สิ่งที่เธออยากฟัง กลัวว่าเธอจะยอมรับไม่ได้…

ความหวาดกลัวและลังเลเหล่านั้น ออกัสมองเห็นทุกอย่าง เขาลุกขึ้นยืนและก้าวขึ้นไปข้างหน้า มือใหญ่โอบไหล่เธอมากอดไว้ในอ้อมแขน ริมฝีปากบางๆ ขยับเล็กน้อย ขณะที่เขากำลังจะพูด เธอก็เย็นลงแล้ว พลางพูดขึ้นมาอย่างเยือกเย็นและอ้างว้าง แต่เสียงนั้นสั่นเทิ้มไม่ปกติ “คุณหมอ ลูกสาวฉันเป็นยังไงบ้าง?”

แม้ว่าอารมณ์เธอจะนิ่งสงบมาก แต่ความสั่นสะท้านจากร่างกายนั้นปกปิดไม่ได้ เขากอดเธอไว้แน่น เพื่อประคับประคองไว้โดยไม่ต้องพูดอะไร

ความหวาดกลัวที่เชี่ยวกรากภายในก้นบึ้งหัวใจถูกเจือจางโดยความอบอุ่นอย่างฉับพลัน อย่างน้อยที่สุด สองขาของเชอร์รีนก็หยุดสั่น

สายตาของนายแพทย์ทอดไปยังข้างกายเธอ พลางกล่าวว่า “คุณออกัส…”

“พูดเถอะ” ออกัสตัดบททันที สุ้มเสียงลุ่มลึกเยือกเย็นดั่งน้ำแข็ง แต่มือใหญ่โตเห็นข้อต่อชัดเจนกลับบีบหัวไหล่ของเธอแน่นอย่างอดไม่ได้ เส้นเลือดสีน้ำเงินหลังมือที่ปูดโปนออกมา เผยให้เห็นอารมณ์ที่แท้จริงที่สุดในหัวใจของเขา

“การผ่าตัดประสบความสำเร็จอย่างมาก เด็กพ้นขีดอันตรายแล้ว สามารถย้ายไปที่ห้องธรรมดาได้ คุณออกัสคลายความกังวลได้เลย”

ประโยคง่ายๆ เช่นนี้ดึงเชอร์รีนกลับมาจากนรก เธอกลับมามีชีวิตอีกครั้งในทันที มือเท้าที่เย็นเฉียบกลับมาอบอุ่นเช่นเดิม

กล้ามเนื้อแข็งทื่อบนใบหน้ายืดหยุ่นมากขึ้น ร่างกายที่ตึงเครียดของออกัสผ่อนคลายลง เขายื่นมือออกไป ขยับริมฝีปากบางๆ “ขอบคุณนะครับ เหนื่อยแย่เลย”

“คุณออกัสไม่ต้องเกรงใจ นี่คือหน้าที่ของพวกเราอยู่แล้ว” นายแพทย์รีบยื่นมือออกมาจับมือด้วย

ภายในห้อง

ซารางยังไม่ฟื้น ใบหน้าไม่แดงระเรื่อเหมือนปกติ แต่ซีดเซียว ไม่มีชีวิตชีวาเหมือนเคย บนศีรษะน้อยๆ ยังพันด้วยผ้าพันแผลสีขาวหนาเตอะ ใครเห็นก็รู้สึกปวดใจ

เชอร์รีนลูบไล้ทั่วใบหน้าน้อยเบาๆ ไออุ่นอันชุ่มชื้นเอ่อขึ้นในดวงตา รู้สึกแสบจมูกขึ้นมาทันที

แต่เธอก็ไม่ได้ร้องไห้ออกมา หลังจากจ้องมอง ซารางอย่างเงียบๆ สักพักก็ลุกขึ้นยืนและเดินออกจากห้องผู้ป่วย

“ไปไหนน่ะ?” ออกัสมองตามหลังเธอ ยืนอยู่ข้างเตียงแล้วถามขึ้น

“ไปเยี่ยมองค์ชาย…”

เธอทิ้งเอาไว้เพียงประโยคเดียวโดยไม่ได้หันกลับมา หลังจากเชอร์รีนออกไป ในห้องผู้ป่วยจึงเหลือเพียงออกัส และซารางที่ยังสลบไสลอยู่

ทางด้านนี้ องค์ชายยังไม่ออกจากห้องผ่าตัด ส่วนเชอร์รีนได้เรียนรู้ที่จะสงบสติอารมณ์ เธอประสานมือแน่น รออยู่นอกห้องฉุกเฉิน

เธอเชื่อว่า คนดีๆ อย่างองค์ชายสวรรค์จะต้องคุ้มครอง เปลี่ยนเหตุร้ายให้กลายเป็นดีอย่างแน่นอน!

องค์ชายเป็นคนซื่อตรง จิตใจดี ถ้าคุ้มครองไม่ได้ สวรรค์ก็ตาบอดแล้ว!

แต่ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้น องค์ชายจะต้องปลอดภัยแน่นอน นี่คือความปรารถนาของเธอ และเป็นความหวังอย่างแรงกล้าที่สุดในหัวใจของเธอ

หนึ่งชั่วโมงต่อมา ประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออก นายแพทย์ถอดหน้ากากออกและพูดกับเธอว่า “การผ่าตัดเป็นไปอย่างราบรื่น ตอนนี้ขึ้นอยู่กับสภาพของผู้ป่วยหลังจากฟื้นขึ้นมา”

“ขอบคุณค่ะ! ขอบคุณมากจริงๆ!” เชอร์รีนกล่าวขอบคุณด้วยสีหน้าตื่นเต้น

เช่นเดียวกับซาราง องค์ชายถูกนำตัวเข้าไปในห้องผู้ป่วย VIP และพยาบาลที่ดูแล ออกัสได้จัดการให้เรียบร้อยแล้ว