ตอนที่ 116 เขาอยากเป็นรุกบ้าง

 

 

           ซือเหยี่ยนวางแก้วน้ำลง ลากเก้าอี้มานั่งต่อหน้าเจียงมู่เฉิน เขาเอนพิงพนักเก้าอี้พาดขายาวๆ ด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อย

 

 

           “ทำไมถึงวางยาผม”

 

 

           เจียงมู่เฉินหนังหัวชาไปหมด นี่มันคำถามปลิดชีพนี่หว่า

 

 

           “หรือว่า หลังจากคุณวางยาผมแล้ว คุณคิดจะทำอะไรกับผม หืม” ซือเหยี่ยนยกมุมปากขึ้นด้วยท่าทีเรียบเฉย

 

 

           เจียงมู่เฉินสบสายตาซือเหยี่ยน ชักอยากจะร้องไห้

 

 

           ‘เขาก็อยากเป็นรุกบ้างไง เขาจะอยากทำอะไรได้เล่า’ 

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นท่าทางน่าสงสารของเขาก็โน้มตัวลงไปจูบคนตรงหน้า ราวกับมอบรางวัลให้อย่างไรอย่างนั้น เจียงมู่เฉินมองเขาแล้วอดจะขบกรามไม่ได้

 

 

           “เฉินเฉิน ของพวกนี้มันอันตรายมาก ครั้งต่อไปอย่าใช้มั่วๆ แบบนี้อีก” ครั้งนี้ใช้กับเขา แต่ถ้าหากว่าต่อไปเจอคนอื่นแล้วย้อนเขาตัวเองแบบนี้อีกคงจะโดนแทะโลมจนไม่เหลือชิ้นดีแน่

 

 

           “วันหลังฉันก็ไม่ได้คิดจะใช้อีกหรอก” ตัวเองกลายเป็นแบบนี้แล้ว ต่อไปยังใช้อีกเขาก็ไม่ใช่คนแล้ว ถ้าหากว่าบังเอิญเจอคนระยำแบบซือเหยี่ยนอีก เขายังจะอยากมีชีวิตอยู่อีกไหม

 

 

           “ต่อไปยังจะทำอีกไหม”

 

 

           เจียงมู่เฉินอยากร้องไห้ “ถ้าทำอีกฉันก็เป็นหลานชายของนายแล้ว”

 

 

           สำหรับซือเหยี่ยนคำว่า ‘หลานชาย’ ที่เปรียบเปรยมานี้ ทำให้เขาคิ้วขมวดเบาๆ ทีเดียว ทันทีที่คิดถึงว่าต่อไปเจียงมู่เฉินต้องเรียกเขาว่า ‘คุณปู่’ ก็รู้สึกขนลุกแปลกๆ แล้ว

 

 

           ซือเหยี่ยนคิดทบทวนอย่างจริงจัง “เปลี่ยนวิธีลงโทษกันดีกว่า ถ้าโดนผมจับได้อีก คุณจะลงจากเตียงไม่ได้สามวัน เป็นไง”

 

 

           เจียงมู่เฉินเบิกตากว้างขึ้นในทันใด “เชี่ยเอ๊ย นายมันหน้าเลือดเกินไปมั้ย”

 

 

           ‘สามวันเหรอ นี่จะพรากชีวิตน้อยๆ ของเขาไปเลยใช่ไหม’ เจียงมู่เฉินรีบส่ายหัว ตีให้ตายอย่างไรก็ไม่ยอมรับ

 

 

           “ไม่เห็นด้วยเหรอ” ซือเหยี่ยนยกมุมปากขึ้นด้วยท่าทีเรียบเฉย “งั้นก็ห้าวันแล้วกัน”

 

 

           “อย่าๆๆ พี่ชาย สามวันเหมือนเดิมเถอะ” เจียงมู่เฉินรู้สึกว่าตัวเองรู้งานจริงๆ ลดไปสองวันก็ยังดีวะ

 

 

           ซือเหยี่ยนพยักหน้ารับ “ได้ งั้นสามวัน”

 

 

           เขาพูดจบก็เข้าช้อนตัวเจียงมู่เฉินอุ้มขึ้นมา เดินมุ่งหน้าขึ้นไปชั้นสอง เจียงมู่เฉินมองเขาด้วยสีหน้างุนงง “นาย นายจะอุ้มฉันไปไหนน่ะ”

 

 

           ซือเหยี่ยนก้มหน้าลงจูบเขา “เฉินเฉิน ความจำคุณดูเหมือนจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ”

 

 

           เจียงมู่เฉินเบิกตากว้าง

 

 

           “ตกลงกันแล้วว่าสามวันนี่” ซือเหยี่ยนยกยิ้มเบาๆ ช่างดูอ่อนโยนเหลือเกิน เผยท่าทางสุภาพบุรษจอมปลอมออกมา

 

 

           ‘บัด! ซบ! อ่อนโยนตรงไหน นี่มันหมาป่าห่มหนังแกะชัดๆ ไหนจะปากนี้ที่แทะกระดูกฉันได้แบบไม่มีเหลืออีก’

 

 

           “พี่ชาย หารือกันสักหน่อยสิ ลดจำนวนหน่อยเป็นไง” ต่อให้วันนี้จะหนีการโดนป๊าบๆๆ ไม่พ้น แต่ก็ต้องช่วงชิงเวลามาให้ชีวิตตัวเองสักวันสองวัน

 

 

           “ไม่เยอะๆ ลดลงครึ่งหนึ่งสิ นายว่าเป็นไง”

 

 

           จังหวะก้าวเดินของซือเหยี่ยนที่กำลังอุ้มเขาขึ้นไปไม่มีหยุด ยังคงเดินขึ้นบันไดต่อไป เจียงมู่เฉินเห็นเขาไม่โต้ตอบอะไรก็เริ่มร้อนใจจนรีบพูดต่อ “สองวัน สองวันก็ได้นะ”

 

 

           ซือเหยี่ยนยังคงไม่ตอบสนอง เจียงมู่เฉินเอ่ยปากอย่างอ่อนแรง “ไม่งั้น สองวันครึ่งล่ะ”

 

 

           ในที่สุดซือเหยี่ยนก็มีปฏิกิริยาตอบกลับเสียที เขาก้มหน้าใช้ดวงตาสีดำขลับจ้องมองเจียงมู่เฉิน เจียงมู่เฉินอยากมองเห็นอะไรในแววตาของเขาบ้าง แต่จนแล้วจนรอดก็เห็นไม่ชัดว่าตกลงแล้วเขาคิดอย่างไร

 

 

           เจียงมู่เฉินออกแรงดึงแขนเสื้อของซือเหยี่ยน ทำหน้าทำตาน่าสงสาร “ลดลงให้หน่อยสิ ฉันเป็นเด็กคลอดก่อนกำหนด ร่างกายอ่อนแอ ทนรับขนาดนั้นไม่ไหวหรอก”

 

 

            ซือเหยี่ยนอดจะยกมุมปากขึ้นไม่ได้ นึกขึ้นมาได้แล้วว่าตัวเองเป็นเด็กคลอดก่อนกำหนดเหรอ

 

 

           ตอนอยากจะเปลี่ยนเป็นรุก ทำไมไม่นึกถึงว่าตัวเองเป็นเด็กคลอดก่อนกำหนด ใช้แรงงานเกินขีดจำกัดไม่ได้บ้างล่ะ

 

 

           เจียงมู่เฉินเห็นเขายิ้มออกมาแล้ว จู่ๆ ก็รู้สึกมีความหวังขึ้นมา เขารีบกะพริบตาปริบๆ ทำหน้าทำตาน่าสงสาร

 

 

           ซือเหยี่ยนเดินมาถึงเตียงพอดี เขาวางคนในอ้อมอกลง ปลายนิ้วจับบนเสื้อเชิ้ตและกระดุมของคนที่นอนอยู่บนเตียง

 

 

           “บังเอิญว่าผมเป็นพ่อค้า ไม่ทำธุรกิจที่ขาดทุน”

 

 

           เจียงมู่เฉินผู้โดนจับพลิกร่างอีกครั้ง นัยน์ตาดอกท้อคู่นี้แดงก่ำไปแล้วเรียบร้อย ไม่ต้องถามว่าทำไมถึงแดงก่ำ

 

 

           โดนจับพลิกมาคว่ำไปตลอดทั้งคืน เขาจะไม่ร้องไห้ได้เหรอ   

 

 

             

 

 

ตอนที่ 117 ชีวิตข้าน้อยสำคัญ

 

 

           ซือเหยี่ยนทำตามดั่งคำที่ให้ไว้ไม่มีผิด เจียงมู่เฉินลงจากเตียงไม่ได้มาสามวันเต็มๆ จนสุดท้าย เขายืนตัวตรงเดินเองไม่ได้แล้ว

 

 

           จะเดินเหินไปไหนก็ต้องพึ่งซือเหยี่ยนทุกอย่าง ให้อุ้มเขาในท่าเจ้าหญิง

 

 

           เช้าวันที่สี่ ซือเหยี่ยนเอ่ยถามเจียงมู่เฉินผู้นอนฟุบตาลืมไม่ขึ้นอยู่บนเตียง “คราวหน้าคราวหลังยังคิดอยากจะลองอีกไหม”

 

 

           เจียงมู่เฉินที่กำลังมึนๆ เบลอๆ ตกใจจนรู้สึกตัวตื่นในพริบตาเดียว รีบส่ายหัวทันควัน “ไม่แล้ว ไม่เอาอีกแล้ว ชีวิตข้าน้อยสำคัญนัก”

 

 

           ซือเหยี่ยนหัวเราะ ก่อนจะบรรจงจูบเขา “คุณนอนต่อเถอะ ผมจะไปบริษัทแล้ว”

 

 

           ทันทีที่ได้ยินว่าเขาจะไปแล้ว ถ้าไม่ติดว่าเจียงมู่เฉินแข้งขาอ่อนแรง อีกนิดเดียวเขาจะดีใจจนคุกเข่าลงกับพื้นไปแล้ว ตอนนี้เขาไม่อยากจะเห็นใบหน้าที่ดูเหมือนไร้พิษภัย แต่แฝงความโรคจิตเอาไว้ของซือเหยี่ยนเลยสักนิด

 

 

           ‘แม่งเอ๊ย’ เขารู้สึกว่าขาของตัวเองในตอนนี้ ถ้าให้เขาฉีกขา เขาฉีกได้สุดขาเลย

 

 

           ได้ยินเสียงปิดประตูดังมาจากชั้นล่าง เจียงมู่เฉินคว้าหมอนของซือเหยี่ยนมา อยากจะปาลงพื้นระบายไฟที่กำลังคุกรุ่นในใจ แต่เมื่อนึกถึงใบหน้าของซือเหยี่ยนก็ปาไม่ลงในทันที

 

 

           เจียงมู่เฉินหาเหตุผลให้ตัวเองว่าที่ไม่ปาหมอนของซือเหยี่ยนลงพื้นเพราะว่าหมอนของพวกเขาทั้งสองใบเหมือนกัน ถ้าหากตอนกลางคืนนอนผิดใบไปจะทำอย่างไรเล่า

 

 

           ถึงแม้ว่าข้ออ้างจะดูห่วยไปหน่อย แต่เจียงมู่เฉินก็กลับไปนอนฟุบลงบนเตียงหลับชดเชยต่อไป ใบหน้ายังซุกไซ้ไปกับหมอนของซือเหยี่ยนโดยไม่ตั้งใจอีก

 

 

           นอนอยู่บ้านหลับไปหนึ่งวันเต็มๆ สลบไสลราวกับเป็นเจ้าชายนิทรา เปิดเปลือกตาขึ้นมาไม่ได้เลยสักนิด

 

 

           เวลาพลบค่ำซือเหยี่ยนกลับมาจากบริษัทก็ตรงเข้าห้องนอนทันที เห็นแค่บนเตียงหลังใหญ่มีเจียงมู่เฉินนอนหลับแบบหัวไปทางหางไปทาง ผ้าห่มเกือบจะหล่นลงพื้น แขนขาเพรียวยาวยื่นออกมาข้างนอก 

 

 

           ซือเหยี่ยนไม่พูดพร่ำทำเพลงเดินเข้าไปกอดเจียงมู่เฉิน แล้วประทับจูบเขา

 

 

           เจียงมู่เฉินผู้หลับใหลในความฝันจู่ๆ ก็รู้สึกหายใจหอบหายใจติดขัด เขาลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก ก็เห็นใบหน้าเวอร์ชันขยายใหญ่ของซือเหยี่ยนเข้า

 

 

           เจียงมู่เฉินผู้มีอารมณ์เหวี่ยงยามเพิ่งตื่นนอน สีหน้าบูดบึ้ง ยกเท้าถีบใส่ทันที

 

 

           “นายเป็นบ้าหรือไง จู่ๆ มาจูบฉันทำไม”

 

 

           ซือเหยี่ยนนั่งลงข้างๆ ใบหน้าเรียบเฉยทำไขสือ เขาคลึงสันจมูกไปมา “ขอโทษ อดใจไม่ไหวขึ้นมากะทันหันน่ะ”

 

 

           ‘เชี่ย!’ เจียงมู่เฉินเกือบจะหลุดปากด่าใส่ชุดใหญ่แล้ว

 

 

           ‘ขอโทษเรอะ’

 

 

           ท่าทางรู้สึกผิดน่ะมีอยู่ตรงไหนบ้าง เจียงมู่เฉินนึกเสียใจ ตอนเช้าไม่ควรใจอ่อนเลย ควรจะปาหมอนอีกฝ่ายลงพื้นแล้วกระทืบๆ เสียให้มันรู้แล้วรู้รอดไป

 

 

            ยามเจียงมู่เฉินระเบิดลง ซือเหยี่ยนก็นั่งอยู่ข้างๆ ตลอด ดวงตาสีดำขลับจดจ้องมาที่เจียงมู่เฉิน

 

 

           ผ่านไปครู่ใหญ่ เจียงมู่เฉินก็ฟื้นคืนจากอาการหายใจไม่ออกแล้ว เขาเชิดหางตาขึ้นเอ่ยปากออกคำสั่ง “อุ้มฉันไปห้องน้ำอาบน้ำที”

 

 

           ซือเหยี่ยนไม่เอ่ยเป็นคำที่สอง จัดการอุ้มเขาขึ้นมาตรงเข้าห้องน้ำทันที ทั้งเปิดน้ำให้ ทั้งนวดผ่อนคลายให้

 

 

           ต้องยอมรับเลยว่าถึงแม้เวลาซือเหยี่ยน ‘ทำ’ จะป่าเถื่อนไม่เหมือนคน แต่เวลาไม่ ‘ทำ’ กลับเป็นเหมือนแฟนที่เอาใจใส่ดูแลกันมากเลยทีเดียว

 

 

           ไอน้ำแผ่ปกคลุมไปทั่ว เจียงมู่เฉินฟุบหันหลังอยู่ในอ่างอาบน้ำ สีหน้าสุขสมสบายใจ

 

 

           อาบน้ำด้วยกันกับซือเหยี่ยน เจียงมู่เฉินผู้ได้รับการนวดอย่างสบายไม่อยากขยับเขยื้อนร่างกาย ให้ซือเหยี่ยนอุ้มเขาออกไป

 

 

           ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่โดนซือเหยี่ยนอุ้ม ไม่มีอะไรต้องเสแสร้งแกล้งทำ

 

 

           ‘อีกอย่าง ที่เขาเป็นแบบนี้ก็เป็นฝีมือของซือเหยี่ยนไม่ใช่หรือไง’

 

 

             ‘เขาเป็นคนอุ้มตัวเองออกไปก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว คุณชายน้อยตระกูลเจียงไม่ใช่คนประเภทที่ยอมให้เขากินแล้วเช็ดปากจากไปหรอกนะ’

 

 

           พอออกมาจากห้องน้ำ ซือเหยี่ยนก็อุ้มเขามุ่งหน้าลงไปชั้นหนึ่ง “มีอะไรอยากกินไหม”

 

 

           เจียงมู่เฉินชักจะหิวขึ้นมาจริงๆ แล้ว นอนสลบไสลมาทั้งวัน จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้กินอะไรสักอย่าง แต่เวลานี้ก็ดึกมากแล้ว ถ้าทำกับข้าวตอนนี้ คงอีกนานกว่าจะได้กิน

 

 

           เขาเอนกายพิงกายอย่างอิดโรย “อยากกินบะหมี่”

 

 

           “กินแค่บะหมี่เหรอ”  

 

 

           “เพิ่มไข่ด้วยแล้วกัน”

 

 

           หลังจากพูดจบ ซือเหยี่ยนก็เข้าครัวไป เจียงมู่เฉินพาดร่างตัวไปกับเก้าอี้ไม่กระดุกกระดิก ร่างกายที่เพิ่งจะผ่านการอาบน้ำมายังอ่อนแรง ไม่อยากขยับเขยื้อนเลยสักนิด

 

 

           ถึงอย่างไรก็มีซือเหยี่ยนอยู่ ใช้ได้ไม่เสียเปล่า