แม้เธอจะชอบเล่นสนุกสนานในชีวิตก่อนหน้านี้ แต่การศึกษาของเธอไม่เคยล่าช้า เธอได้รับปริญญาหลายใบ ซึ่งแม้แต่ฉินซินหยิ่งผู้ตามติดเธอ ก็ไม่รู้ว่าปริญญาของเธอมีอะไรบ้าง

 

 

ถึงเธอกับฉินซินหยิ่งจะเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก แต่ก็แน่ชัดแล้วว่าเธอไม่เคยรู้ความคิดที่แท้จริงของฉินซินหยิ่ง และในทางกลับกัน เธอเก็บหลายสิ่งหลายอย่างมากมายไว้เป็นความลับจากฉินซินหยิ่ง ตัวอย่างเช่น เธอไม่เคยเล่าเรื่องห้องใต้ดินให้ฉินซินหยิ่งฟัง และไม่เคยบอกว่าเธอทำอะไรทุกครั้งที่ไปต่างประเทศ…

 

 

เมื่อนึกถึงข่าวที่ดูวันนี้ถังซีรู้สึกคับข้องใจอย่างมาก แม้ฉินซินหยิ่งจะมีบริษัทผลิตเสื้อผ้า และมีอาชีพเป็นนักออกแบบเครื่องแต่งกายที่มีชื่อเสียงด้วยผลงานของเธอ เธอก็ไม่เคยรู้สึกคับข้องใจมาก่อน แต่ตอนนี้เมื่อเห็นฉินซินหยิ่งได้ลงนามในสัญญากับเฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุป และกลายเป็นนักออกแบบพิเศษของเฉียวด้วยผลงานของเธอ เธอรู้สึกขัดเคืองในใจ

 

 

ที่เป็นไปอย่างนี้ก็เพราะเธอเองนั่นแหละ ที่สร้างโอกาสให้ฉินซินหยิ่งได้เข้ามาใกล้ชิดเฉียวเหลียงมากยิ่งขึ้น

 

 

แต่ตอนนี้เธอไม่มีทางเอาคืนสิ่งที่เป็นของเธอ เธอทำได้เพียงหยิบฟืนใต้หม้อแกงออกไปเท่านั้น เมื่อฉินซินหยิ่งไม่สามารถทำงานได้อีกต่อไป หล่อนจะต้องหายไปจากวงการนักออกแบบ แต่จะไม่สูญเสียชื่อเสียงและหน้าตา

 

 

ถังซีไตร่ตรองความคิดทั้งหมดนี้อยู่คนเดียว ขณะที่คนอื่นๆ ในห้องรวมถึงเฉียวอวี่ซินและพ่อบ้านเฉียวกำลังตกตะลึง เธอพูดว่าอะไรนะ เธออยากขอสอบไล่เพื่อจบการศึกษาอย่างนั้นหรือ เหอมู่อันมองหน้าถังซีและเอ่ยเบาๆ “เซียวโหรว ครูรู้ว่าเธอกระตือรือร้นที่จะสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมปลาย แต่ที่ผ่านมาเธอเข้าเรียนที่โรงเรียนไม่ถึงหนึ่งเดือน และโรงเรียนกำลังจะปิดภาคยาวหนึ่งสัปดาห์ เธอแน่ใจหรือว่าอยากจะสอบไล่เพื่อจบการศึกษา”

 

 

เมื่อเห็นว่าเหอมู่อันสงสัยในตัวเธอ ถังซีก็ยิ้มและพยักหน้า “หนูต้องการสอบไล่เพื่อจบการศึกษาจริงๆ ค่ะ คุณครูเหอช่วยจัดการเรื่องนี้ให้หนูทีนะคะ หนูอยากเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเร็วๆ เพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งอายุแค่สิบสามปีเองค่ะ อายุน้อยกว่าหนูตั้งสิบปี ถ้าดูตามอายุหนูควรเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว หนูรอนานกว่านี้ไม่ไหวแล้วค่ะ โปรดจัดการเรื่องนี้ให้หนูด้วยนะคะคุณครูเหอ หนูอยากสอบทันทีที่ออกจากโรงพยาบาล หนูเชื่อว่าหนูจะสอบผ่านได้ค่ะ”

 

 

“หนูดูสวยงามที่สุดเวลาหนูมีความมั่นใจจ้ะ โหรวโหรว ป้าเชื่อว่าหนูจะสอบได้” ป้าเฉียวเงยหน้ามองเหอมู่อันด้วยรอยยิ้มและกล่าวว่า “คุณครูเหอคะ ช่วยจัดการการสอบให้กับโหรวโหรวด้วย โหรวโหรวเก่งมาก และฉันเชื่อว่าเธอสามารถสอบผ่านได้”

 

 

เหอมู่อันและหลี่เฮาอวี่ออกจากโรงพยาบาลทั้งที่ยังไม่หายจากอาการช็อก

 

 

 

 

ทางอีกด้านหนึ่ง ฉินซินหยิ่งค้นห้องทำงานของเธออย่างบ้าคลั่ง ห้องทั้งห้องยุ่งเหยิงไปหมด แต่เธอก็ไม่หยุด ค้นหาต่อไปทุกซอกทุกมุม เธอค้นกระจุยกระจายขณะบ่นพึมพำ “หายไปได้ยังไง ฉันเอาติดตัวไว้ตลอดเวลา”

 

 

เมื่อถึงตอนนี้ก็มีคนมาเคาะประตูห้องทำงานฉินซินหยิ่ง เธอบอกให้เข้ามาได้ ปรากฏว่าเป็นผู้ช่วยชั่วคราวของเธอในแผนกออกแบบ เมื่อผู้ช่วยเห็นห้องทำงานฉินซินหยิ่งยุ่งเหยิงไปหมด ดวงตาเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เธอกะพริบตาถี่ๆ ถามฉินซินหยิ่งเบาๆ ว่า “คุณฉิน กำลังหาอะไรอยู่เหรอคะ”

 

 

ฉินซินหยิ่งเงยหน้าขึ้นมองผู้ช่วยแล้วกล่าวหน้าตาเฉย “ไม่ได้หาอะไร” จากนั้นก็ถามกลับ “มีอะไรหรือเปล่า”

 

 

ผู้ช่วยพยักหน้าแล้วตอบว่า “ค่ะ ผู้อำนวยการบอกว่า คุณตกลงจะส่งแบบร่างให้เธอวันนี้ เธอให้ฉันมาถามคุณว่าแบบร่างเสร็จหรือยัง ถ้าเสร็จแล้ว กรุณาส่งไปที่กล่องจดหมายอีเมลของเธอด้วยค่ะ”

 

 

ฉินซินหยิ่งขมวดคิ้วและพยักหน้า “ตกลง บอกวิเวียนว่าฉันสเก็ตช์แบบเสร็จแล้ว สักครู่จะส่งไปที่อีเมลของเธอ บอกให้เธอตรวจดูด้วย”

 

 

ผู้ช่วยพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม กล่าวขอโทษที่มารบกวน แล้วเปิดประตูเดินออกไป

 

 

ทันทีที่ผู้ช่วยออกไป ฉินซินหยิ่งก็เริ่มค้นหาต่ออีก แต่ไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหนเธอก็ไม่พบแฟลชไดรฟ์ที่มีภาพสเก็ตช์งานออกแบบ เธอทำหายไปได้อย่างไร เธอเก็บภาพสเก็ตช์ทั้งหมดไว้ในนั้น เธอจะนำภาพสเก็ตช์ออกมานำเสนอสามภาพต่อหนึ่งฤดูกาล และด้วยภาพสเก็ตช์จำนวนมากในแฟลชไดรฟ์ ทั้งหมดนั้นสามารถใช้ไปได้ถึงหกปีหลังจากนี้ ซึ่งระหว่างนั้นเธอจะค่อยๆ ถอนตัวออกจากวงการนักออกแบบไปทำงานอื่น แต่นี่จู่ๆ แฟลชไดรฟ์ก็หายไป!

 

 

เธอควรทำอย่างไรดี…

 

 

‘ฉินซินหยิ่ง อย่าตื่นตระหนก เธอต้องไม่ตื่นตระหนก ต้องทำใจให้สงบ’ ฉินซินหยิ่งค่อยๆ สงบลง เธอหายใจเข้าลึกๆ ‘ใช่ ใช่แล้ว เธอเลือกไว้แล้ว ภาพสเก็ตช์ที่จะส่งให้วิเวียน เพื่อสร้างความตื่นตะลึงให้พวกเขา เธอบันทึกไว้แล้วในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเธอ ส่งภาพสเก็ตช์พวกนั้นไปให้วิเวียนก่อน แล้วค่อยหาทางแก้ปัญหา’

 

 

ฉินซินหยิ่งค่อยๆ สงบลง เธอเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ เปิดแฟ้มเก็บข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ ขณะมองดูภาพสเก็ตช์งานออกแบบที่สมบูรณ์แบบเหล่านั้นเธอก็ยิ้มออกมา ‘ใช่ ตราบใดที่เธอมีภาพสเก็ตช์พวกนี้ส่งไปให้พวกเขา เธอก็จะรักษาตำแหน่งในแผนกออกแบบของเฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุปไว้ได้’ เมื่อคิดเช่นนี้ในใจ ฉินซินหยิ่งก็มีท่าทีสงบนิ่ง

 

 

ถังซี เธออย่าโทษฉัน เธอไม่ห้ามฉันหรือตำหนิฉันในครั้งแรกที่ฉันนำภาพสเก็ตช์งานออกแบบของเธอออกเผยแพร่ภายใต้ชื่อฉัน ซึ่งนั่นหมายความว่าเธอยินยอมให้ฉันทำได้

 

 

เพราะฉะนั้นเธอต้องปล่อยให้ฉันใช้ประโยชน์จากเธอต่อไป เหยียบไหล่เธอขึ้นไปให้ถึงจุดสูงสุดของชีวิต ทีละก้าวๆ หลังจากที่ฉันได้ยืนเคียงข้างเฉียวเหลียงแล้ว และยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับเขาแล้ว ฉันจะกล่าวขอโทษเธออย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ ณ จุดนี้ ฉันยังไม่บรรลุเป้าหมายของฉัน… เพราะฉะนั้นอย่าโทษฉัน

 

 

ฉินซินหยิ่ง เขียนจดหมายในอีเมลแล้วส่งออกไป

 

 

หลังจากส่งอีเมล ฉินซินหยิ่งก็เรียกคนมาเก็บกวาดห้องทำงานของเธอให้เรียบร้อย ในเวลานี้เองที่โทรศัพท์ของเธอดังขึ้น ฉินซินหยิ่งมองดูชื่อผู้โทรแล้วหยิบโทรศัพท์มาอย่างใจเย็น หันไปบอกผู้ช่วยที่มาเก็บกวาดห้องทำงานให้เธอ จากนั้นก็ออกไปข้างนอกพร้อมกับโทรศัพท์ในถือ

 

 

บนชั้นดาดฟ้าฉินซินหยิ่งขมวดคิ้ว “คุณแน่ใจหรือเปล่า ว่าเฉียวเหลียงเข้าไปในอุทยานเอ็มไพร์” เธอถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

 

 

“คุณรู้ไหม ว่าใครที่เขาพาเข้าไปด้วย”

 

 

“ฉันไม่รู้ แต่ฉันเห็นเฉียวเหลียงถือกล่องเล็กๆ คลุมด้วยผ้าสีดำเข้าไปด้วย ไม่รู้ว่าคืออะไร”

 

 

ดวงตาฉินซินหยิ่งเป็นประกายแวววาว เธอถามอย่างตื่นเต้น “กล่องใหญ่แค่ไหน”

 

 

ต้องเป็นโกศของถังซี แน่นอนว่าถังซีเสียชีวิตแล้ว… ไม่หรอก ไม่ใช่ ถ้าถังซีเสียชีวิตแล้วเฉียวเหลียงอาจยังคงไม่รู้ เพราะถ้าเฉียวเหลียงรู้ว่าถังซีเสียชีวิต เขาจะไม่มีวันสงบอย่างนี้ และจะพยายามค้นหาความจริงต่อไปราวกับเขากลายเป็นคนบ้าไปแล้ว… ไม่สิ นั่นก็ยังไม่ใช่อีกเหมือนกัน… เฉียวเหลียงกำลังหลงรักเซียวโหรวจริงหรือเปล่า ถ้าไม่จริงทำไมเขาถึงสงบนิ่งอย่างนี้ แล้วถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมเขาถึงไปที่อุทยานเอ็มไพร์

 

 

เขามอบเถ้ากระดูกของถังซีคืนให้ถังเจิ้นหวาใช่ไหม

 

 

นั่นเป็นไปไม่ได้ จากที่เธอรู้จักเฉียวเหลียงมา เขาจะไม่ส่งโกศของถังซีกลับคืนไปด้วยตัวเอง…

 

 

ถังซี… อุทยานเอ็มไพร์… ไม่หรอก ถังเจิ้นหวาอาจไม่รู้ว่าถังซีเสียชีวิตแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่สงบนิ่งอย่างนี้ เขารักถังซีมาก เขาต้องตายอย่างแน่นอน ถ้ารู้ว่าถังซีเสียชีวิต!