ตอนที่ 528

The Divine Nine Dragon Cauldron

การย้ายออกไปจากกระโจมเทพสวรรค์ของนางหยุดลง จางตี๋เก้อตกตะลึง

 

“เจ้ามีแผนที่ลับสวรรค์ได้ยังไงกัน? เป็นไปไม่ได้!”

 

แต่นางก็ไม่ได้มีเวลาให้คิด ในสภาพที่นางอ่อนแออย่างมากเช่นนี้ นางจะทนรับพลังของลำดับห้าธาตุพร้อมกับแหวนทองปราบมารได้ยังไง?

 

ร่างผอมบางของนางพุ่งออกไป นางรีบบินไปยังที่ปลายสุดขิงพลังมิติและพยายามจะหนีไปกับพลังนั้น ถ้าทำเช่นนั้น ด้วยพลังขอบเขตภูติ นางหวังว่ากระโจมเทพจะสัมผัสได้และพานางออกไป

 

ซือหยูได้เห็นเช่นนั้นจึงเรียกลำดับห้าธาตุกับแหวนทองปราบมารไล่ล่านางไป เขาพยายามอย่างมากเพื่อที่จะไม่ให้นางได้หนี!

 

นี่เป็นโอกาสดีที่สุดที่จะจับนางเพราะตอนนี้นางอ่อนแอลงมาก ถ้าหากนางไปถึงทวีปเฉินหลงและฟื้นพลังกลับมา นั่นจะเป็นปัญหาในการจับตัวนางยิ่งกว่าเดิม

 

เซี่ยจิงหยูกลับมาได้สติเมื่อดูการต่อสู้ นางใจสั่นและบินเข้าไปอย่างภูมิใจในตัวซือหยู

 

จางตี๋เก้อบินไปข้างหน้าด้วยทุกสิ่งที่มี แต่การเคลื่อนไหวของนางก็ช้าลงไปมากกว่าตอนที่นางมีพลังสูงสุด ความเร็วของนางช้าลงและมิอาจหนีจากซือหยูไปได้ด้วยผลของแผนที่ลับสวรรค์

 

ทั้งสามไล่ล่ากันบนนภาของยอดเขาทั้งห้า นี่คือภาพในจินตนาการ…นักสู้ในขอบเขตภูติถูกไล่ล่าโดยราชามนุษย์!

 

แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าหลังจากที่ไล่ล่ากันไป โลหิตสีดำก็หลั่งไหลออกมาจากหลุมไร้ก้นที่จางตี๋เก้อระเบิดไป มันปล่อยกลิ่นเหม็นเน่ารุนแรงออกมา

 

เวลาผ่านไปครึ่งถ้วยชา พลังชีวิตของจางตี๋เก้อหมดลง นางไม่มีพลังที่จะบินอีกแล้ว นางต้องร่อนลงบนยอดเขาสุดท้ายที่อยู่กลางยอดเขาทั้งห้า

 

ยอดเขานี้แปลกตาไม่เหมือนกับที่เก็บสมบัติวัตถุดิบที่เชื้อเชิญเหล่าผู้คนให้เข้าไป นี่คือที่เก็บสมบัติวิชาบ่มเพาะ

 

ซือหยูจ้องมองจางตี๋เก้อ จางตี๋เก้อร่อนลงไปที่ยอดเขา นางพุ่งไปยังสุสานที่ดูรกหูรกตา

 

มีศิลาจารึกชื่อคนตายกระจัดกระจายข้างถนนซึ่งส่วนมากถูกทำลายไปจนหมด ป้ายศิลาเหล่านั้นจมลงไปกับโคลน

 

มีหลายหลุมศพที่ถูกขุดออกมา ซากศพกระจัดกระจายไปทั่ว หากดูจากร่องรองจะพบว่ามันเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว นี่คือสุสานของศิษย์เทียนจี่จื้อและลูกหลาน

 

ยังมีสุสานโบราณใหญ่สามแห่งที่ตั้งตระหง่านอยู่ในส่วนลึกที่สุดของสุสาน นั่นคือสุสานศิษย์ทั้งสามของเทียนจี่จื้อ

 

หลุมศพเปิดกว้างและถูกขุดค้นไปเป็นส่วนมาก มองดูแล้วไม่มีสิ่งใดหลงเหลืออยู่เลย

 

“ช่างเป็นสถานที่ที่โหดร้ายนัก จางตี๋เก้ออาจจะใช้ที่นี่ฟื้นฟูร่างกายและรักษาบาดแผลนางได้”

 

เซี่ยจิงหยูเป็นกังวล

 

เพราะเป็นสถานที่สุดท้ายของครนตาย พลังภูติที่นี่จึงหนาแน่น มันเหมาะอย่างมากกับภูติผีอย่างจางตี๋เก้อ

 

“แต่สามหลุมศพนั่นลึกจริงๆ ถ้าพวกเราเผลอเข้าไปโดยไม่รู้ตัว จางตี๋เก้อก็อาจจะมีโอกาสหนีไปได้”

 

ซือหยูยิ้ม

 

“วันนี้ไม่มีโอกาสให้นางหนีอีกแล้ว!”

 

เพียงนึกคิด ซากหลุมศพทั้งสามก็โปร่งใสด้วยเนตรวิญญาณ

 

ทั้งสามหลุมศพนั้นว่างเปล่า จางตี๋เก้อไม่ได้อยู่ในหลุมศพใดเลย!

 

แต่…

 

ซือหยูหัวเราะเบาๆ เขามองไปยังหลุมศพธรรมดาที่ถูกทำลาย เขาพบว่าจางตี๋เก้อกำลังขดตัวอยู่ในหลุมศพอันว่างเปล่า!

 

นางฉลาดมาก แม้แต่เซี่ยจิงหยูก็คิดว่านางจะหนีไปที่หลุมศพใหญ่

 

แต่นางกลับคิดนอกเหนือไปกว่านั้น นางซ่อนตัวในหลุมศพธรรมดา นางอาจจะซ่อนตัวจากพวกเขาได้สำเร็จถ้าซือหยูไม่มีเนตรวิญญาณ

 

จางตี๋เก้อที่ระวังตัวรู้สึกได้ว่านางถูกเจอตัวแล้ว นางพังหลุมศพโดยไม่รีรอให้ซือหยูจู่โจม นางดูดซับพลังภูติมาบ้างแล้ว นางฝืนบินขึ้นสู่นภา!

 

ซือหยูยิ้ม เขาจรดปลายเท้าพุ่งขึ้นฟ้า เขาไล่ล่านางต่อไป!

 

แต่เมื่อเขาบินขึ้นก็รู้สึกชาเล็กน้อย มีคลื่นพลังอ่อนๆแล่นผ่านเขา

 

ซือหยูก้มลงมองพื้นเมื่อสัมผัสได้ถึงปรากฏการณ์ประหลาด เขาเบิกตากว้างเมื่อมองด้วยเนตรวิญญาณ

 

“นี่มัน…”

 

พลังอันน่ากลัวหลับใหลอยู่ในพื้นเบื้องล่าง สายฟ้าในร่างกายเขามิอาจควบคุมได้ มันพยายามจะไหลออกจากร่างของเขา

 

ผนึกสายฟ้าห้าธาตุที่เป็นต้นแบบสมบัติภูติในแหวนมิติก็เริ่มกระโดดไปมา! ซือหยูตกตะลึง

 

มีอะไรซ่อนอยู่ในสุสานนี้กัน?

 

ซือหยูละสายตาไม่กล้าจะปลุกให้มันตื่น สัญชาตญาณบอกเขาว่ามันคือสิ่งที่สังหารเขาได้ในพริบตาเดียว

 

ซือหยูไม่คิดว่าจะมีสิ่งมีชีวิตอื่นใดในกระโจมเทพสวรรค์ที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งที่หลับใหลอยู่เบื้องล่างเขาได้นอกจากจ้าวเทวะ เขาบินออกมาอย่างระมัดระวังและก้มลงมองแผ่นป้ายสุสาน

 

แปลกนัก หากที่นี่เป็นที่พักสุดท้ายของเหล่าลูกหลาน ซากศพและสุสานก็ควรจะมีความสำคัญ ไม่มีเหตุผลให้เหล่าลูกหลานที่ยังมีชีวิตต้องปล่อยให้สุสานของบรรพบุรุษต้องถูกขุดทำลายเช่นนี้ และที่สำคัญคือพวกเขายังไม่ได้มีการป้องกันใดในที่นี่เลย

 

หรือว่าจะมีเหตุผลอยู่เบื้องหลังสิ่งนี้ที่พวกเขามิอาจพูดออกมาได้?

 

ซือหยูกับเซี่ยจิงหยูจดจำเรื่องนี้เอาไว้และมองไปยังจางตี๋เก้อและไล่ตามต่อไป แค่สิบวินาที จางตี๋เก้อก็หน้าซีด พลังของนางหมดสิ้นลง นางกัดฟันร่อนลงบนยอดเขาข้างหน้า

 

นี่เป็นยอดเขาที่สั้นที่สุด มันยังมีความหนามากสุดราวสองเท่าของยอดเขาอื่น นี่ก็เป็นยอดเขาที่มีความสำคัญมาก มันมีสมบัติที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่…นั่นก็คือสมบัติวัตถุดิบ

 

ว่ากันว่ามีวัตถุดิบจากจิวโจวนับไม่ถ้วนที่นี่ และยังมีวัตถุดิบสองอย่างที่น่าตกใจอย่างมากอยู่ที่นี่

 

ยอดเขานี้แตกต่างจากยอดเขาอื่น ในแต่ละยอดเขานั้นจะมีกลุ่มคนป้องกัน แต่ที่นี่เป็นฐานทัพของเหล่าผู้ป้องกัน กำลังหลักจะรวมตัวที่นี่

 

มีคนไม่มากนักที่จะกล้าเข้ามาเพราะจำนวนคนคุ้มกันที่มีอยู่มาก แต่พวกเขาก็แน่ใจได้ว่าเหล่าผู้คุ้มกันมิอาจทำลายผนึกเพื่อรับสมบัติจากส่วนลึกสุดได้! และมุกเงินเลี่ยงอัสนีที่ซือหยูกำลังค้นหาก็อยู่ที่นี่เช่นกัน

 

หลังจากที่จางตี๋เก้อมาถึง นางก้าวเข้าไปในหมอกหนาทันที นางหายลับไป ดวงตาซือหยูนั้นเป็นดั่งคบเพลิงที่ติดตามจางตี๋เก้อได้ ไม่ว่านางจะไปที่ไหนก็มิอาจรอดพ้นสายตาของเขา

 

ไม่นานหลังจากที่ไล่ตามมา ซือหยูไม่รู้อีกแล้วว่าเส้นทางนี้จะพาเขาไปยังที่ใด สิ่งเดียวที่เขารู้ก็คือมีสิ่งปลูกสร้างขนาดต่างๆอยู่ใกล้พวกเขา พวกเขาอยู่ท่ามกลางหมอก เงาแต่ละคนซ้อนทับกันไปมา

 

จางตี๋เก้อที่กำลังหนีหยุดเมื่อเข้าใกล้รูปปั้นศิลา ซือหยูเลิกคิ้วสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น

 

เขาหยุดบินและหยุดเซี่ยจิงหยูด้วย

 

เขาสร้างผนึกพลังในมือ ร่างเทียมสีเพลิงก้าวออกไป ก้าวแรกๆนั้นค่อนข้างปกติ แต่หลังจากก้าวที่เก้าซือหยูก็ต้องเบิกตากว้าง เขาเห็นฝูงแมลงค่อยๆผุดขึ้นมาจากพื้นและปล่อยหมอกสีเทา

 

หมอกปกคลุมร่างเทียมทั้งร่าง เสียงก้อนหินแตกดังมาจากผิวของร่างเทียม ผิวของร่างเทียมค่อยๆกลายเป็นหิน!

 

ไม่นานร่างเทียมก็กลายเป็นหินทั้งหมด มันกลายเป็นหนึ่งในรูปปั้นรอบๆ!

 

“รูปปั้นพวกนี้ไม่ใช่ศิลา! มันคือผู้บุกรุกที่มาที่นี่!”

 

ซือหยูคว้าตัวเซี่ยจิงหยูก่อนจะบินขึ้นสูง!