ตอนที่ 285 รอพบ

บุตรอสูรบรรพกาล

“ท่านพ่อ ข้าจําเมืองนั้นได้นะ”ไปหลินพูดพลางชี้ไปที่เมืองที่พวกต้าชิงและต้าเฉินเคยอยู่ แม้จะมองเห็นได้ยากเพราะนางกําลังอยู่บนหลังของหลินหลินก็ตาม

“นั่นเมืองของพวกท่านอาสินะ”ไปหลินว่าพลางมองไปทางต้าชิงกับต้าเฉินที่นั่งอยู่บนหลังของหลินหลินเช่นกัน

“ขอรับคุณหนู”ต้าชิงตอบพลางยิ้มบางๆ แต่ในใจมันก็แอบแปลกใจอยู่นิดหน่อยเพราะครั้งสุดท้ายที่ไปหลินเดินทางมาเมืองร้อยแปดอสูรก็เมื่อ 2 ปีก่อน นางพึ่งจะ 3 ขวบเท่านั้นแม้ตอนนั้นนางจะถามโน่นถามนี่อยู่ตลอดเหมือนตอนนี้ไม่มีผิด และต้าชิงก็ บอกนางไปว่านั่นคือเมืองที่มันเกิดแต่มันก็ไม่คิดว่าไปหลินจะจําได้หรอกนะ

“สมกับเป็นลูกสาวของนายน้อย ความจําดีจริงๆ”ต้าเฉินว่าพลางยิ้มอย่างพึงพอใจ ตอนนี้พวกต้าชิงต้าเฉินบรรลุระดับเทียนเซียนขั้นที่ 10 ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วพอมามองดูเมืองเก่าของตนเองแบบนี้ก็อดนึกถึงความหลังไม่ได้ ชีวิตผู้ฝึกฝนวิญญาณระดับต่ําที่แค่จะก้าวผ่านขั้นแรกเริ่มยังไม่มีปัญญา หากไม่พบนายน้อยในวัน นั้นพวกมันคงยังเป็นยามเฝ้าโรงเตี้ยมอยู่เลยแน่ๆ

“ไหนๆคุณหนูก็ออกมาจากเขตอสูรทั้งทีทําไมท่านไม่พานางไปอาณาจักรชินบ้างละขอรับ”ต้าชิงถามพลางมองมาทางไปจูเหวินพอนึกถึงบ้านเกิดแล้วมันก็นึกขึ้นมาได้ว่าไปหลินยังมีครอบครัวอยู่อีกที่นั่นคือราชวงศ์ชินและพ่อแม่ของไปจูเหวินที่อยู่ในแดนลับแลนั่น

เอง

“นั่นสิท่านพี่ พ่อของท่านยังไม่ได้พบหน้าไปหลินเลย” เหม่ยหลินว่าพลางยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน การเดินทางไปยังแดนลับแลนั้นค่อนข้างลําบากตอนไปหลินยังเล็กไปจูเหวินจึงยังไม่ได้พานางไปแต่ตอนนี้นางก็โตพอสมควรแล้ว แถมไปจเหวินยังสามารถใช้หลินหลินเดินทางเข้าอาณาจักรชินได้อย่างไม่มีปัญหาเพราะตอนนี้ สถานะของไปจูเหวินในเมืองในนั้นคือเชื้อพระวงศ์ ย่อมไม่มีทหารคนไหนเข้ามาขวางอยู่แล้ว

“นั่นสิ พอจัดการธุระที่กลุ่มนักล่าอสูรแล้ว พ่อจะพาเจ้าไปหาท่านปู่ท่านย่านะ”ไปจูเหวินว่าพลางลูบหัวไปหลินเบาๆ

 

“นั่นนะเหรอเมืองของมนุษย์”ไปไปพูดพลางเดินไปยืนอยู่ขอบตัวของหลินหลินด้วยความดีอกดีใจ นางแทบจะเป็นคนที่ตื่นเต้นที่สุดในกลุ่มเลยก็ว่าได้

“ พี่ไปไป เราไปบินดูบนเมืองกันไหม”ไปหลินถามพลางวิ่งมาหาไปไป

 

“ได้เลยไปน้อย ข้าจะพาเจ้าไปดูเมืองใกล้ๆเอง”ไปไปว่าพลางเตรียมตัวจะเปลี่ยนเป็นร่างมังกร

 

“ไม่ได้ แบบนั้นคนในเมืองได้ตกอกตกใจกันหมดแน่ๆ”ไปจูเหวินว่าพลางเดินมาจับไหล่ของไปไปเอาไว้ นี่ถ้าไม่เข้ามาห้ามพวกนางได้บินไปเที่ยวเมืองกันจริงๆแน่

“ค้า”ไปไปกับไปหลินตอบรับด้วยท่าที่เสียดายพวกนางรับปากแล้วว่าพอออกมาจากเขตอสูรแล้วจะเชื่อฟังเป็นเด็กดี

 

“เดี๋ยวค่อยไปเที่ยวที่เมืองร้อยแปดอสูรก็ได้ พี่จะรีบเดินเร็วๆนะ” หลินหลินว่าพลางเร่งความเร็วของตัวเองขึ้น 5 ปีที่ผ่านมานี้ งหลินหลินปิงปิงและหงเยว่อสูรแมงมุมที่อยู่กับไปจูเหวินมาแต่ แรกพัฒนาพลังอสูรขึ้นมาได้หลายระดับที่เดียวตอนนี้พวกนางเข้า ระดับมายากันหมดแล้ว ยกเว้นเพียงหงเยว่เท่านั้นที่ยังอยู่ระดับตํานาน ที่เป็นแบบนี้เพราะหงเยว่ไม่ได้มาอยู่ที่เขตอสูรเช่นเดียวกับพวกหลินหลินเพราะนางเสนอตัวช่วยงานของกลุ่มนักล่าอสูรร่วมกับไปจูเหวินทําให้นางไม่ได้เข้ามาซึมซับพลังอสูรในเขตอสูรเสียเท่าไหร่แถมแต่เดิมเผ่าพันธุ์ของนางก็ไม่ได้มีพลังสูงเหมือนของหลินห ลินกับปิงปิงอยู่แล้วแค่ขึ้นมาระดับตํานานได้ก็ถือว่าหงเยวระดับเหนือกว่าเผ่าของตนเองแล้ว

“พี่หลินหลิน ถึงหรือยัง”ไปหลินถามพลางเกาะส่วนหน้าของหลินหลินเอาไว้แน่น พอต้องมาอยู่บนหลังของหลินหลินทั้งวันแบบนี้เด็กน้อยก็เบื่อเป็นธรรมดา

“ใกล้แล้ว” หลินหลินตอบพลางเดินต่ออย่างรวดเร็ว

“พี่พูดแบบนี้มาตั้ง 3 ครั้งแล้วนะ ไปหลินอยากไปเที่ยวในเมืองแล้ว”ไปหลินว่าพลางนอนลงบนร่างของหลินหลิน

“ใกล้แล้วจริงๆ ดูสิ เห็นเมืองร้อยแปดอสูรแล้ว” หลินหลินว่าพลางมองไปด้านหน้าของตนเอง ด้วยความเร็วของหลินหดินในตอนนี้มากพอจะเดินทางมายังเมืองร้อยแปดอสูรใหม่ได้ในเวลาครึ่งวันเท่านั้นตอนนี้ฟ้ายังไม่มีดเสียด้วยซ้ํานับว่าหลินหลินเดินทางได้เร็วจริงๆ

“ว้าว ใหญ่จังเลย”ไปหลินกับไปไปพูดพลางมองเมืองร้อยแปดอสูรที่หลินหลินกําลังเดินเข้าไปหลังจบสงครามกลุ่มนักล่าอสูรก็สร้างเมืองให้ใหญ่ขึ้นมากเพราะนอกจากสมาชิกกลุ่มนักล่าอสูรแล้วยังมีเหล่าอสูรตัวใหญ่ๆอย่างมังกรดินที่ใช้เพาะปลูกอาศัยด้วย

 

“ที่นี่ใหญ่กว่าเมืองของท่านน้ามังกรอีก”ไปหลินว่าพลางยิ้มกว้างท่าทางนางคงอยากลงจากหลังหลินหลินไปสํารวจดูแทบแย่แล้ว

“วันนี้เจ้าต้องไปหาท่านตาก่อนนะ”ไปจูเหวินรีบห้ามเอาไว้พลางหัวเราะออกมาเบาๆ

“ค่ะ”ไปหลินตอบพลางพยักหน้าเข้าใจ นางมาคราวก่อนก็เจอท่านตาไปแล้ว นางยังจําท่านตาได้ดีเพราะท่านใจดีมากทีเดียว

 

“เอาล่ะ ค่อยๆลงนะ”ไปจูเหวินว่าพลางพาพวกเด็กลงไปที่หน้าบันไดของวังมังกร แต่ยังไม่ทันจะได้ทําอะไรต่ออาวุโสหน่วย 1 ก็เข้ามาหาไปจูเหวินทันที

 

“ท่านหัวหน้า มีแขกมารอพบขอรับ” อาวุโสหน่วย 1 พูดพลางก้มหน้าลงเล็กน้อย แต่พอก้มลงแล้วมันกลับเห็นเด็กสาวที่ดูแล้วคุ้นๆอยู่ไม่น้อยกําลังมองมันกลับด้วยดวงตาสีดํากลมโต

“คุณหนู”อาวุโสหน่วย 1 พูดพลางมองไปหลินด้วยท่าที่ตกใจไม่นึกว่าไปจูเหวินจะพาไปหลินกลับมาด้วย

“สวัสดีค่ะท่านอาวุโสหน่วย 1”ไปหลินว่าพลางยิ้มออกมาด้วยใบหน้าน่ารักหน้าชังทําเอาอาวุโสหน่วย 1 แทบจะล้มทั้งยืนไม่นึกเลยว่านางจะยังจํามันได้

“ขอรับคุณหนู” อาวุโสหน่วย 1 ว่าพลางเงยหน้าขึ้นมาช้าๆแต่ก่อนที่ไปจูเหวินจะเข้าประตูไปมันก็คิดขึ้นมาได้ว่ายังมีเรื่องอื่นที่ต้องบอกในอีก

“ท่านหัวหน้า ผู้สําเร็จราชการแทนอู่เทียนเหวินฝากมาบอกว่าเมื่อท่านต้าชิงและต้าเฉินกลับมาแล้วให้ไปพบท่านที่วังหลวงขอรับ”ได้ยินที่อาวุโสหน่วย 1 พูดทั้งต้าชิงและต้าเฉินต่างก็มีท่าทีประหลาดใจทั้งคู่กับพวกมันแล้วเทียนเหวินถือเป็นสหายคนหนึ่ง มีเรื่องอะไรกันถึงได้เรียกพวกมันไปที่วังโดยไม่ได้รวมไปจูเหวินไป ด้วย

 

“นายน้อย เช่นนั้นพวกเราขอตัวก่อน” ต้าชิงและต้าเฉินเห็นเป็นเรื่องแปลกที่เทียนเหวินจะเรียกพวกมันโดยเฉพาะแบบนี้ทําให้พวก มันขอตัวออกไปก่อนในทันที

 

“เข้าใจแล้ว พวกพี่ไปเถอะ”ไปจูเหวินว่าพลางพาไปหลินเข้าไปในวังมังกรทันที นอกจากข่าวของเทียนเหวินแล้วยังมีค นมารอพบไปจูเหวินอยู่อีกเพียงแต่ไปจูเหวินไม่ได้แปลกใจเสียเท่าไหร่เพราะมันเองก็ทราบกําหนดการอยู่แล้ว

“มารับด้วยตนเองเลยเหรอ”ไปจูเหวินถามพลางเดินเข้าไปหาชายที่อยู่กลางห้องประชุม

 

“ได้ข่าวว่าเจ้าไม่อยู่ ข้าก็เลยมาด้วยตัวเอง ขืนปล่อยเด็กๆมาแล้วไม่เจอเจ้าข้าคงไม่ได้ยากลับไปแน่ๆ” หยงเว่ยว่าพลางเดินออกหันกลับมามองไปจูเหวิน

“พี่เว่ย” หลินหลินที่ไม่ได้เจอหยงเว่ยมานานวิ่งเข้าไปหาหยงเว่ยทันทีพลางกอดเอวของมันแน่น ทําเอาหยงเว่ยกระแอมออกมาเพราะตอนนี้มันไม่ได้มาเพียงลําพัง

 

“ปล่อยพี่เวยนะ” หญิงสาวคนหนึ่งพูดพลางจับไปที่แขนของหลิน หลินแต่กําลังของนางกลับไม่สามารถสู้กําลังของหลินหลินได้เลย

“ขี้งก ข้าแค่ไม่ได้เจอพี่เว่ยมานานเอง” หลินหลินว่าพลางแลบลิ้นให้เด็กสาวข้างๆหยงเว่ย นางคือมารที่เตะหยงเว่ยในห้องใต้ดินนั้นเองเพียงแต่เวลาผ่านมา 5 ปีแล้วนางยังไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนเป็นมารนั่นหมายความว่าหยงเว่ยทําสําเร็จงั้นหรือ

“ซุยเหยียน ข้าสอนเจ้าว่าไง” หยงเว่ยว่าพลางมองเด็กสาวที่เข้ามาดึงแขนของหลินหลิน พอโดนหยงเวียดนางก็ปล่อยแขนของหลินหลินแล้วกลับไปทําท่าสงบเสงี่ยมเช่นเดิม

 

“เจ้าต้องระงับอารมณ์ลืมแล้วหรือไง” เด็กหนุ่มอีกคนพูดพลางมองมาทางซุยเหยียน

 

“ข้ารู้น่า” ซุยเหยียนว่าพลางทําหน้ามุ่ยออกมา ก็ใครใช้ให้เด็กผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้มากอดพี่หยงเว่ยของนางกัน

“ทําอย่างกับเจ้าอยู่ในสายตาพี่เวยล่ะ” เด็กหนุ่มบ่นพลางมองมาทางซุยเหยียน

“ก็ไม่แน่หรอก พวกเรามีอายุยืนยาวพอข้าโตพี่เว่ยอาจจะสนข้าก็ได้” ซุยเหยียนตอบพลางแลบลิ้นใส่เด็กหนุ่มบ้าง

“คราวนี้เอายาอะไรบ้างล่ะ”ไปจูเหวินว่าพลางเรียกรองหัวหน้าหน่วย 11 ออกมา

 

“ธรรมดา 97 ชุด พิเศษ 1 ชุด” หยงเว่ยตอบด้วยใบหน้าเรียบนิ่งแต่พอได้ยินไปจูเหวินก็มีสีหน้าสลดทันที

“เสียใจด้วยนะ”ไปจูเหวินว่าพลางนํากล่องไม้กล่องหนึ่งออกมาจากมิติของมันมิน่าเล่าหยงเว่ยถึงมาด้วยตนเอง

“ข้าจะให้เด็กไปเอายาธรรมดามาให้ ส่วนยี่ยาชุดพิเศษ”ไปชูเหวินพูดจบก็นํากล่องไม้ให้หยงเว่ย หลังจากรับมารทั้ง 108 ตนมาเลี้ยงดูหยงเว่ยก็เข้ามาขอคําปรึกษากับไปจูเหวินในหลายๆเรื่อง ทํา ให้ไปจูเหวินคิดค้นยาที่จะช่วยระงับจิตมารออกมาได้แต่ถึงอย่าง นั้นก็ไม่ใช่ว่าจะช่วยเหลือเด็กได้ทั้งหมดยังคงมีบางคนที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้จนกลายเป็นมารไป และเมื่อมารเข้าครอบงําทางเดียวที่หยงเว่ยจะทําได้คือจัดการเสียให้เด็ดขาด แต่หยงเว่ ยก็ไม่กล้าฟันดาบใส่เด็กที่ตนเลี้ยงมาสุดท้ายมันจึงมาขอยาพิ ษกับไปจูเหวินเพื่อฆ่ามารในร่างของเด็กรวมทั้งตัวเด็กเสียเมื่อเด็กคนใดคนหนึ่งไม่สามารถควบคุมพลังมารได้ หยงเว่ยจะจับมารตนนั้นยังเอาไว้ในคุกมรกตแล้วจึงนํายาไปป้อนให้มารตนนั้นกิน จํานวนยาชุดธรรมดานั้นคือมารน้อยที่ยังเหลืออยู่นั่นเอง

“ขอบใจ” หยงเว่ยว่าพลางยิ้มออกมาบางๆ ถึงแม้จะมีบางคนโดนจิตมารครอบงํา แต่ก็มีหลายคนที่รอดมาได้ หากผ่านช่วงวัยรุ่นเข้าวัยผู้ใหญ่ที่อารมณ์มั่นคงได้ เด็กๆที่รอดถึงตอนนั้นคงเป็นเหมือนกับหยงเว่ยนั่นคือสามารถควบคุมจิตมารในร่างเอาไว้ได้นั่นเอง

 

“มาเถอะ ไปหลิน ไปหาท่านตากัน”ไปจูเหวินมองหยงเว่ยที่กําลังออกไปจากปราสาทพลางฝืนยิ้มออกมา

 

“ท่านพ่อ ทําไมพี่ชายคนนั้นถึงไม่มีทั้งพลังวิญญาณทั้งพลังอสูรล่ะ”ไปหลินถามพลางมองไปจูเหวินด้วยท่าที่สงสัย

“เอาไว้เจ้าโตกว่านี้พ่อจะบอกเจ้านะ”ไปจูเหวินว่าพลางลูบหัวไปหลินเบาๆ น่าเสียดายที่ตัวมันเองก็หาทางทําอะไรกับจิตมารพวกนั้นไม่ได้แต่ตํารามารที่เหลือก็โดนหยงเว่ยดูดซับเข้าไปหมดแล้วอย่างน้อยไปหลินก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเผลอไปเรียนวิชา มารเข้า