ตอนที่ 529

The Divine Nine Dragon Cauldron

ทันทีที่ซือหยูบินขึ้นสูงและเห็นหมอกหนา เขาก็พบร่างของจางตี๋เก้อ! นางกลายเป็นรูปปั้นหินด้วยเช่นกัน!

 

ความประหลาดใจและความกลัวยังคงปรากฏอยู่บนใบหน้าของนาง และนางยังทำท่าที่จะหันกลับหนีออกจากป่าที่มีแต่รูปปั้นเหล่านี้

 

แต่ไม่คิดเลยว่านางจะหนีไม่พ้นและกลายเป็นหนึ่งในรูปปั้นศิลานับไม่ถ้วนที่นี่ ซือหยูขวัญหาย จริงอยู่ที่พลังของจางตี๋เก้อลดลงไปมาก แต่ก็จริงอีกเช่นกันที่นางมีร่างกายของขอบเขตภูติ หมอกสีเทาที่หนอนแมลงพ่นออกมาทำให้นางกลายเป็นก้อนหินได้โดยตรง บอกได้เลยว่าหมอกสีเทาน่ากลัวเพียงใด

 

โชคดีที่ซือหยูระวังตัว เมื่อหนอนเล่านั้นสนใจอยู่กับร่างเทียม พวกมันจึงไม่ได้สนใจซือหยูกับเซี่ยจิงหยู แต่ก่อนที่พวกเขาจะหนีออกมาซือหยูก็ยื่นมือไปคว้ารูปปั้นจางตี๋เก้อขึ้นมาด้วย

 

ซือหยูมองสีหน้าหวาดกลัวบนรูปปั้นจางตี๋เก้อ เขาส่ายหน้า

 

“เจ้าจะทำแบบนี้ไปทำมกัน? ถ้าเจ้าฟังข้า เจ้าก็คงไม่ต้องตกมาอยู่ในสภาพนี้”

 

เขาพูดจบยและโยนนางลงในมุกวิญญาณเก้าหยก จางตี๋เก้ออ่อนแอลงไปแล้ว สิ่งต่อไปที่ซือหยูจะทำก็คือการหาทางทำให้นางกลับมาเป็นปกติ

 

หลังจากที่หนีรอดปลอดภัยออกจากป่ารูปปั้นศิลา ซือหยูกับเซี่ยจิงหยูก็พบว่าขนาดของผืนป่านั้นกว้างเพียงใด พวกเขาแค่เพียงเข้าไปในส่วนมุมเล็กๆโดยบังเอิญเท่านั้น ป่ารูปปั้นศิลาของจริงนั้นทอดยาวไปไกลสุดลูกหูลูกตา

 

“เอ๋? ยังมีคนที่เคยบุกมาที่นี่อยู่อีก พวกนั้นไม่รู้รึว่าตัวเองกำลังจะต้องตาย”

 

เสียงเบาๆที่น่าสงสัยดังมาจากเมฆาและหมอกในระยะไกล

 

ทั้งสามคนพบว่ามีอะไรเกิดขึ้นและรีบเข้ามาดู พวกเขาเห็นซือหยูกับเซี่ยจิงหยูหนีออกจากป่าทึบ ซือหยูกับเซี่ยจิงหยูเริ่มระวังตัวและมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเคร่งเครียด

 

ชายหนุ่มสองคนพุ่งออกจากกลุ่มหมอก ชายหนุ่มสองคนสวมชุดขาวและดูสง่างาม

 

หนึ่งในนั้นยืนนำหน้าอีกคน ชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังนั้นสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยและดูยิ่งใหญ่ พลังของเขายังไปถึงกึ่งภูติที่มีแก้วพลังชีวิตหนึ่งดวง เขาแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ

 

ส่วนชายหนุ่มที่ยืนด้านหน้า เขาดูหล่อเหลาและเปล่งประกายด้วยท่าทางมั่นใจ ดวงตางดงามที่สดใสเปล่งแสงที่น่าจับตาต่อเหล่าหญิงสาว ส่วนพลังก็อยู่ในระดับกึ่งภูติที่มีแก้วพลังชีวิตสองดวง! เขามีทั้งพลังและรูปลักษณ์ที่ดี เขาเป็นชายหนุ่มรูปงามที่หญิงสาวมิอาจต่อต้าน

 

ขณะที่ซือหยูกับเซี่ยจิงหยูมองพวกเขา พวกเขาก็มองพวกซือหยูเช่นกัน ผมสีเงินทำให้ทั้งสองแปลกใจเล็กน้อย เมื่อพวกเขารับรู้ว่าซือหยูมีฐานพลังแค่ราชามนุษย์ พวกเขาก็ละสายตาไป

 

เมื่อพวกเขามองผ่านไปเห็นเซี่ยจิงหยูก็ต้องนิ่งงัน พวกเขาจ้องมองใบหน้าอันงดงามของเซี่ยจิงหยูตาไม่กระพริบ

 

เซี่ยจิงหยูขมวดคิ้วเบาๆ นางเบื่อหน่ายกับการจ้องมองเช่นนี้ ตอนที่นางยังเห็นศิษย์สำนักเขตเซี่ยนหยู นางก็มิอาจทนรับสายตาเหล่านั้นได้อยู่แล้ว เมื่อนางมาถึงทวีปเฉินหลงและปิดบังใบหน้าจริง นางถึงรู้สึกสบายใจมาหลายปี

 

นางที่ลืมตัวได้ลืมที่จะปิดบังใบหน้า นางจึงต้องรับมือกับสายตาเช่นนั้นอีก นางปล่อยไอวารีออกมาคลุมใบหน้าอีกครั้ง

 

เมื่อนางมองผ่านชายหนุ่มที่เยือกเย็นหนักแน่นตรงหน้า ความหงุดหงิดก็กระจายหายไป ราวกับว่ามันคือความเยือกเย็นที่นางเคยรู้สึกเมื่อนางอยู่เคียงข้างซือหยูในอดีต

 

หลังจากที่ปิดบังใบหน้า ชายหนุ่มผู้สง่างามทั้งสองก็ขมวดคิ้ว ราวกับว่าพวกเขาตกใจที่ถูกขัดขวางการชมใบหน้าอันงดงาม แต่เมื่อพวกเขารู้ตัวว่ากำลังตกอยู่ในภวังค์ก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย

 

“ข้าคือเจิ่งซื่อชิง ศิษย์นอกสำนักยูเฟิง ข้าขอทราบนามของศิษย์น้องสาวจะได้หรือไม่? เหตุวใดข้าจึงไม่เห็นเจ้ามาก่อนเลยในการประลองลับสวรรค์?”

 

เจิ่งซื่อชิงจับจ้องไปที่เซี่ยจิงหยูและไม่มองซือหยูเลย นั่นไม่ใช่เพราะว่าเขาหยาบคาย แต่เป็นเพราะซือหยูที่เป็นเพียงราชามนุษย์มิอาจจะมีโอกาสได้พูดคุยกับเขา

 

เซี่ยจิงหยูไม่ตอบอะไร นางถอยไปอยู่ด้านหลังซือหยูเงียบๆราวกับเด็กสาวที่ให้ซือหยูปกป้องนาง

 

เจิ่งซื่อชิงรำคาญเล็กน้อย เขาเริ่มที่จะมองดูซือหยู เมื่อเขาเห็นว่ารูปลักษณ์ของซือหยูก็ไม่ธรรมดาไม่แพ้กัน เขาก็รู้สึกไม่เป็นสุขและแอบคาดเดาความสัมพันธ์ระหว่างซือหยูกับเซี่ยจิงหยู

 

ซือหยูยิ้มออกมาเมื่อสัมผัสได้ถึงความคิดร้าย เขาจำไม่ได้อีกแล้วว่ามีกี่ครั้งที่เขาต้องมีปัญหาอย่างเหตุผลเมื่ออยู่กับเซี่ยจิงหยู สิ่งที่น่าเศร้าคือไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นระหว่างพวกเขา พวกเขาเป็นเพียงสหายเท่านั้น

 

แต่เจิ่งซื่อชิงก็วางแผนจะทำให้เซี่ยจิงหยูเป็นของเขา ซือหยูมิอาจหมดห่วงได้

 

“เจ้ามีเรื่องอะไรกับพวกข้าหรือไม่? ถ้าไม่ข้าก็จะไปล่ะ”

 

ซือหยูยื่นมือจับข้อมือขาวบริสุทธิ์ของเซี่ยจิงหยูและดึงนางเพื่อจากไป

 

“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ! ทำไมเจ้าพูดเช่นนั้น? เจ้าไม่รู้รึว่าใครยืนอยู่ตรงหน้าเจ้า?”

 

ชายหนุ่มชุดขาวตะโกนอย่างเย็นชา

 

ซือหยูมองผ่านไม่เหลียวแล

 

“เจิ่งซื่อชิงจากสำนักยูเฟิง เขาก็พูดไปแล้วไม่ใช่รึ? ข้าฟังผิดหรือเจ้าหูตึงล่ะ?”

 

ชายหนุ่มชุดขาวพยายามจะเอาใจเจิ่งซื่อชิง และเขากลับถูกท้าทายกลับมา

 

ชายหนุ่มชุดขาวที่ถูกซือหยูยอกย้อนปล่อยจิตสังหารออกมา

 

“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าแกล้งโง่หรือเจ้าไม่รู้จริงๆ! ถึงเจ้าจะเป็นยอดฝีมือเร่ร่อน เจ้าก็ควรจะรู้ว่าศิษย์นอกอย่างพวกข้าไม่ใช่คนที่ยอดฝีมือเร่ร่อนอย่างพวกเจ้าจะเทียบได้ ถ้าพวกข้าพูดคุยกับเจ้าก็คือเกียรติที่พวกเจ้าได้รับ การที่พูดตอบพวกข้าเช่นนั้นถือเป็นความโง่เขลาอย่างยิ่ง!”

 

ซือหยูคร้านเกินกว่าจะจัดการกับคนเช่นนี้ พวกเขาก็แค่ศิษย์ธรรมดาที่เสพตำแหน่งสูงอยู่สุขสบายในสำนัก และเขาก็มักจะถูกยอดฝีมือเร่ร่อนประจบประแจงอยู่ตลอดเวลา ซือหยูไม่สนใจและเตรียมจะบินจากไป!

 

“หยุดเดี๋ยวนี้!”

 

ชายหนุ่มชุดขาวโกรธกับท่าทางของซือหยูอย่างมาก ก่อนหน้าที่เขาได้พบเจอกับเหล่ายอดฝีมือ จะมีสักกี่คนกันที่จะกล้าอวดดีต่อหน้าเขา?

 

“ถ้าเจ้าคิดจะสู้ ก็จงเข้ามา แล้วก็หยุดพูดจาไร้สาระด้วย ข้ารำคาญ!”

 

ซือหยูเยือกเย็นลง เขาขี้เกียจเกินกว่าจะพูดอย่างไร้จุดหมายกับคนที่หยิ่งผยอง

 

ชายหนุ่มชุดขาวตัวแข็งทื่อ เขาหัวเราะราวกับช่วยไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอกับความหยาบคายของยอดฝีมือเร่ร่อน เขามองเห็นจากหางตาว่าเจิ่งซื่อชิงก็เบื่อหน่ายไม่แพ้กัน

 

ชายหนุ่มชุดขาวรับรู้ความตั้งใจของเขา ใบหน้าของเขาดุร้ายขึ้น

 

“ข้าจะให้คนอย่างเจ้าที่ไม่รู้ว่าความตายหรืออันตรายเป็นอย่างไรได้จำเอาไว้!”

 

พลังชีวิตเอ่อล้นออกมาจากชายหนุ่มชุดขาวและปกคลุมหมัดทั้งสอง เขาปล่อยหมักเข้าใส่ใบหน้าซือหยูโดยไม่ออมมือแม้แต่น้อย

 

ซือหยูสีหน้าเย็นชา แต่เซี่ยจิงหยูก็พูดออกมาอย่างอ่อนโยน

 

“พี่หยู พี่ต่อสู้มามากแล้ว ตรงนี้ให้ข้าจัดการเองเถอะ”

 

นางพูดพร้อมกับแสงทมิฬที่ส่องสว่างจากในมือ เข็มขนนกแห่งความมืดปรากฏขึ้นมา เมื่ออัดพลังวิญญาณลงไปมันก็ส่องแสงสีดำ เซี่ยจิงหยูใช้วิชาบ่มเพาะด้วยมือเดียว วิชาวารีของนางแข็งแกร่งกว่าเดิมห้าเท่า

 

มังกรวารีหนาร้อยศอกพุ่งออกจากพื้นเข้าใส่ชายหนุ่มชุดขาว มันร้องคำรามจ้องมองเขาอย่างบ้าคลั่งและป้องกันหมัด

 

หมัดที่ปกคลุมด้วยพลังชีวิตต้องแข็งแกร่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่หมัดนั้นก็ทำได้แค่รับมือกับมังกรวารีได้ไม่นานก่อนจะสลายไป ชายหนุ่มชุดขาวถูกบังคับให้ถอยไปหลายก้าว รอยช้ำปรากฏบนหมัดของเขา ดูเหมือนว่าเขาจะบาดเจ็บ

 

เขาข่มความโกรธและเรียกสมบัติวิเศษที่ดูเหมือนมีดออกมา มันคือสมบัติเทพระดับสูงที่เปล่งพลังอันคมกริบ

 

จากนั้นมังกรวารีเก้าตัวก็พุ่งทะยานตามมา แต่ละตัวนั้นแข็งแกร่งกว่าตัวที่แล้วสองเท่า! ชายหนุ่มผมขาวทั้งโกรธแค้นและตกตะลึง เกิดอะไรขึ้นกัน? เหตุใดพลังของนางถึงเติบโตอย่างมากในเวลาไม่นาน? นี่ไม่ใช่พลังที่ราชามนุษย์จะใช้ออกมาได้!

 

ขณะที่ตกใจ ชายหนุ่มผมขาวรีบแกว่งมีด พลังของมีดฟันมังกรวารีหลายตัวเป็นชิ้นๆ แต่มังกรวารีที่ตามมมาอีกสามตัวก็พุ่งใส่เขาราวกับคลื่นทรงพลัง

 

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ–

 

มีดยาวในมือหลุดออกไปหลังจากที่ถูกมังกรวารีสามตัวจู่โจม ส่วนร่างกายเขาก็บาดเจ็บ เขากระอักเลือดออกมาสามครั้งอย่างต่อเนื่อง โลหิตแดงสดปกคลุมใบหน้าที่ทุกข์ทรมาน เขาอยู่ในสภาพย่ำแย่

 

เซี่ยจิงหยูเรียกมังกรวารีกลับมา

 

“เจ้าอ่อนแอกว่าข้าแต่ก็ยังมีหน้าดูหมิ่นพี่หยูอีกรึ?”

 

ในใจของนาง พี่ซือหยูนั้นแข็งแกร่งจนทำให้ผู้คนเสียความมั่นใจที่จะต่อสู้อยู่เสมอ มันเป็นเช่นนั้นเรื่อยมา

 

นางเพียงหวังว่านางจะได้มองแผ่นหลังเช่นนั้นของเขาไปตลอด