บทที่ 195 เขาดูหลบสายตาเล็กน้อย

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

เชอร์รีนไม่ได้ไปไหน เธอนั่งเงียบๆ อยู่ข้างเตียง รอให้เขาฟื้นขึ้นมา

เธอนั่งอยู่ตรงนั้นกว่าห้าชั่วโมงแล้ว แต่องค์ชายไม่มีสัญญาณว่าจะตื่นขึ้นมาเลย ยังคงอยู่ในอาการสลบไสลตลอดเวลา

มีหมอเข้ามาตรวจดูอาการผู้ป่วยพอดี เธอจึงถามอย่างเป็นกังวล “หมอคะ ทำไมเขายังไม่ฟื้นอีกล่ะคะ?”

“แม้ว่าจะมีเลือดออกในสมอง แต่ก็ไม่ได้กดทับเส้นประสาทในสมอง ดังนั้นไม่ต้องเป็นห่วง ภายในสองวันนี้จะฟื้นขึ้นมาแน่นอน” หมอตรวจอาการของผู้ป่วยให้พยาบาลที่อยู่ข้างหลังจดบันทึกและคุยกับเชอร์รีนไปด้วย

ได้ยินดังนั้น สิ่งที่เธอกังวลอยู่ภายในใจ ก็รู้สึกโล่งใจได้ในที่สุด

ในเวลานี้โทรศัพท์มือถือเกิดการสั่นขึ้นมา เธอไม่ได้รับสาย จนกระทั่งเดินออกจากห้องผู้ป่วยจึงรับสาย “ฮัลโหล”

“เขาฟื้นแล้วหรือยัง?” เสียงทุ้มต่ำของออกัสดังมาจากปลายสาย

“ยังค่ะ”

“งั้นคุณก็กลับมาก่อนแล้วกัน ซารางตื่นแล้ว…” เขาพูดอย่างแผ่วเบา

มีพยาบาลคอยดูแลสองคนในห้อง หลังจากเชอร์รีนบอกกล่าวแล้วเธอจึงออกไป

เป็นไปตามคาด เมื่อเดินเข้ามาในห้องผู้ป่วย เธอก็ได้ยินเสียงพูดจาละมุนละไมของซาราง “คุณอา แม่ยังไม่กลับมาเหรอคะ?”

เธอไม่พูดสักคำ เดินตรงไปที่ขอบเตียง มองดูซารางแล้วเอ่ยถามเบาๆ “เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”

ใบหน้าน้อยๆ ยังคงซีดเซียว ซารางส่ายหน้า “ไม่เจ็บค่ะคุณแม่…”

“ไม่เจ็บเลยจริงๆ เหรอ?”

“หัว…ปวดหัว…แม่จ๋า…” มือน้อยของซารางชี้ไปที่ศีรษะ เธอรู้สึกว่ามันหนักๆ และอึดอัดตรงนั้น เจ็บ ไม่ค่อยสบาย

ในเวลานี้เชอร์รีนอยากจะถ่ายโอนความเจ็บปวดทั้งหมดที่เธอได้รับมาที่ตัวเองเหลือเกิน ให้เธอได้แบกรับความเจ็บปวดนั้นไว้เอง

ทันใดนั้นดวงตาของเธอก็ร้อนผ่าวอีกครั้ง เธอยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่กำลังจะเอ่อล้นออกมา

เมื่อเห็นดังนั้นซารางก็เอื้อมมือน้อยขาวละมุนเข้ามาแตะใบหน้าของเธอ ราวกับว่าต้องการเช็ดน้ำตาให้เธอ “แม่จ๋า หนูโกหกแม่ ความจริงมันนิดเดียว เจ็บนิดเดียว นิดเดียวเหมือนเมล็ดแตงโม!”

เชอร์รีนสูดหายใจเข้าลึกๆ อารมณ์ที่พลุ่งพล่านของเธอก็ค่อยๆ สงบลง เอามือน้อยวางลงบนผ้าห่ม “นอนเถอะ พรุ่งนี้เช้าตื่นมาก็จะไม่รู้สึกปวดหัวแล้ว ตอนนี้ต้องเชื่อฟังก่อน”

ซารางพยักหน้าแล้วหลับตาลงอย่างว่าง่าย จากนั้นก็หลับไป

“คืนนี้ฉันจะเฝ้าอยู่ที่นี่ คุณกลับไปที่อะพาร์ตเมนต์เถอะ ที่นี่อยู่สองคนไม่ได้” เธอหันกลับไป พูดกับออกัสด้วยท่าทีสงบนิ่งและเย็นชาเหมือนเดิม

สายตาที่จับจ้องการเคลื่อนไหวของพวกเธออยู่ตลอดเวลาทางด้านหลังได้ถอนสายตากลับ จากนั้นก็เคลื่อนผ่านหน้าของเธอไปอย่างรวดเร็ว ร่างสูงใหญ่ของเขานั่งลงบนโซฟาโดยไม่มีทีท่าว่าจะกลับไป

“ผมจะอยู่ที่นี่…” ครู่ต่อมา เขาพูดออกมาอย่างหนักแน่น

ได้ยินดังนั้นเชอร์รีนก็ไม่ได้พูดอะไร แต่นั่งลงข้างเตียงอย่างเงียบๆ ไม่ว่าจะอยู่หรือไป เธอก็ไม่มีสิทธิ์จะไปก้าวก่าย

เพียงครู่เดียวภายในห้องผู้ป่วยก็เงียบสงัด มีแต่ความสงบ ทิวทัศน์กลางคืนภายนอกหน้าต่างค่อยๆ มืดครึ้มขึ้นเรื่อยๆ

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร เธอเอนกายและผล็อยหลับไปข้างเตียงผู้ป่วย

ออกัสวางเอกสารในมือลงแล้วลุกขึ้น เดินไปที่ข้างเตียงช้าๆ เห็นสองแม่ลูกยังคงจับมือกันไว้อย่างมั่นคง

คิ้วเรียวยาวเลิกขึ้น หัวใจของเขาดูเหมือนจะมีบางอย่างสัมผัสเบาๆ ทำให้เขาอ่อนโยนและสงบนิ่งลงผิดปกติ มองดูพวกเธอด้วยสายตาอบอุ่น

ครู่ต่อมาร่างสูงใหญ่ก็ก้มลงเล็กน้อย สองมือของเขาอุ้มเชอร์รีนขึ้นมาอย่างนุ่มนวล กลัวว่าจะทำให้เธออื่น

เขาหันกลับไป เดินกลับไปที่โซฟา วางเธอลงแล้วเอาผ้าห่มออกมาคลุมตัวเธอไว้

ตั้งแต่ต้นจนจบเชอร์รีนไม่ได้ตกใจตื่นขึ้นมา ดูเหมือนว่าเธอจะง่วงนอนจริงๆ มือใหญ่เห็นข้อต่อชัดเจนเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าของเธอเบาๆ ขยับริมฝีปากบางเอ่ยออกมาสามคำอย่างแผ่วเบา “น่าเกลียดจริง…”

ในความทรงจำเขาไม่เคยเห็นเธอร้องไห้ นี่เป็นเพียงครั้งเดียวและเป็นครั้งแรกด้วย

ซารางบนเตียงผู้ป่วยยังคงหลับสนิทอยู่ แต่ผ้าพันแผลสีขาวบนศีรษะของเธอนั้นทิ่มแทงสายตามาก ปลายนิ้วอันอบอุ่นลูบไล้ใบหน้าน้อยๆ ออกัสนั่งลงข้างเตียง

เช้าวันรุ่งขึ้น

เชอร์รีนลืมตาขึ้นมา มองไปยังโซฟาที่อยู่เบื้องหน้า ตกอยู่ในภวังค์ชั่วครู่ ก่อนจะได้สติกลับมา

เธอขยับร่างกายลุกขึ้นนั่งบนโซฟาอย่างรวดเร็ว ในห้องมีพยาบาลสองคนกำลังวิ่งวุ่นไปมา แต่เสียงเบามาก

เชอร์รีนดึงผ้าห่มบนตัวออกและเดินไปที่ข้างเตียง “มีอะไรหรือเปล่าคะ?”

“ไม่มีค่ะ ซารางมีการฟื้นตัวเร็วมาก จะว่าไปแล้วก็ไม่ได้รับบาดเจ็บตรงส่วนที่สำคัญใดๆ น่าจะออกจากโรงพยาบาลได้เร็วๆ นี้”

“แล้วพวกคุณกำลังทำอะไรอยู่คะ?” เชอร์รีนมองการกระทำของพวกเธอด้วยความงุนงง

“ก่อนคุณออกัสกลับไปได้บอกว่าต้องการเปลี่ยนห้องค่ะ”

“ทำไมต้องเปลี่ยนห้องด้วยคะ? ห้องนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”

“พวกเราก็ไม่ทราบค่ะ คุณออกัสสั่งไว้ อีกอย่างคุณออกัสก็จัดการขั้นตอนการย้ายห้องเรียบร้อยแล้ว แล้วก็ค่ารักษาพยาบาลคุณเชอร์รีนจ่ายไปก่อนหน้านี้ คุณออกัสได้ให้คืนเงินเข้าบัตรของคุณเชอร์รีนแล้ว รบกวนคุณเชอร์รีนตรวจสอบด้วยนะคะ…”

ได้ยินดังนั้นเชอร์รีนก็หน้านิ่วคิ้วขมวด เขาคืนค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดที่ตนจ่ายไปแล้วกลับมา?

ส่งผลให้ห้องผู้ป่วยได้รับการเปลี่ยนจากชั้นสามไปที่ชั้นห้า เมื่อเทียบกับชั้นสามแล้ว ห้องผู้ป่วยชั้นห้านั้นหรูหราขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มีครบครันทั้งทีวี โซฟา พรม และเตียงเสริมอีกหนึ่งเตียง

ซารางยังคงหลับสนิทอยู่ บวกกับในห้องยังมีพยาบาลอยู่สองคน เชอร์รีนจึงวางใจและเดินไปที่ห้องขององค์ชาย

เมื่อผลักเปิดประตูห้องผู้ป่วย เธอถึงรู้ว่าองค์ชายตื่นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว

เขากับซารางได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะเหมือนกัน ในตอนนี้ได้พันผ้าพันแผลสีขาวเอาไว้ พอเห็นเธอเข้ามาก็เอ่ยปากถามว่า “ซารางล่ะ? ได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”

“เธอสบายดีค่ะ แล้วคุณล่ะ ได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า มีตรงไหนรู้สึกไม่สบายไหม?”

องค์ชายรู้สึกโล่งใจ เขาหลบสายตาเล็กน้อย ยิ้มด้วยความจริงใจ “ไม่มี ผมสบายดี ไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหน”

มีบางเรื่องที่เขาไม่คิดจะบอกเธอ…

เชอร์รีนยังคงไม่วางใจ กล่าวอีกว่า “ฉันไปขอให้หมอมาตรวจทั้งร่างกายอีกรอบดีกว่า”

“เชอร์รีน ไม่ต้องจริงๆ หมอตรวจเรียบร้อยแล้ว เขาเพิ่งออกไป”

“ถ้าอย่างนั้นคุณอยากกินอะไรหรือเปล่า ฉันจะออกไปซื้อกลับมาให้คุณเดี๋ยวนี้”

องค์ชายคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วบอกว่า “เอาโจ๊กถ้วยเดียวก็พอแล้ว จากนั้นคุณก็กลับไปดูแลซาราง เธอยังเด็กมาก ไม่มีคนดูแลไม่ได้”

“อืม ได้ค่ะ คุณรอแป๊บหนึ่ง เดี๋ยวฉันกลับมา”

เชอร์รีนพูดพลางเดินออกจากห้องผู้ป่วย หลังจากเธอออกไปแล้ว องค์ชายถึงลองขยับขาทั้งสองเบาๆ

แต่ขาทั้งสองข้างนั้นไม่มีความรู้สึกเลย เขารู้สึกปวดหัวและชาที่แขน มีเพียงขาทั้งสองข้างที่ไม่มีความรู้สึกใดๆ เหมือนขาทั้งสองไม่ใช่ของตัวเองอีกแล้ว

สมาชิกในทีมที่มาเยี่ยมพากันห้อมล้อมองค์ชายและถามไถ่อาการ บ้างก็หยอกล้อเขา บางคนก็บอกว่าหัวหน้าเป็นวีรบุรุษขี่ม้าขาวโดยไม่คำนึงถึงชีวิตตัวเอง