ตอนที่ 114 โดนซือเหยี่ยนหลอกอีกแล้ว

 

 

           ทำเรื่องอะไรทำนองนี้เป็นครั้งแรก ในใจยังค่อนข้างจะหวาดหวั่นอยู่ทีเดียว

 

 

           ไม่กี่นาทีต่อมา ซือเหยี่ยนกลับมานั่งยังที่เดิม เจียงมู่เฉินพยายามไม่กระโตกกระตากจ้องมองซือเหยี่ยน ไหนจะแก้วเหล้าในมือเขาอีก

 

 

           ทำเรื่องไม่บริสุทธิ์ใจไม่ได้จริงๆ เจียงมู่เฉินรู้สึกว่าตัวเองตื่นเต้นจนจะตายแล้ว

 

 

           เขาจดจ้องแก้วเหล้าในมือซือเหยี่ยนอย่างเอาเป็นเอาตาย เบิกตาค้างมองคนตรงหน้าเขาที่ไม่มีทีท่าว่าจะดื่มเสียที

 

 

           เจียงมู่เฉินร้อนรน ถ้าซือเหยี่ยนยังไม่ดื่มอีก เขาคงร้อนใจจนเป็นบ้าแน่ อยากจะแย่งมาดื่มเองแล้ว

 

 

           ในที่สุดภายใต้แววตารอคอยของเจียงมู่เฉิน ซือเหยี่ยนก็เอาแก้วมาจรดที่ริมฝีปาก เหมือนกำลังจะดื่มเข้าไปแล้ว…

 

 

           เจียงมู่เฉินเห็นเหล้าบนริมฝีปากของซือเหยี่ยน ลมหายใจก็แทบจะหยุดลงแล้ว…

 

 

           …

 

 

           “ข้างหลังมีคนเรียกคุณน่ะ” ซือเหยี่ยนวางแก้วลงกะทันหันพลางเอ่ยเสียงต่ำ

 

 

           เจียงมู่เฉินสำลักน้ำลายตัวเอง ตกใจจนไอออกมา เขาไออยู่ตั้งนานกว่าจะหันไปมองข้างหลัง

 

 

           ไม่มีใครสักคน

 

 

           “ไม่มีใครนี่ ใครเรียกฉันเหรอ”

 

 

           ซือเหยี่ยนยกยิ้มบางๆ “ขอโทษ เมื่อกี้ดูผิดไปน่ะ” เขาพูดไปพลางยกแก้วเหล้าขึ้น

 

 

           เจียงมู่เฉินไม่ได้กังวลใจเรื่องเมื่อครู่นี้ หัวใจถูกซือเหยี่ยนสะกดไว้อีกครั้ง ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าเรื่องที่ซือเหยี่ยนจะดื่มเหล้าเข้าไปอีกแล้ว

 

 

            ครั้งนี้ ดูเหมือนว่าซือเหยี่ยนจะไม่ลังเลใจอีก ยกแก้วขึ้นมากระดกเหล้าเข้าไปทันที

 

 

           น้ำเมาชุ่มฉ่ำเต็มริมฝีปากบางของซือเหยี่ยนค่อยๆ ไหลลงไปตามลำคอ เจียงมู่เฉินเห็นว่าเป้าหมายของตัวเองสำเร็จแล้ว ในใจก็อดจะเริงร่าขึ้นมาไม่ได้

 

 

           เขายิ้ม ยกแก้วเหล้าตรงหน้าขึ้นมาดื่มสักสองสามอึก

 

 

           รออีกไม่กี่นาที รับรองว่าจะจัดการซือเหยี่ยนให้ราบคาบ ให้เขาลองลิ้มรสความรู้สึกของการโดนจับกดบ้าง ไม่แน่ว่าต่อจากนี้สุดท้ายอาจจะตกหลุมรักในสายนี้ก็ได้

 

 

           ทันทีที่เจียงมู่เฉินคิดว่าซือเหยี่ยนดึงรั้งตัวเขาร้องขอให้เขาจับกด อารมณ์ก็อดจะแปรปรวนขึ้นมาไม่ได้

 

 

            ผ่านไปสิบนาที ซือเหยี่ยนยังคงมีท่าทางเหมือนก่อนหน้านี้ ความแตกต่างสักนิดก็ไม่มี

 

 

           ในใจเจียงมู่เฉินกระวนกระวาย นี่ก็สิบนาทีแล้ว ทำไมยังไม่มีปฏิกิริยาอะไรอีก ฤทธิ์ยาตัวนี้คงไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอกมั้ง

 

 

           “ซือเหยี่ยน” เจียงมู่เฉินอดเรียกเขาไม่ได้

 

 

           “หืม” ซือเหยี่ยนเงยหน้ามองเจียงมู่เฉิน

 

 

           “นายไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า” เจียงมู่เฉินไตร่ตรอง ก่อนเอ่ยต่อ “เช่นว่า ร่างกายอ่อนเพลีย แขนขาไม่มีแรงน่ะ”

 

 

           สายตาซือเหยี่ยนจับจ้องมาที่เจียงมู่เฉิน เขายกมุมปากขึ้นน้อยๆ “ผมสบายดี”

 

 

           เขาหยุดไปครู่หนึ่งจึงพูดต่อ “แต่ว่า แล้วคุณล่ะ ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลียไหม แขนขาไม่มีแรงไหม”

 

 

           เจียงมู่เฉินขมวดคิ้ว เขาถามซือเหยี่ยนอยู่ แล้วซือเหยี่ยนมาถามเขากลับทำไมเนี่ย

 

 

           ‘คนที่ดื่มยาเข้าไปเป็นซือเหยี่ยนไม่ใช่เขาสักหน่อย แขนขาเขาจะไม่มีแรง ร่างกายจะอ่อนเพลียได้ไงกัน…’

 

 

‘เดี๋ยวนะ…’

 

 

‘เหมือนจะมีตรงไหนไม่ค่อยถูกต้อง…’

 

 

เจียงมู่เฉินนั่งพิงพนักอย่างหมดแรง ทั้งร่างไม่มีเรี่ยวแรงเลยสักนิด เขาเอามือยันโต๊ะอยากจะพยุงตัวเองขึ้นมา แต่ไม่เป็นผลแม้แต่น้อย

 

 

ร่างกายเหมือนฟองน้ำไม่มีผิด ไร้ปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้น

 

 

เจียงมู่เฉินเงยหน้ามองใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายของซือเหยี่ยน ทันใดนั้นก็เข้าใจโดยพลัน

 

 

เหล้าของเขาโดนซือเหยี่ยนไอ้คนระยำสลับสับเปลี่ยนเรียบร้อย มิน่าล่ะเขาถึงได้มาย้อนถามตนแบบนี้

 

 

‘ไม่สิ ซือเหยี่ยนรู้ได้ยังไงว่าในเหล้ามียาอยู่…’

 

 

“นาย…นายจงใจ!” เจียงมู่เฉินโมโห

 

 

ซือเหยี่ยนเดินมาจากฝั่งตรงข้ามมาอยู่ต่อหน้าเจียงมู่เฉิน แล้วยิ้มหัวเราะเบาๆ “เฉินเฉิน ยานี้คุณเป็นคนใส่เข้าไปเอง ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมเลยนะ”

 

 

‘แม่งเอ๊ย โดนซือเหยี่ยนหลอกอีกแล้ว’   

 

 

           เจียงมู่เฉินอยากร้องไห้ก็ร้องไม่ออก กว่าจะคิดวิธีจับกดซือเหยี่ยนได้ไม่ใช่ง่ายๆ สุดท้ายตอนนี้เป็นไงล่ะ เขาไม่พลาด ตัวเองพังแทน…

 

 

         “นายไปไกลๆ ฉันเลย อย่ามาแตะต้องตัวฉัน” ถ้าไม่ห่างกันสักหน่อย เขาอาจจะอยากจะพุ่งตัวขึ้นไปกัดซือเหยี่ยนสักสองคำ

 

 

           ซือเหยี่ยนส่งมือไปพยุงเขาขึ้นมา “อย่าดื้อเลย ผมเป็นคนของคุณนะ จะมาเห็นคุณทำน้อยใจอยู่ตรงนี้ได้ยังไงกัน”

 

 

           เจียงมู่เฉินขบกรามแน่น เขายอมนอนอยู่ที่นี่ทั้งคืนดีกว่ากลับไปกับซือเหยี่ยน

 

 

           ใครจะรู้ว่าหลังจากซือเหยี่ยนไอ้คนระยำกลับไป ยังจะอยากทรมานเขาอย่างไรอีกบ้าง

 

 

           ซือเหยี่ยนกอดเจียงมู่เฉินไว้อย่างอ่อนโยน “เฉินเฉิน ผมจะพาคุณกลับบ้านเอง”

 

 

           ทั้งร่างกายเจียงมู่เฉินไร้เรี่ยวแรง ทำได้เพียงโดนซื่อเหยี่ยนกอดประคองออกไป เขาเดินไปร้องโวยวายในใจไป คุณชายไม่ได้อยากกลับบ้านอะไรกับนายทั้งนั้นแหละ

 

 

                  

 

 

ตอนที่ 115 บทบัญญัติการแกล้งหลับ

 

 

           เจียงมู่เฉินไม่อยากกลับบ้านแต่ก็ยังโดนซือเหยี่ยนอุ้มขึ้นรถไปอยู่ดี ระหว่างเดินทางกลับ เจียงมู่เฉินโกรธจนท้องไส้ร้อนระอุไปหมด เดิมทีเขาเตรียมจะหลอกซือเหยี่ยน ใครจะไปรู้ว่ามันจะวกกลับมาเข้าตัวเขาจนได้

 

 

           ซือเหยี่ยนขับรถอย่างใจเย็น ดวงตาสีดำดั่งน้ำหมึกทอประกายรอยยิ้ม ดูเหมือนจะอารมณ์ดีไม่น้อย

 

 

           เจียงมู่เฉินขบกรามแน่น เขาต้องอารมณ์ดีอยู่แล้วสิ

 

 

           ‘แม่งเอ๊ย ก็ตอนนี้คนที่หมดแรงไปทั้งตัวคือเขานี่ไง’

 

 

           ถ้าเปลี่ยนสลับกัน ตอนนี้เขากำลังขับรถ ซือเหยี่ยนหมดแรงนอนอยู่ข้างๆ รับรองว่าเขาต้องมีความสุขมากแน่ๆ

 

 

           “เฉินเฉิน อย่ามองผมด้วยสายตาเร่าร้อนขนาดนี้บ่อยๆ สิ ผมกลัวว่าจะคุมสติไม่ได้ จนอยู่ในรถก็จะ…” ซือเหยี่ยนขู่เสียงนิ่ง

 

 

           เจียงมู่เฉินแข็งทื่อไปทั้งใบหน้า เบนสายตาหนีเงียบๆ

 

 

           พยายามท่องในใจว่าตัวเขาอยู่ในรถจะไม่ยอมก็ไม่ได้ เขาท่องจนต่อมาหลับตาไม่มองซือเหยี่ยนอีก อกจะได้ไม่ร้อนไปมากกว่านี้

 

 

           ระหว่างรอไฟเขียวไฟแดง ซือเหยี่ยนเอียงหัวเหลือบมองเจียงมู่เฉินผู้กำลังคับแค้นใจอยู่ข้างๆ เขาอดจะยกมุมปากขึ้นมาไม่ได้

 

 

           รถคันสีดำแล่นมาด้วยความเร็วสูง เพียงไม่นานก็มาจอดที่หน้าทางเข้าคฤหาสน์

 

 

           ซือเหยี่ยนปลดเข็มขัดนิรภัยออก เอียงหน้ามองดูเจียงมู่เฉินที่ยังคงไม่ลืมตาขึ้นมา “ตื่นเถอะ ถึงบ้านแล้ว”

 

 

           เจียงมู่เฉินไร้การเคลื่อนไหว ยังคงอิงแอบอยู่ตรงนั้น

 

 

           ซือเหยี่ยนมองเขาแวบหนึ่ง ก่อนเปิดประตูลงจากรถไป เจียงมู่เฉินผู้แกล้งหลับได้ยินเสียงก็ชะงักไป นี่เขาจะทิ้งตัวเองไว้ที่นี่ไม่สนใจกันแล้วเหรอ

 

 

           กำลังจะเตรียมลืมตาขึ้นพึ่งลำแข้งตัวเอง ประตูข้างตัวก็ถูกเปิดออก

 

 

           ซือเหยี่ยนโน้มตัวเข้าไปปลดเข็มขัดนิรภัยให้เจียงมู่เฉิน ในรถพื้นที่คับแคบเช่นนี้ ใบหน้ายามหลับใหลของเจียงมู่เฉินเผยให้ซือเหยี่ยนเห็นโดยไม่ทันได้ตั้งตัว

 

 

           เขาหลับตาพริ้ม ดูไปแล้วก็น่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกิน ซือเหยี่ยนยิ้ม ชั่วพริบตาที่ยื่นมือเข้าไปกดปลดเข็มขัดนิรภัย รอยจูบแผ่วเบาก็ประทับลงที่ริมฝีปากเจียงมู่เฉิน

 

 

           เจียงมู่เฉินตะลึงงัน ร่างกายเริ่มแข็งทื่อ

 

 

           นาทีต่อมา เจียงมู่เฉินก็ถูกช้อนตัวขึ้น ซือเหยี่ยนอุ้มเขาแล้วจึงปิดประตูรถ ค่อยๆ เดินเข้าไปข้างใน

 

 

           เจียงมู่เฉินยังตกอยู่ในภวังค์ของจุมพิตเมื่อครู่นี้ เขาคิดไม่ถึงว่าซือเหยี่ยนจะฉวยโอกาสขโมยจูบเขา เขาคงจะชอบตัวเองมากๆ ถึงได้แอบขโมยจูบตัวเองตอนหลับอยู่แบบนี้

 

 

           คิดได้อย่างนี้ เจียงมู่เฉินก็อดจะเชิดมุมปาก แอบยิ้มขึ้นมาไม่ได้

 

 

           ซือเหยี่ยนเดินถึงหน้าทางเข้าคฤหาสน์ เปิดประตูเดินเข้าไปข้างใน วางเจียงมู่เฉินลงบนโซฟา แล้วเดินจากไปทันทีหลังจากนั้น ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ อยู่พักใหญ่

 

 

           เจียงมู่เฉินนอนหลับบนโซฟาตั้งนาน ซือเหยี่ยนกลับไม่สนใจเขาเลย เจียงมู่เฉินที่แกล้งหลับรู้สึกแปลกๆ อยู่ในใจ ต่อให้เขาหลับอยู่แล้วซือเหยี่ยนไม่แยแสเรื่องที่เขาไม่ยอมมีอะไรด้วยแต่ก็คงไม่ถึงขั้นที่เอามาโยนทิ้งบนโซฟาแล้วไม่สนใจกันขนาดนี้มั้ง

 

 

         เขาหลับตารอได้อีกไม่กี่นาที ใจก็เริ่มร้อนรนแล้ว

 

 

           ในห้องเงียบเป็นพิเศษ ไม่ได้ยินเสียงใดใดทั้งสิ้นราวกับมีเขาอยู่แค่คนเดียว

 

 

           เจียงมู่เฉินแอบลืมตา อยากรู้ว่าตกลงซือเหยี่ยนทำอะไรอยู่

 

 

           เปลือกตาเพิ่งจะเปิดได้เพียงนิดเดียว เจียงมู่เฉินก็ตกใจจนตัวสั่น

 

 

           “ไม่แกล้งหลับต่อแล้วเหรอ” ซือเหยี่ยนถือแก้วน้ำยืนอยู่ตรงหน้าเขา จ้องเขาเขม็ง

 

 

           เจียงมู่เฉินตกใจจนเกือบฉี่ราด อยู่มาตั้งนาน จะมาทำตัวลับๆ ล่อๆ ไปเพื่ออะไร

 

 

           “นาย…นายนั่นแหละที่แกล้งหลับ!”  

 

 

           ซือเหยี่ยนเลิกคิ้ว “อ้อ งั้นตอนนี้คุณก็เพิ่งจะตื่นสินะ”

 

 

           เจียงมู่เฉินทำปากแข็ง “ใช่ ถึงแม้ว่าฉันจะควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้ แต่ว่าความคิดฉันยังไงก็ควบคุมได้อยู่แล้ว ทำไม นอนสักหน่อยก็ไม่ได้เหรอ”

 

 

           ซือเหยี่ยนยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ถือแก้วน้ำไว้ในมือแล้วเคาะไปเรื่อยๆ

 

 

           การที่เขามองเจียงมู่เฉินแบบนี้เพราะในใจรู้สึกหงุดหงิด คิดอยู่ว่าถ้าราดน้ำมันลงบนกองไฟอีกแค่นิดเดียวก็จะจับเจียงมู่เฉินมาทรมานเพื่อให้รับสารภาพซะ

 

 

           “นายจะมามองฉันแบบนี้ทำไม มันทำให้คนอื่นกลัวนะ” เจียงมู่เฉินโดนมองแบบนี้ก็ชักจะรับไม่ไหวแล้ว