บทที่ 350 การรวมตัวของสิ่งเล็กๆ
หลังจากพูดติดตลกเสร็จแล้ว เจ้าแห่งวายุก็พูดกับลูเซียนด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แฮททาเวย์กับข้าพึ่งบรรลุผลเรื่องการกำจัดสิ่งเจือปนออกจากธาตุ และเราเพิ่งพบว่าธาตุบางชนิดมีคุณสมบัติเหมือนกันราวกับคู่แฝด แฝดสาม และมีกระทั่งแฝดสี่ ความแตกต่างที่พบระหว่างธาตุก็คือน้ำหนักของอะตอม ซึ่งส่งผลในการวัดข้อมูลน้ำหนักธาตุที่ผิดพลาด หลังจากขจัดสิ่งเจือปนออก น้ำหนักของธาตุก็ตรงกับข้อมูลในตารางธาตุทุกอย่าง ตอนนี้เราทั้งสองคนหมดข้อสงสัยในความแม่นยำและความน่าเชื่อถือของตารางธาตุ”
ลูเซียนสงสัยว่าทำไมอยู่ๆ เฟอร์นันโดถึงพูดเรื่องไอโซโทปกับเขา รอยยิ้มบนหน้าของเขาเจือปนความสับสน “ดูเหมือนว่าแนวคิดของข้าก่อนหน้านี้ถูกต้องใช่ไหมขอรับ?”
ตั้งแต่ลูเซียนนำเสนอสมมติฐานที่ว่าพลังงานส่งผ่านเป็นส่วนๆ และยังแก้ปัญหาในการทดลองการกระจายความร้อน ลูเซียนก็มัวยุ่งอยู่กับงานของเขาในสถาบันอะตอม ดังนั้น เฟอร์นันโดจึงเปลี่ยนวิธีการสอน แทนที่จะสั่งให้ลูเซียนอ่านจดหมายให้ฟังเหมือนเดิม เขาจะให้งานกับลูเซียนไปทำทุกสัปดาห์ นั่นก็คือการอ่านตำราอาร์คานาศาสตร์สาขาต่างๆ หรือการวิเคราะห์เวทมนตร์ระดับห้า แล้วเขาจะช่วยไขปัญหาที่ลูเซียนเจอระหว่างกระบวนการศึกษา
สำหรับความคืบหน้าของเฟอร์นันโดในโครงการวิจัยของเขาเอง เขาเพียงจะอภิปรายกับบรรดาลูกศิษย์ในการประชุมประจำเดือนเท่านั้น ฉะนั้น นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ลูเซียนรู้ว่าแฮททาเวย์กับเฟอร์นันโดมีความก้าวหน้าไปมากในการแยกไอโซโทป
“ไม่สิ แนวคิดเจ้าเกือบทำเราหลงทาง” เฟอร์นันโดพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองเล็กน้อย “แฮททาเวย์เสนอให้ใส่ธาตุที่มีลักษณะคล้ายกัน ที่ตอนนี้เราเรียกว่า ‘ธาตุสมบูรณ์’ ไปก่อน ในอันดับเดียวกันของตารางธาตุ การค้นพบนี้ทำให้เราสามารถล้มล้างความเชื่อที่ว่าอะตอมไม่สามารถแบ่งแยกได้ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีคำอธิบายสำหรับธาตุสมบูรณ์ เราวางแผนจะเผยแพร่บทความในวารสารอาร์คานาฉบับเดือนหน้า เพื่อให้จอมเวทส่วนใหญ่ได้เตรียมใจรับการเปลี่ยนแปลงเชิงทฤษฎี แต่ว่าตอนนี้เจ้ากลับยอมเสียเวลาค้นพบอนุภาคใหม่ที่เล็กยิ่งกว่าอะตอม ตอนนี้คงไม่มีใครปฏิเสธข้อเท็จจริงเรื่องนี้ได้อีกต่อไป”
เฟอร์นันโดก็ยังคงไม่ยอมเอ่ยปากชมผลการค้นพบของลูเซียน โดยเลี่ยงไปใช้คำว่า ‘ยอมเสียเวลา’ อย่างไรก็ตาม เฟอร์นันโดมีสีหน้าท่าทางจริงจังมาก “การค้นพบของเจ้าจะสร้างความตกตะลึงครั้งใหญ่ในหมู่จอมเวท โดยเฉพาะคนที่ศึกษาธาตุ เจ้าอย่าเพิ่งเสนอบทความตอนนี้ เราควรเก็บเป็นความลับไว้สักพักก่อน แฮททาเวย์กับข้าจะหาจอมเวทที่พร้อมรับฟังให้ได้เสียก่อนเพื่อค่อยๆ เผยแพร่แนวคิดของเจ้า พวกเขาจะได้มีเวลาเตรียมใจ”
บทความชิ้นนี้แตกต่างออกไป สิ่งที่อยู่ในบทความไม่ใช่สมมติฐานอีกต่อไป แต่เป็นผลสรุปสุดท้ายที่มีหลักฐานสนับสนุนหนักแน่น
“ไม่มีปัญหาขอรับ” ลูเซียนพยักหน้า
หลังจากลูเซียนออกมาจากห้องทำงานของเฟอร์นันโด เจ้าแห่งวายุก็เดินวนไปวนมาโดยมีมือไขว้หลัง พิจารณาว่าเขาควรทำอย่างไร จอมเวทชั้นอาวุโสที่เขากำลังมองหาต้องเป็นคนที่สังเกตพบปัญหาของทฤษฎีเก่าอยู่แล้ว และพร้อมจะยอมรับทฤษฎีใหม่ คนที่เหมาะสมที่สุดควรจะมาจาก ‘เจตจำนงแห่งธาตุ’ เจ้าแห่งวายุจะต้องระวังตัวอย่างมากไม่ให้เรื่องนี้รู้ถึงหูของกลุ่ม ‘หัตถ์ไร้ชีวา’ และกลุ่ม ‘สหพันธ์เพลงจันทรา’ มิฉะนั้น นี่จะเป็นช่องทางทำลายความมั่นคงของกลุ่มเจตจำนงแห่งชาติ
ในบรรดาองค์กรนักเวทหลักๆ หกองค์กรในสภาเวทมนตร์ กลุ่มที่มีอิทธิพลมากที่สุดก็คือ ‘เจตจำนงแห่งธาตุ’ ‘หัตถ์ไร้ชีวา’ และ ‘กระท่อมแห่งพาล์เมรา’ แต่ละองค์กรก็มีมหาจอมเวทและจอมเวทระดับตำนานคอยหนุนหลัง ยาโรรัน แฮททาเวย์ ฮอฟเฟนเบิร์ก ‘เจ้าแห่งธาตุ’ และเดวีย์ ‘ผู้รังสรรค์’ สนับสนุนเจตจำนงแห่งธาตุ วีเซนเต มิรันดา ‘ธานาทอส’ และคอนกุส ‘เทพอสูรจอมเวท’ ถือหางหัตถ์ไร้ชีวา ส่วนเฮลเลน ไพรซ์ ‘แม่มดแห่งแดนน้ำแข็ง’ และฮัล-ชูเรีย ‘เจ้าแห่งก๊าซ’ ก็สนับสนุนกระท่อมแห่งพาล์เมรา
สำหรับสหพันธ์เพลงจันทรา ก็มีเชลซี โฮลต์ ‘ปราชญ์แห่งจันทรา’ ผู้วิเศษระดับตำนาน คอยหนุนหลัง เชลซีสนิทชิดเชื้อกับบรูค ‘จักรพรรดิแห่งการควบคุม’ ขณะที่กลุ่ม ‘ตระกูลนักเวท’ ก็ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ต้นโดยผู้วิเศษชั้นตำนานสองคน ได้แก่ ‘เนตรแห่งคำสาป’ และ ‘ปรมาจารย์แห่งการแปลงกาย’
ศาสดาพยากรณ์ซึ่งเป็นผู้นำกลุ่ม ‘หอคอยเวทมนตร์’ ก็เป็นนักปราชญ์ผู้อุทิศชีวิตให้กับการวิจัยและใกล้ชิดกับสภาเวทมนต์ที่สุด
มหาจอมเวทและผู้วิเศษชั้นตำนานที่เหลือต่างก็อยู่ฝั่งเดียวกับสภาเวทมนตร์
หลังจากนั้นสักพัก เฟอร์นันโดก็เริ่มรู้สึกหงุดหงิด ในฐานะลูกศิษย์ของเขา ลูเซียนสร้างปัญหาให้เขาตลอดเวลา จนความสามารถในการสร้างปัญหาเกือบจะเกินกว่าระดับความสามารถในการศึกษาอาร์คานาศาสตร์และเวทมนตร์!
ลูเซียนหาแต่เรื่องปวดหัวมาให้เจ้าแห่งพายุไม่มีหยุด
…
สองสามวันต่อมา
เมื่อลาซาร์ ร็อค และนักเวทฝึกหัดรู้สึกเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจในการทำการทดลอง พวกเขาก็ได้รับวันหยุดจากลูเซียน อย่างไรก็ตาม พวกเขากลับคิดว่าเขาไม่ได้ต้องการวันหยุด ยกเว้นเจอโรม
เจอโรมแต่งงานมีครอบครัวแล้ว ในที่สุดเขาก็ได้มีเวลาอยู่กับภรรยา ซึ่งนั่นทำให้คนโสดทั้งสองคน ลารซาร์ และร็อครู้สึกอิจฉาไปตามๆ กัน
ขณะที่ภายในสถาบันตอนนี้ จอมเวทและผู้วิเศษที่ทรงพลังและมีอิทธิพลทั้งหมดมารวมตัวกัน
คณะผู้ชมประกอบไปด้วยดักลาส ‘ประธานสภาเวทมนตร์’ แฮททาเวย์ ‘เจ้าแห่งธาตุ’ เฟอร์นันโด ‘เจ้าแห่งวายุ’ แล้วก็ยังมีโอลิเวอร์ ‘หัตถ์ทำลายล้าง’ นี่เป็นครั้งแรกที่ลูเซียนได้พบกับโอลิเวอร์ เขาดูค่อนข้างสง่างามและมารยาทดี แม้ความจริงเขาจะอายุเกือบสี่สิบปีแล้วก็ตาม
ขาดเพียง ‘จักรพรรดิแห่งการควบคุม’ และ ‘ธานาทอส’ ซึ่งไม่รับคำเชิญ และเฮลเลน ซึ่งเดินทางออกจากนครอัลลินไปเมื่อไม่กี่วันก่อน มหาจอมเวททุกคนก็มากันพร้อมหน้า
นอกจากนี้ ยังมีผู้วิเศษชั้นตำนานอีกสองสามคนเข้าร่วมด้วย คลอสส์ ซึ่งมักมีรอยยิ้มมีเลศนัยบนใบหน้าและอุ้มตุ๊กตาหุ่นเชิดเด็กผู้หญิงผมทองอยู่เสมอ และยังเป็นผู้ประดิษฐ์รถไฟไอน้ำเวทมนตร์ และแอตแลนต์ ‘เนตรแห่งคำสาป’ ผู้ไม่เคยลืมตา ต่างก็เข้าร่วมประชุม แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ การประชุมครั้งนี้มีผู้วิเศษชั้นตำนานเข้าร่วมทั้งสิ้นสี่คน
ยิ่งไปกว่านั้น มีจอมเวทชั้นอาวุโสมากกว่าสี่สิบชีวิตร่วมด้วย ซึ่งรวมถึงมอร์ริส ราเวนติ แกสตัน ล็อกลินน์ และจอมเวทคนอื่นๆ ที่ยังสงสัยในทฤษฎีอะตอม นักเวทอาวุโสและผู้วิเศษที่มีชื่อเสียงในเวทมนตร์สาขาอื่นก็เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้เช่นกัน
ห้องประชุมของสถาบันจึงมีผู้คนนั่งอยู่แน่นขนัด ลูเซียนแอบคิดว่าหากเกิดอะไรร้ายแรงขึ้นในห้องประชุมนี้ นั่นอาจหมายถึงจุดจบของสภาเวทมนตร์
“ลูุเซียน อีวานส์ ครั้งนี้เจ้าจะแสดงการทดลองให้เราเห็นความไม่ต่อเนื่องในรูปแบบพลังงานอย่างนั้นหรือ?” ขณะที่ลูเซียนกำลังจะเข้าไปในห้องทดลองด้านหลังกระจกเงา ชายชราร่างสูงรูปร่างผอมเกร็งซึ่งมีท่าทางมารยาทดีถามเขาด้วยน้ำเสียงค่อนข้างมีน้ำโห
ลูเซียนพึ่งได้ยินเฟอร์นันโดเอ่ยถึงชายชราผู้นี้ว่าเขาคือผู้วิเศษลอเร็น ผู้สนับสนุนสำคัญของแนวคิด ‘สารัตถะแห่งพลังงาน’ เจ้าของรางวัลเกียรติยศ ‘เหรียญจันทราสีเงิน’ และ ‘เหรียญน้ำแข็งและหิมะ’ สมาชิกคณะกรรมการตรวจสอบอาร์คานา และเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในสำนักแม่เหล็กไฟฟ้า แสง-ความมืด อุณหพลศาสตร์ และสนามแรง
นักเวทชั้นอาวุโสคนอื่นๆ ต่างก็มองไปทิศทางเดียวกัน และนั่นก็เป็นคำถามเดียวกันที่มีต่อลูเซียน
“ข้าค้นพบอนุภาคใหม่ขอรับ” ลูเซียนตอบเพียงสั้นๆ
“ภายในอะตอม?” แกสตันถามถึงความรู้สึกสับสน แม้เขาจะรู้ล่วงหน้ามาจากแฮททาเวย์และเฟอร์นันโด และเตรียมใจรับมือไว้แล้ว
“เดี๋ยวก็รู้” ราเวนติมองลูเซียนเดินเข้าไปในห้องทดลอง
มอร์ริสเองก็มีท่าทางจริงจัง “ข้ารู้สึกว่าต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแน่ๆ”
การทดลองไม่ใช่ปัญหา และเมื่อสร้างสภาพแวดล้อมสุญญากาศแล้ว ลูเซียนก็ปรับสนามไฟฟ้าและสนามแม่เหล็ก จากนั้นเหล่านักเวทก็เริ่มคำนวณโดยใช้ข้อมูลที่ได้รับ
ไม่นาน ราเวนติก็คำรามออกมา “น้ำหนักมัน… น้อยกว่าอะตอมไฮโดรเจนสองพันเท่า!”
แม้แต่ธาตุหนักที่อยู่ลำดับท้ายๆ ของตารางธาตุก็ยังมีน้ำหนักอะตอมมากกว่าอะตอมไฮโดรเจน ดังนั้น พิจารณาได้ในขั้นต้นว่าอนุภาคนี้ไม่ใช่อะตอม แต่เป็นอนุภาคที่เล็กกว่า หากไม่มีธาตุที่ยังไม่ถูกค้นพบอีกมากในลำดับก่อนไฮโดรเจนในตารางธาตุ
ยกเว้นราเวนติ นักเวทที่เหลือต่างสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แม้ว่าพวกเขาจะสงสัยในทฤษฎีอะตอม และต่างก็มีเหตุผลที่ถูกเลือกเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ ทุกคนต่างก็รู้สึกสับสน ราวกับว่าความทรงจำบางอย่างอันงดงามกำลังถูกทำลาย
ลอเร็นจับตาดูการทดลองทั้งหมดและพูดออกมาด้วยเสียงอันดัง “สุดยอดการทดลอง!”
ลูเซียนเองก็ประหลาดใจ เขาไม่คาดคิดว่าลอเร็นซึ่งมีท่าทีก้าวร้าวใส่เค้าจะแสดงความยินดีกับเขาแบบนั้น
“นี่เป็นการหักล้างทฤษฎีอะตอมอย่างร้ายกาจ นี่เป็นการยืนยันว่าพลังงานก่อกำเนิดทุกสิ่งและอะตอมไม่มีอยู่จริง!” ดวงตาของลอเร็นดูมีอาการคุ้มคลั่ง
ศัตรูที่สำคัญของแนวคิดสารัตถะแห่งพลังงานก็คือทฤษฎีอะตอม!
เขาไม่ได้สนใจที่ราเวนติและจอมเวทที่เหลือบมองเขา ลอเร็นพูดกับลูเซียนด้วยความตื่นเต้น “ขอแสดงความยินดีด้วย อีวานส์ เจ้านำทางผู้คนก้าวไปสู่ความจริงของโลก!”
ก่อนที่ราเวนติจะเริ่มคำราม ลูเซียนก็พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “หาไม่ได้ขอรับ ข้าคิดว่าการค้นพบอนุภาคที่เล็กกว่านี้ยิ่งเป็นการยืนยันถึงการมีอยู่ของอะตอม ภายในอะตอม มีโครงสร้างที่เฉพาะตัว…”
เมื่อลูเซียนกำลังจะอธิบายความเชื่อของเขาต่อ ดักลาสก็ยกมือขึ้นและหยุดการโต้เถียงทั้งหมด
เมื่อมองไปรอบๆ ห้องประชุม ดักลาสก็รู้สึกพึงพอใจที่เห็นว่าจอมเวทที่คัดเลือกมาทั้งหมดมีปฏิกิริยาตามที่คาดการณ์ไว้และยอมรับการมีอยู่ของอนุภาคใหม่ แล้วเขาก็พูดขึ้นอย่างพึงพอใจ “เราได้ร่วมกันเป็นพยานต่อสุดยอดการทดลองครั้งนี้ การทดลองที่นำเราไปสู่โลกแห่งจุลภาคและสาขาการวิจัยใหม่! แม้ว่าการวัดประจุไฟฟ้าของอนุภาคและความสัมพันธ์กับอะตอมยังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม แต่ผลการวิจัยของสถาบันและลูเซียนครั้งนี้ยิ่งใหญ่มาก โลกอาร์คานาทั้งใบได้ก้าวสู่ความยิ่งใหญ่ด้วยการทดลองนี้”
…
“ในการรับมือกับผลวิจัยที่หักล้างทฤษฎีเดิมแบบนี้ ข้าคิดว่าเราควรให้ข้อมูลกับจอมเวทและนักเวทบางส่วนก่อนเหมือนที่เราทำอยู่ตอนนี้ เราสามารถใช้วิธีนี้เป็นระเบียบการปกติได้ในอนาคต” ดักลาสกล่าว
เนื่องจากผลการศึกษาที่ล้มล้างทฤษฎีเดิมค่อยๆ เผยแพร่ออกมาทีละเล็กทีละน้อยในช่วงเวลาสั้นๆ ดักลาสก็ตัดสินใจว่าต้องมีการคิดค้นกลไกการแก้ปัญหาขึ้นมา
โอลิเวอร์เห็นด้วยแต่ก็มีคำถาม “แล้วใครจะเป็นคนตัดสินว่าเรื่องไหนลบล้างทฤษฎีหรือไม่?”
ทันทีที่โอลิเวอร์เสนอคำถามขึ้นมา จอมเวทส่วนใหญ่ก็หันไปมองที่ลูเซียน
ลูเซียนก็สัมผัสได้ถึงลางไม่ดีอีกแล้ว