DC บทที่ 280: ซุ่มโจมตีจากท้องฟ้า

 

หลังจากนำดาบออกมาแล้ว ซูหยางก็หรี่ตาไปยังหนึ่งในพวกโจร

 

เวลาถัดไปเขาก็ปาออกไป

 

เกิดแสงกระพริบขึ้นในท้องฟ้าด้วยความเร็วเหลือเชื่อ ดาบในมือซูหยางพุ่งไปยังหนึ่งในหมู่โจร

 

อย่างไรก็ตามไม่มีใครจากเบื้องล่างสังเกตเห็นดาบนี้ที่พุ่งเข้าไปหาพวกเขาจากบนท้องฟ้า

 

ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น ก่อนที่โจรที่กำลังจับหนึ่งในศิษย์รุ่นเยาว์จะทันได้มีปฏิกิริยาใด ดาบคมกริบก็เปิดรูที่ศีรษะของเขา ฆ่าเขาตายในทันที

 

ฝูงโจรไม่ได้รับรู้ในทันทีที่หนึ่งในพวกเขาได้ตายไป ยังคงไล่จับศิษย์รุ่นเยาว์

 

เพียงตอนที่เหล่าศิษย์รุ่นเยาว์เริ่มกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งนั่นแหละฝูงโจรจึงได้สังเกตเห็นศพบนพื้นที่ใบหน้าหายไป

 

“พ-พี่น้อง เกิดอะไรขึ้น”

 

ฝูงโจรต่างพากันมองไปรอบๆด้วยความหวาดหวั่น พยายามที่จะค้นหาว่าดาบมาจากไหน

 

ตามจริงพวกเขายังไม่เข้าใจสถานการณ์ได้เต็มที่นัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพลันมีคนในหมู่พวกเขาตายอย่างกระทันหัน

 

“ม-มันเป็นการซุ่มโจมตี ระวัง”

 

“เจ้าคนขี้ขลาด ออกมา เจ้าคนขี้ขลาด”

 

เมื่อฝูงโจรเริ่มยั่วยุซูหยางผู้ซึ่งขว้างดาบ ซุนจิงจิงก็เริ่มถามเขา “เจ้าจะทำอะไรต่อไปในตอนนี้”

 

“อะไรรึ นั่นง่ายดายยิ่ง”

 

ซูหยางพลันยกเท้าขึ้นหนึ่งข้างและก้าวออกไป อย่างไรก็ตามก้าวก้าวเดียวนี้อยู่ภายนอกเรือ ดังนั้นร่างของเขาจึงตกลงไปในวินาทีถัดไป

 

“ซ-ซูหยาง”

 

ซุนจิงจิงรู้สึกว่าหัวใจของเธอหยุดเต้นเมื่อซูหยางกระโดดออกไปจากเรือโดยไม่มีการเตือนอะไรทั้งสิ้น

 

ด้วยความสูงระดับนี้ ต่อให้จอมยุทธเขตอัมพรวิญญาณก็ต้องตายถ้าเขาตกลงสู่พื้น

 

อย่างไรก็ตามระหว่างที่เขาตกลงมา ซูหยางได้ใช้งานก้าวเก้าดาราซึ่งยอมให้เขาก้าวเดินไปบนอากาศและชี้นำเส้นทางเขาลงไปยังพื้นอย่างปลอดภัย

 

ในสายตาของซุนจิงจิงนั้นเหมือนกับว่าซูหยางเดินลงบนขั้นบันไดที่มองไม่เห็น

 

รู้สึกไม่อยากเชื่อ ซุนจิงจิงขยี้ตาโดยสัญชาตญาณ

 

“นี่เป็นวิชาการเคลื่อนไหวแบบไหนกัน” เธอจ้องมองไปยังซูหยางซึ่งเดินทางอยู่ในอากาศอันว่างเปล่าด้วยขาของตนเองอย่างแท้จริง ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความชื่นชม

 

“ข้างบนนั้น กลางอากาศ”

 

โจรที่มีพลังการฝึกปรือสูงสุดได้สังเกตเห็นซูหยางเป็นอันดับแรกและพลันเตือนพวกคนที่เหลือ

 

“เจ้านั่น…กำลังเดินบนอากาศ”

 

ทุกคนที่นั่นต่างพากันมองดูซูหยางตรงไปหาพวกเขาจากสรวงสวรรค์ด้วยดวงตาเบิกค้าง รู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขากำลังเห็นเทพเจ้าเสด็จลงมา

 

“เสื้อผ้าเขา เขาเป็นศิษย์ในของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยของเรา”

 

ผู้อาวุโสนิการรู้สึกปิติยินดีที่มีกำลังเสริมมาถึง อย่างไรก็ตามในหมู่พวกเขาเองก็ไม่คาดว่าจะมาถึงเร็วปานนี้ ในเมื่อพวกเขาเพิ่งส่งสัญญาณไปเพียงไม่กี่นาทีก่อน ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีใครในที่นั้นที่รู้จักใบหน้าของซูหยาง ไม่มีใครเลยยกเว้นคนหนึ่ง

 

“ศิษยพี่ชายซู…”

 

เด็กหญิงที่ถูกจับเป็นคนแรกมองดูซูหยางด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความประทับใจ ตามจริงนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอได้รับการช่วยเหลือจากเขาแต่เป็นครั้งที่สอง

 

เมื่อร่อนลงสู่พื้นแล้ว ซูหยางก็หยิบดาบที่อยู่ด้านข้างศพโจรขึ้นมา

 

“พี่น้อง เจ้านี่ก็เป็นคนจากนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย”

 

“แต่ดูเหมือนเขาจะมีคนเดียว ต่อให้เขาฆ่าพี่น้องพวกเราไปหนึ่ง นั่นก็เป็นเพียงแค่การซุ่มโจมตี ถ้าพวกเราร่วมมือกัน พวกเราต้องสามารถล้มเขาลงได้ง่ายๆ”

 

ห้าคนจากที่เหลือในเก้าโจรรีบรวมกลุ่มและเข้าไปรายล้อมซูหยางซึ่งยืนอยู่ที่นั่นด้วยท่าทางเฉยชา สายตาของเขาไม่แม้จะมองฝูงโจร

 

เมื่อเห็นซูหยางยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น หนึ่งในฝูงโจรก็ตะโกน “จัดการมัน”

 

ขณะที่ฝูงโจรพุ่งเข้าไปหาเขา ซูหยางก็ใช้ก้าวเก้าดาราหายไปต่อหน้าต่อตาของฝูงโจร

 

“มันไปไหน”

 

ด้วยความตระหนกฝูงโจรหยุดการเคลื่อนไหวของตนเองและเริ่มมองไปรอบๆอย่างกระวนกระวาย

 

๐แควก๐

 

ทันใดนั้นเสียงของเสื้อผ้าฉีกขาดก็ดังขึ้นและฝูงโจรต่างก็พากันหันหน้าไปยังทิศทางของเสียง

 

สิ่งที่พวกเขาประจักษ์หลังจากนั้นก็ไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าความน่าสะพรึงกลัว เมื่อการโจมตีหนึ่งครั้งของซูหยางได้ผ่าครึ่งคนหนึ่งในหมู่พวกโจรจากด้านบนลงด้านล่าง

 

หลังจากที่ฆ่าโจรไปหนึ่งและโดยไม่ยอมให้คนอื่นได้ทันมีปฏิกิริยา ซูหยางได้ใช้ก้าวเก้าดาราอีกครั้งเพื่อไปอยู่ด้านหลังของโจรอีกคน

 

วินาทีถัดไป โจรอีกคนก็ล้มลงสู่พื้นโดยไม่ทันแม้จะรับรู้ว่าตนเองได้ตายไป ลดจำนวนทั้งหมดของฝูงโจรเหลือแค่เจ็ดคน

 

อย่างไรก็ตามซูหยางก็ไม่ได้สิ้นสุดแค่นั้น เขาใช้ก้าวเก้าดาราต่อไปอีกหกครั้ง ฆ่าโจรไปอีกหกคนในช่วงเวลาไม่กี่วินาที

 

เพียงแค่กระพริบตาก่อนที่ใครในที่นั้นจะทันได้มีปฏิกิริยาหรือทำความเข้าใจกับสถานการณ์ ซูหยางก็ได้ฆ่าโจรไปเกือบทุกคนเหลือไว้เพียงแค่หนึ่งคน

 

ยิ่งไปกว่านั้น ซูหยางก็ไม่ได้พูดอะไรแม้สักคำตลอดเวลานี้ คล้ายกับว่าเขาไม่มีอะไรจะพูดกับฝูงโจรเหล่านี้

 

โจรคนเดียวที่เหลือล้มลงสู่พื้นด้วยความตื่นตระหนกเมื่อตระหนักได้ว่าเขาเป็นเพียงคนเดียวที่ยังมีชีวิต กระทั่งถึงกับฉี่ราดกางเกง

 

ผู้อาวุโสนิกายและศิษย์รุ่นเยาว์มองดูซูหยางด้วยดวงตาเบิกกว้าง ดูเหมือนไม่อยากจะเชื่อ

 

ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่พวกเขามีศิษย์ที่ทรงอำนาจเช่นนี้ในนิกาย และทำไมเขาจึงยังเป็นแค่ศิษย์ใน ความแข็งแกร่งที่เขาแสดงออกมาวันนี้ก้าวล้ำไปแม้กระทั่งศิษย์หลักทั้งหมด

 

หลังจากฆ่าโจรทั้งหมดยกเว้นเพียงหนึ่ง ซูหยางก็หันไปยังท้องฟ้าและทำท่าส่งสัญญาณมือ

 

ไม่นานหลังจากนั้น เรือไม้ก็ลดตัวลงจากท้องฟ้าพร้อมกับซุนจิงจิงที่ยืนอยู่บนนั้น

 

“ศิษย์ซุน”

 

แม้ว่าพวกเขาไม่รู้จักใบหน้าของซูหยาง ผู้อาวุโสนิกายก็พลันจำซุนจิงจิงได้ในทันที

 

ยามเมื่อเรือลดตัวลงมาจนถึงที่สุด ซุนจิงจิงก็ก้าวออกมาจากเรือไม้

 

อย่างไรก็ตามเธอรู้สึกทำตัวไม่ถูกว่าต้องปฏิบัติตัวอย่างไรกับสถานการณ์นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอตอนนี้ก็ตื่นตระหนกเช่นเดียวกับคนเหล่านี้กับความสามารถของซูหยาง

 

เธอหันไปมองดูซูหยางด้วยดวงตาที่ดูเหมือนจะร้องขอความช่วยเหลือ

 

ซูหยางยิ้มผ่านๆและกล่าวว่า “เจ้าสามารถกลับนิกายไปกับพวกเขาก่อนได้ ข้ายังคงมีธุระบางอย่างที่นี่”