ตอนที่ 284 ความต้องการ

บุตรอสูรบรรพกาล

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 284 ความต้องการ

ความต้องการ

โครม!! อยู่ๆภายในห้องของไป๋หลินก็มีเสียงดังเกิดขึ้น ทําเอาเหม่ยหลินผู้เป็นแม่แทบจะเปิดประตูออกมาทันทีที่ได้ยินเสียงเลยทีเดียว

 

“หลินเอ๋อ เป็นอะไรลูก”เหม่ยหลินถามพลามองสภาพห้องของไป๋หลิน ในห้องมีพวกเด็กๆอยู่กันครบ เพียงแต่หลินหลินนั้นกําลังนั่งอยู่ตรงกําแพงที่มีรอยยุบเหมือนมีอะไรมาชนไม่มีผิด หรือเด็กพวกนี้จะเล่นกันแรงจนเผลอผลักหลินหลินกระแทกกําแพงกัน?

“พวกเรากําลังวัดกันอยู่ค่ะว่าใยของใครแข็งแรงกว่ากัน”ไป๋หลินตอบพลางยิ้มออกมา ในมือของนางมีใยแมงมุมที่นางสร้างขึ้นเอง โดยตรงปลายนั้นมีใยแมงมุมอีกแบบถูกมัดเอาไว้ติดกัน ท่าทางจะเป็นใยของหลินหลิน

“นี่พวกเจ้าดึงใยกันงั้นหรือ” เหม่ยหลินถามพลางมองในมือของหลินหลิน ที่มีอนางเองก็มีใยแมงมุมอยู่เช่นกัน แต่ใยในมือของหลินหลินกลับขาดไปแล้ว ท่าทางจะเพราะนางดึงเต็มแรงจนมันขาดแน่ๆ

 

“พวกเจ้าเป็นเด็กผู้หญิงนะ อย่าเล่นอะไรกันแรงนักสิ” เหม่ยหลินถอนหายใจพลางเดินที่ที่รอยยุบของกําแพง ท่าทางจะต้องให้น้ามังกรมาซ่อมเสียแล้วเพราะกําแพงเป็นไม้ น้ามังกรที่เป็นธาตุไม้ สามารถซ่อมได้โดยไม่ต้องแตะกําแพงเสียด้วยซ้ํา แต่พวกนางใช้แรงขนาดไหนกันนะ ปกติใยของหลินหลินก็แข็งแรงมากอยู่แล้ว ถึงขนาดต้องใช้อาวุธวิเศษตัด แต่พวกนางเล่นใช้แรงดึงเอาเนี่ยนะ นี่นางคลอดเด็กผู้หญิงออกมาจริงหรือเปล่า?

 

“แล้วตอนเด็กๆท่านแม่ทําอะไรเหรอคะ”ไป๋หลินถามพลางมองมาทางเหม่ยหลิน

 

“ตอนเด็ก…แม่ก็ฝึกวิชาเป็นส่วนใหญ่นะ” เหม่ยหลินตอบออกมาตามตรง วัยเด็กของนางไม่ค่อยน่าจดจําเสียเท่าไหร่ เพราะต้องใช้ชีวิตอยู่กับการฝึกนรกของพ่อ ในตอนนั้นนางยังมีพี่น้องอยู่หลายคน พวกมันตื่นเช้ามาก็ต้องฝึกฝนจนถึงมืดค่ําตามตารางที่พ่อของนางเตรียมเอาไว้ จนถึงวันที่พ่อจะเอาแก่นอสูรมาให้พวกนางกิน สุดท้ายก็เหลือแต่เหม่ยหลินเท่านั้นที่รอด

“แม่ฝึกหนักหรือเปล่า เหมือนที่ข้าฝึกหรือเปล่า”ไป๋หลินถามออกมาทําให้เหม่ยหลินดึงตัวเองกลับมาจากภาพในอดีตได้ ตอนนี้นางคืนดีกับพ่อแล้ว เรื่องในอดีตแม้จะดํามืดไปบ้าง แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาก็ทําให้นางสามารถยืนบนขาของตัวเองได้ ไม่ต้องเอาแต่พึ่งไป๋จูเหวินอยู่ฝ่ายเดียว

“ไม่หรอก ของเจ้าแม่ยังไม่ให้ฝึกหนักอะไร” เหม่ยหลินว่าพลางจับมือลูกสาวเบาๆ ไป๋หลินไม่ได้ฝึกหนักอะไรเหมือนตนเองตอนเด็ก แต่พัฒนาการของเหม่ยหลินก็ไวมาก ไวกว่านางตอนอายุเท่ากันเสียอีก อาจจะเพราะไป๋หลินได้ฝึกวิชาเทพประสานตั้งแต่เด็ก แถมร่างกายที่ได้สืบทอดลักษณะเด่นของกิเลนดําและอสูรแมงมุมมายังแข็งแกร่งกว่าคนปกติอยู่แล้วด้วย

“มิน่าล่ะข้าถึงสู้แรงพี่ไป๋ไป๋ไม่ได้”ไป๋หลินว่าพลางถอนหายใจออกมา ทําเอาเหม่ยหลินไม่ทราบจะตอบอย่างไรเพราะนางเองก็สู้แรงไป๋ไป๋ไม่ได้หรอก ตอนนี้ไป๋ไป๋เริ่มคุมพลังอสูรได้ดีขึ้นมาก แถมแต่เดิมพลังของนางก็เป็นของอสูรระดับบรรพกาลด้วย ไปเทียบกับไป๋ไป๋ก็ออกจะสูงเกินไป

“ไปน้อยต้องฝึกอีกเยอะๆจะได้แข็งแรงเหมือนพี่ไง”ไป๋ไป๋ว่าพลางยืดอกอย่างมั่นใจ มีแต่ไป๋ไป๋เท่านั้นที่เรียกไป๋หลินว่าไปน้อย เพราะนางมีชื่อต้นว่าไปเหมือนกันนางเลยอยากเรียกแบบนั้น

“ท่านแม่ มาฝึกกันเถอะ ข้าอยากแข็งแกร่งกว่านี้”ไป๋หลินว่าพลางดึงมือของเหม่ยหลินให้นั่งลง ปกตินางกับเหม่ยหลินจะฝึกวิชาเทพประสานกันอยู่แล้ว ทําให้พลังวิญญาณของไป๋หลินพัฒนาไปเร็วมากทั้งที่นางพึ่ง 5 ขวบเท่านั้น

“เจ้าจะรีบไปไหนกัน” เหม่ยหลินถามพลางยิ้มหวานให้กับลูกสาว ที่กําลังพยายามจะบังคับให้ตนเองฝึกฝนด้วย

“ก็ข้าอยากทํางานกับท่านพ่อนี่นา”ไป๋หลินว่าพลางทําหน้ามุ่ย ไป๋จูเหวินต้องไปทํางานที่เมืองร้อยแปดอสูรอยู่บ่อยๆ แม้จะกลับมาไวที่สุดเท่าที่ทําได้ แต่ก็เหมือนจะยังไม่พอเท่าที่ไป๋หลินต้องการ

 

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ไปกับพ่อ แล้วกลับมาหาพวกท่านน้าตอนวัดหยุดก็แล้วกัน”ไป๋จูเหวินว่าพลางเดินเข้ามาในห้อง หลังจากเจอเรื่องที่ไป๋หลินแกล้งปวยเพื่อเพราะอยากเจอไป๋จูเหวินนั้น ไป๋จูเหวินก็ไปปรึกษากับพวกท่านน้ามาเป็นที่เรียบร้อย พัฒนาการของไป๋หลินตอนนี้นับว่าเป็นเด็กไปมาก จริงๆไม่จําเป็นต้องบํารุงอะไรมากมายมาแต่แรกแล้ว เพราะร่างกายของไป๋หลินแทบจะได้รับสืบทอดความสามารถมาจากทั้งพ่อและแม่ อย่างสมุนไพรต้านพิษเองไป๋หลินก็ไม่จําเป็นต้องกินเพราะในเลือดของทั้งพ่อและแม่ก็มีสมุนไพรตัวนี้ ทําให้ไป๋หลินมีความสามารถนี้มาตั้งแต่เกิด ที่อยู่ในเขตอสูรตอนนี้ก็เพื่อเรียนรู้จากพวกท่านน้าเท่านั้น แต่เห็นท่าทีของไป๋หลินแล้วพวกท่านน้าก็ลงความเห็นว่าให้ไป๋หลินกลับมาหาพวกตนในวันหยุดเท่านั้นก็พอ แล้วให้ไปอยู่กับไป๋จูเหวินที่เมืองร้อยแปดอสูรกับไป๋จูเหวินไปเลย

 

“ข้าไปได้เหรอ”ไป๋หลินถามพลางเบิกตากว้าง ทําเอาไป๋จูเหวินยิ้มออกมา

 

“ได้สิ พ่อกับพวกท่านน้าตกลงกันแล้ว”ไป๋จูเหวินว่าพลางเดินไปอุ้มไป๋หลินขึ้นมา

 

“พี่ไป ข้าไปด้วย” หลินหลินว่าพลางลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว หากไป๋หลินไปอยู่กับไป๋จูเหวินแล้ว นางก็จะได้อยู่กับทั้งไป๋จูเหวินและไป๋หลินได้เสียที แน่นอนว่าปิงปิงเองก็รีบลุกขึ้นมาเกาะชายเสื้อไป๋จูเหวินเอาไว้เช่นกัน

 

“ข้า…” คนที่มีท่าที่ลังเลที่สุดกลับเป็นไป๋ไป๋ นางอยู่กับไป๋หลินมาตั้งเกือบ 5 ปีแล้ว อยู่ๆไป๋หลินจะจากไปก็ทําเอานางลําบากใจไม่น้อย

 

“ไป๋ไป๋ก็มาด้วยสิ”ไป๋จูเหวินว่าพลางยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน

“แต่ท่านพ่อ…”ไป๋ไป๋นิ่งไปครู่หนึ่ง เพราะมังกรธรณีไม่เคยปล่อยให้นางออกไปจากเขตอสูรเลย แม้ช่วงหลังนางจะได้อยู่กับไป๋หลิน ทําให้นางไม่ได้อยากไปข้างนอกแล้วก็ตาม แต่หากไม่มีไป๋หลินอยู่ขึ้นมา นางเอง…

 

“ข้าบอกท่านน้ามังกรแล้ว แต่เจ้าต้องช่วยพวกเราดูแลไป๋หลินด้วยนะ”ไป๋จูเหวินว่าพลางลูบหัวไป๋ไป๋เบาๆ แน่นอนว่าเรื่องของไป๋ไป๋ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ต้องปรึกษากันอย่างหนัก เพราะนางเป็นอสูรระดับบรรพกาล แม่นางจะยังไม่ได้สร้างเขตอสูร แต่การให้นางได้ออกไปข้างนอกนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องเสี่ยงทีเดียว

 

แต่ มังกรธรณีก็เข้าใจเรื่องความผูกพันระหว่างไป๋ไป๋กับไป๋หลิน รวมทั้งหลินหลินและปิงปิงเองก็เล่นด้วยกันมาตั้ง 5 ปี การแยก พวกนางออกจากกันออกจะใจร้ายเกินไป ไป๋ไป๋ต้องเสียใจมากอย่างแน่นอน ทําให้มังกรธรณีเลือกที่จะยอมปล่อยให้ไป๋ไป๋ไปกับไป๋หลิน แม้ไป๋หลินจะไม่มีพลังเทียบเท่าระดับบรรพกาลเหมือนพวกน้าๆ แต่ตัวนางก็มีพลังดึงดูดเหล่าอสูรทําให้สามารถควบคุมไป๋ไป๋ได้ไม่ยาก ขอเพียงไม่ปล่อยให้ไป๋ไป๋อาลาวาดก็คงไม่มีเรื่องอะไร

“ไป๋น้อย”ไป๋หลินว่าพลางมองไป๋หลินที่อยู่ในอ้อมกอดของไป๋จูเหวิน แค่นึกว่านางต้องแยกจากไป๋หลิน ไป๋ไป๋ก็แทบจะร้องให้ออกมาแล้ว แต่พอได้รู้ว่าตัวเองสามารถตามไป๋หลินไปได้ ไป๋ไป๋ก็ร้องให้ออกมาแทน

 

“พี่ไป๋ไป๋อย่าร้องสิ”ไป๋หลินว่าพลางลงจากแขนของไป๋จูเหวินเข้ามาปอยไป๋ไป๋เสียอย่างนั้น ทําเอาไป๋จูเหวินกับเหม่ยหลินพากันอ มยิ้มออกมา

“เราไปหาพวกท่านน้ากันเถอะ”ไป๋จูเหวินว่าพลางพาเหล่าเด็กสาวไปหาพวกท่านน้าที่ห้องของมังกรธรณี แน่นอนว่ามังกรธรณีไม่ยอมปล่อยลูกสาวตัวเองไปตัวเปล่าแน่ๆ

“เฮ้อ เหมือนตอนจูเอ๋อจะออกเดินทางเลย” พยัคฆ์อัสนีว่าพลางถอนหายใจออกมา เมื่อวานยังวุ่นวายกันทั้งปาเมฆาอัสนีแท้ๆ วันนี้พวกเด็กๆจะไปอยู่ที่เมืองร้อยแปดอสูรเสียแล้ว แต่อย่างน้อยเมืองร้อยแปดอสูรยังไม่ไกลมาก ด้วยฝีเท้าของพยัคฆ์อัสนีก็สามารถไปถึงได้แค่วันเดียวเท่านั้น

“เอาล่ะ ไป๋ไป๋ จําการควบคุมพลังอสูรได้แล้วใช่ไหม” มังกรธรณีถามพลางมองหน้าลุกสาวตัวเองนิ่ง สิ่งแรกที่ต้องสอนไป๋ไป๋ ก่อนออกไปจากเขตอสูรก็คือ การควบคุมพลังอสูรเอาไว้ไม่ให้ไป๋ไป๋เผลอสร้างเขตอสูรออกมาเอง ไม่อย่างนั้นได้เกิดเขตอสูรเมืองร้อยแปดอสูรแน่ๆ

“ค่ะ”ไป๋ไป๋ว่าพลางพยักหน้าน้อยๆ จริงแล้วนางแอบจําวิชานี้มานานแล้วเพราะอยากหนีไปข้างนอกนั่นล่ะ

“เจ้าไปแล้วก็คงหาของพวกนี้กินยากสินะ”น้าไก่ฟ้าว่าพลางเอาถุงที่มีแร่ต่างๆออกมาให้หลินหลิน 5 ปีที่ผ่านมานี้น้าไก่ฟ้าสนิทกับหลินหลินมากเป็นพิเศษ เพราะหลินหลินชอบกินแร่ที่น้าไก่ฟ้าหามามาก เหมือนน้าที่เอาขนมหวานมาให้หลานสาวเลย พอหลินหลินจะไม่อยู่แล้ว มันก็ได้แต่เอาแร่ต่างๆมาเก็บไว้ให้หลินหลินพกติดตัว

 

“ปิงปิง เจ้าสวมนี่เอาไว้นะ”จิ้งจอกเหมันต์ว่าพลางเอาเสื้อคลุมสีขาวออกมาให้ปิงปิงสวม ซึ่งแน่นอนว่าขนที่นํามาทําคือขนหางของนางที่ตัดออกเวลายาวเกินไปนั่นเอง มันเหมือนกับผ้าพันคอที่ไป๋จูเหวินให้กับเหม่ยหลิน โดยมันจะส่งไอเย็นออกมาตลอดเวลาทําให้ผู้สวมใส่ไม่รู้สึกถึงความร้อนเลย น่าเสียดายที่ไป๋หลินไม่จําเป็นต้องแก้ปัญหาเรื่องอากาศร้อนอากาศหนาว เพราะนางมีพลังมาแต่แรก ทําให้เสื้อจากขนของน้าจิ้งจอกไม่จําเป็นสําหรับนาง แม้นางจะยอมใส่เพื่อเอาใจน้าก็ตาม

“หลินเอ๋อ เจ้าเอานี่ไป” พยัคฆ์อัสนีว่าพลางนําตํารา เล่มหนึ่งออกมาให้ไป๋หลิน

“อะไรเหรอคะท่านน้า”ไป๋หลินถาพลางมองตําราในมือด้วยสีห น้าสนอกสนใจ แม้จะพึ่ง 5 ขวบแต่เพราะนางคือบุตรสาวของไป๋จูเหวิน ทําให้ได้รับความสามารถจดจําระดับเหนือมนุษย์มาด้วย ทํา ให้นางสามารถอ่านหนังสือได้ตั้งแต่เด็กแล้ว

“วิชาที่พวกข้าเขียนเอาไว้ให้เจ้า” พยัคฆ์อัสนีว่าพลางยิ้มออกมา เหมือนกับคราวของไป๋จูเหวินไม่มีผิด พวกมันคิดวิชาขึ้นมาเพื่อให้ไป๋หลินได้เรียน

“ไม่เหมือนวิชาของพ่อเจ้านะ พวกข้าเปลี่ยนให้เหมาะกับเจ้าโดยเฉพาะเลย แถมในนี้ยังมีวิชาของพยัคฆ์เมฆาด้วยนะ” พยัคฆ์อัสนีว่าพลางยิ้มกว้าง ไป๋หลินมีความสนใจวิชายุทธอย่างมาก เพราะนางเชื่อว่าหากตัวนางเก่งแล้วจะสามารถไปอยู่กับพ่อได้ ทําให้นางจําเอาวิชาฝ่ามือของไป๋จูเหวินและวิชากระบี่ของเหม่ยหลินมาจนหมด แม้จะยังใช้ออกมาได้ไม่มีประสิทธิภาพเพราะยังเป็นเด็ก แต่นางก็ฝึกสําเร็จเกือบทั้งหมดแล้วจริงๆ หากโตขึ้นและเพิ่มพูนพลังวิญญาณกับพลังอสูรและฝึกฝนวิชาลมปราณมังกรกับอสูรวัฒนะ ได้นางคงเก่งไม่แพ้ไป๋จูเหวินแน่ๆ

“ขอบคุณค่ะท่านน้า”ไป๋หลินว่าพลางยิ้มกว้าง

 

โครม!! ก่อนที่พวกท่านน้าจะล่ําลากันเสร็จในที่สุดน้าราชสีห์ก็เข้ามาในห้องจนได้

 

“หลินเอ๋อ ดูนี่สิ”น้าราชสีห์ว่าพลางยื่นกระบี่เล่มหนึ่งให้ไป๋หลิน

 

“ในที่สุดน้าก็สร้างสําเร็จ” ราชสีห์เพลิงว่าพลางยิ้มกว้าง เจตอสูรไม่เคยใช้อาวุธกันมาก่อน ทําให้การหลอมอาวุธเป็นเรื่องใหม่มากสําหรับราชสีห์เพลิง ทําให้กระบี่ที่ทําออกมานั้นรูปร่างบิดเบี้ยวไปบ้าง หากถูกมองด้วยสายตาของผู้มองอาวุธชั้นเลิศ มันคงเป็นกระบี่ไม่ได้เรื่องแน่ๆ แต่นี่คือกระบี่เล่มแรกที่เขตอสูรสร้างขึ้นเชียวนะ

 

“น้ายังทําได้ไม่ดีเท่าไหร่ แต่”ราชสีห์เพลิงว่าพลางยื่นกระบี่ให้ไป๋หลิน กระบี่เล่มนี้ค่อนข้างเล็กเพราะทําขึ้นให้เด็ก แต่ก็ใช้แร่มีค่าไม่น้อยทําให้กระบี่ค่อนข้างแข็งแกร่งแม้จะเบี้ยวไปหน่อยก็ตาม

“ขอบคุณค่ะท่านน้า”ไป๋หลินว่าพลางยิ้มกว้าง แม้จริงๆนางต้องเรียกพวกมันว่าปูกับย่าแต่พวกท่านน้าชินกับการถูกเรียกว่าท่านน้าไปแล้วนี่สิ

 

“พยัคฆ์อัสนี้” หลังจากพวกไป๋หลินเดินทางไปกับไป๋จูเหวินแล้ว มังกรธรณีก็เรียกหาพยัคฆ์อัสนีทันที

“มีอะไร” พยัคฆ์อัสนีว่าพลางมองห้องที่ว่างเปล่าด้วยท่าทีเศร้าๆพอไม่มีพวกเด็กๆแล้วเขตอสูรก็เงียบไปทันตา

.

“เสือนี่ออกลูกได้ครั้งละหลายตัวใช่ไหม” มังกรธรณีว่าพลางมองไปทางพยัคฆ์เมฆา พอเงียบๆแบบนี้ทําเอาไม่ชินเลย