ลั่วเซ่าเชินหาทางเอาผิดเมิ่งชิงซีไม่ได้เลย แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานอยู่ในมือ แต่ลั่วเซ่าเชินก็มั่นใจว่าเมิ่งชิงซีน่าสงสัยมากที่สุด โดยเฉพาะวันนี้เมื่อหวังหวาไปตรวจกล้องวงจรปิดที่ห้างสรรพสินค้า นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะถูกตัดหน้า กล้องวงจรปิดในบริเวณที่ถังโจวโจวประสบอุบัติเหตุดันเสียพอดี 

 

 

           ลั่วเซ่าเชินไม่เชื่อว่ามันจะมีเรื่องบังเอิญแบบนี้ เขารู้สึกว่าต้องมีคนทำลายหลักฐาน และเมิ่งชิงซีก็น่าสงสัยยิ่งขึ้นไปอีก ลั่วเซ่าเชินรู้ว่าที่ถังโจวโจวต้องทนทุกข์ทรมานแบบนี้ สาเหตุส่วนหนึ่งก็มาจากเขา เป็นเพราะเมิ่งชิงซีชอบเขา เธอถึงได้กล้าทำเรื่องแบบนี้! 

 

 

           เมื่อก่อนลั่วเซ่าเชินแค่รู้สึกรำคาญที่เมิ่งชิงซีมาคอยวนเวียนอยู่รอบตัวเขา ดังนั้นเมื่อเขาหลบได้ เขาก็จะหลบ แต่ถ้าหลบไม่ได้ เขาก็จะไม่ทำอะไรที่ทำให้เมิ่งชิงซีรู้สึกว่าเขาให้ความหวังกับเธอ แต่ไม่รู้ทำไม เมิ่งชิงซีถึงไม่ยอมเปลี่ยนใจไปจากเขาเสียที 

 

 

           บางครั้งลั่วเซ่าเชินก็ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เธอดีไปหมดทุกอย่าง แต่บนโลกใบนี้ก็ไม่ได้มีแค่เขา แล้วทำไมเมิ่งชิงซีถึงเกาะติดเขาแน่นไม่ยอมปล่อยล่ะ ลั่วเซ่าเชินรู้สึกว่าหัวใจของผู้หญิงนั้นยากเกินจะคาดเดาได้ 

 

 

           แต่ตอนนี้มันแตกต่างกัน เมิ่งชิงซีอาจจะเป็นคนที่ฆ่าลูกเขาก็ได้ ลั่วเซ่าเชินทนต่อไปไม่ไหว เมื่อก่อนเขาเห็นแก่หน้าตระกูลเมิ่ง เขาจึงยอมอดทนกับเมิ่งชิงซี แต่ความอดทนของคนเรานั้น มันก็มีขีดจำกัด 

 

 

           เมิ่งชิงซีไม่ได้เจียมเนื้อเจียมตัวเพราะความอดทนของคนอื่นเลย เธอกลับถือดีมากยิ่งขึ้น คราวนี้ลั่วเซ่าเชินจะไม่ปล่อยเธอไป เมื่อเขามีหลักฐานเมื่อไร เขากับเมิ่งชิงซีจะได้เห็นดีกัน 

 

 

           วันรุ่งขึ้น ในขณะที่ลั่วเซ่าเชินยังไม่ตื่น ถังโจวโจวก็ตื่นขึ้นมาแล้ว เมื่อคืนเธอฝันเห็นเด็กคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้า เด็กคนนั้นพูดกับเธอว่า “คุณแม่ หนูจะกลับมาหาคุณแม่ คุณจะเป็นแม่ของหนูตลอดไป” 

 

 

           ก่อนที่ถังโจวโจวจะได้พูดอะไร ร่างของเด็กคนนั้นก็หายไปแล้ว ถังโจวโจวรีบตามไป แต่ก็ตามไปไม่ทัน ถังโจวโจวสะดุ้งตื่นด้วยเหตุนี้ เมื่อเธอลืมตาขึ้น เธอก็พบว่ามันเป็นแค่ความฝัน เธอยังอยู่ในห้องพักผู้ป่วย และด้านหลังของเธอก็มีลั่วเซ่าเชินที่นอนหลับอยู่ 

 

 

           ถังโจวโจวกลัวว่าจะรบกวนลั่วเซ่าเชิน เธอจึงไม่ได้ขยับตัว แต่เธอก็ยังจำภาพในความฝันได้อย่างชัดเจน เด็กน้อยน่ารักคนนั้นก็คือเด็กที่อยู่ในท้องของเธอ ในที่สุดถังโจวโจวก็เชื่อในสิ่งที่คุณแม่ถังพูด ลูกจะต้องกลับมาหาเธออย่างแน่นอน 

 

 

           ถังโจวโจวตั้งหน้าตั้งตาคอย ตอนนี้เธออยากจะฟื้นฟูร่างกายให้เร็วที่สุด จากนั้นเธอจะได้รีบพาลูกกลับมา ตอนนี้เธอแทบจะทนรอไม่ไหว เพราะถังโจวโจวเอาแต่นึกถึงเรื่องนี้อยู่ตลอด เรื่องที่เลวร้ายในอดีตจึงถูกขจัดไปจนหมด เปลี่ยนมาเป็นอนาคตที่เต็มไปด้วยความหวังอันสดใสแทน 

 

 

           ลั่วเซ่าเชินตื่นขึ้นมาในที่สุด ส่วนถังโจวโจว ตั้งแต่เธอลืมตาตื่นจนกระทั่งเขาตื่นขึ้นมา เธอก็ยังรู้สึกตื่นเต้นอยู่ตลอด ถังโจวโจวเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในความฝันให้ลั่วเซ่าเชินฟัง ลั่วเซ่าเชินคิดว่าที่ถังโจวโจวฝันแบบนี้ เป็นเพราะเธอเอาแต่หมกมุ่นคิดถึงลูกอยู่ทั้งวัน 

 

 

           แต่ตอนนี้เธอกำลังดีใจ เขาก็ขัดเธอไม่ได้ และเธอก็เพิ่งจะปล่อยวางได้ เขาไม่อาจทำลายความเชื่อมั่นของเธอได้อีก การที่เธอมีความฝันแต่เป็นสุขย่อมดีกว่าเธอมัวแต่จมอยู่กับความทุกข์อย่างแน่นอน 

 

 

“ในเมื่อคุณฝันแบบนี้ ก็แสดงว่าฟ้าท่านเปิดทางให้คุณแล้ว เพราะฉะนั้นคุณต้องดูแลตัวเองให้ดี จากนั้นเราค่อยพยายามพาลูกกลับมาหาเรานะ” ลั่วเซ่าเชินรู้ดี แม้ว่าเธอจะตั้งท้องอีกครั้ง ลูกก็จะไม่ใช่เด็กคนเดิม 

 

 

ความจริงแล้วถังโจวโจวเองก็รู้ดี แต่ถ้าฟ้าลิขิตมาแล้วล่ะ เรื่องแบบนี้ไม่มีใครรู้หรอก เธอก็แค่ต้องยืนหยัดให้ได้ก็พอแล้ว 

 

 

หลังจากที่ลั่วเซ่าเชินและถังโจวโจวชำระร่างกายเสร็จ ป้าหลิวก็มาถึงห้องพักผู้ป่วยพร้อมด้วยอาหารที่เธอทำ เมื่อเธอเห็นท่าทางที่อ่อนแอของถังโจวโจว ป้าหลิวก็รู้สึกสงสาร 

 

 

“คุณผู้หญิงคะ ดีขึ้นบ้างหรือยังคะ เมื่อวานพอคุณชายโทรมาบอกฉัน ฉันก็อยากจะมาเดี๋ยวนั้นเลย แต่คุณชายสั่งให้ฉันเตรียมอาหารไว้ และให้เอามาให้คุณผู้หญิงในวันนี้” 

 

 

“รบกวนแย่เลยค่ะ ป้าหลิว ตอนนี้ฉันไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ” แม้ว่าสีหน้าของถังโจวโจวจะยังไม่ดีเท่ากับตอนปกติ แต่เธอก็ค่อยๆ ร่าเริงขึ้นบ้างแล้ว ร่างกายของเธอเองก็อยู่ในช่วงพักฟื้น 

 

 

เมื่อป้าหลิวเห็นว่าถังโจวโจวไม่ได้ร้องไห้ เธอก็ไม่กล้าถามเรื่องลูก ด้วยกลัวว่าจะไปกระตุ้นต่อมความเสียใจของเธอเข้า ป้าหลิวเปิดกระติกเก็บความร้อนที่นำมา จากนั้นก็หยิบอาหารออกมาพร้อมกับพูดไปด้วยว่า “ฉันทำโจ๊กมาให้คุณผู้หญิงค่ะ อีกสักวันสองวัน ฉันจะทำอะไรอร่อยๆ มาให้ทานนะคะ” 

 

 

ป้าหลิวไม่กล้าทำของมันๆ ให้ถังโจวโจว ความอยากอาหารของถังโจวโจวยังไม่ค่อยดีนัก โจ๊กจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้ว่าป้าหลิวจะทำของอร่อยๆ มา เธอก็ยังกินไม่ได้อยู่ดี จะยิ่งทำให้เธอกังวลใจมากขึ้นเปล่าๆ 

 

 

ป้าหลิวเตรียมเกี๊ยวมาเผื่อลั่วเซ่าเชินด้วยอีกชุด ในขณะที่เธอกำลังถือถ้วยเพื่อป้อนถังโจวโจว ถังโจวโจวก็รีบรับมันมา “ฉันกินเองก็ได้ค่ะ ป้าหลิว” ถังโจวโจวขอให้ป้าหลิวขยับโต๊ะเข้ามาใกล้ๆ 

 

 

เมื่อป้าหลิวเห็นว่าถังโจวโจวยืนยันที่จะทำอย่างนั้น เธอก็ได้แต่ปล่อยชามไปตามแรงของถังโจวโจว แต่ก็ยังอดพูดไม่ได้ว่า “คุณผู้หญิงคะ ให้ฉันป้อนดีกว่านะคะ” ป้าหลิวค่อนข้างเป็นกังวล แต่ถังโจวโจวกลับคิดว่าแขนเธอไม่ได้เป็นอะไร เมื่อวานคุณแม่ถังก็ป้อนเธอทีหนึ่งแล้ว วันนี้จะให้เป็นแบบนั้นไม่ได้อีก 

 

 

ลั่วเซ่าเชินให้ป้าหลิวหลีกทางไป เขายื่นมือไปหยิบถ้วยที่อยู่ในมือของถังโจวโจว ก่อนจะตักขึ้นมาหนึ่งช้อน และยื่นไปที่ปากของถังโจวโจว “อ้าปาก” 

 

 

ถังโจวโจวอ้าปากอย่างว่าง่าย เมื่อป้าหลิวเห็นความน่ารักของสามีภรรยาคู่นี้ เธอก็ไม่อยากขัดจังหวะ เธอจึงเดินออกไปจากห้องพักผู้ป่วยและปิดประตูอย่างเบามือ 

 

 

ถังโจวโจวเขินอาย เมื่อครู่ป้าหลิวก็ยังอยู่ตรงนี้ ลั่วเซ่าเชินกลับมาทำแบบนี้ซะได้ เขาทำให้เธอรู้สึกราวกับเธอเป็นคนแขนขาอ่อนแรงก็ไม่ปาน เธอกลัวว่าป้าหลิวจะหัวเราะเยาะเธออยู่ในใจ 

 

 

และยิ่งเห็นว่าป้าหลิวดูเหมือนจะตั้งใจทิ้งให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกัน ถังโจวโจวก็รู้สึกอายมากยิ่งขึ้น “เซ่าเชิน ฉันกินเองดีกว่าค่ะ” 

 

 

แต่ดูเหมือนว่าลั่วเซ่าเชินจะติดใจอยู่กับการป้อนอาหาร เขาโยกหลบมือของถังโจวโจวที่ยื่นมาและส่งโจ๊กคำใหญ่เข้าไปในปากของถังโจวโจว ถังโจวโจวก็ไม่กล้าปิดปากไว้ เธอจึงได้แต่ทำตามคำชี้แนะของลั่วเซ่าเชินและปล่อยให้เขาป้อนโจ๊กเธอจนหมดถ้วย 

 

 

หลังจากที่ลั่วเซ่าเชินป้อนโจ๊กถังโจวโจวเรียบร้อยแล้ว เขาก็มาจัดการกับอาหารเช้าของตัวเองต่อ ถังโจวโจวมองดูเขากินเกี๊ยว เนื่องจากว่าในกระเพาะของเธอมีอาหารแล้ว ดังนั้นถึงแม้ว่ากลิ่นหอมๆ ของเกี๊ยวจะลอยมาเตะจมูก เธอก็สามารถทนได้ 

 

 

แทนที่ลั่วเซ่าเชินจะเข้าบริษัท เขากลับหยิบโน้ตบุ๊กขึ้นมาและนั่งลงบนโซฟาตัวที่ตั้งอยู่ในห้องพักผู้ป่วย ก่อนจะเริ่มทำงาน 

 

 

ถังโจวโจวรู้สึกเบื่อหน่าย เธอได้แต่มองดูลั่วเซ่าเชินทำงาน พอมองไปมองมา เธอก็เริ่มพินิจพิเคราะห์ใบหน้าของเขา ถังโจวโจวสำรวจดูคิ้ว จมูก และปากของลั่วเซ่าเชิน จากนั้นก็เลื่อนสายตาลงไปที่ลูกกระเดือก ลูกกระเดือกของเขาตั้งเด่นสะดุดตา ทันใดนั้น ถังโจวโจวก็อยากจะสัมผัสมันขึ้นมา 

 

 

ลั่วเซ่าเชินรู้ว่าเธอกำลังมองเขาอยู่ แต่เขาไม่ได้หันหน้าไปมอง พวกเขาทั้งคู่ไม่รบกวนซึ่งกันและกัน เมื่อผ่านพ้นช่วงเช้าไป ช่วงกลางวัน ป้าหลิวก็มาส่งอาหารให้พวกเขาอีก ถังโจวโจวและลั่วเซ่าเชินแยกกันนั่งกินอยู่คนละมุม 

 

 

ป้าหลิวตั้งใจทำอาหารที่ควรกินในช่วงพักฟื้นมาให้ถังโจวโจว ถังโจวโจวสามารถทนกินโจ๊กในตอนเช้าได้ แต่เมื่อเทียบมื้อกลางวันกับลั่วเซ่าเชินแล้ว จู่ๆ เธอก็รู้สึกเศร้าใจ ทำไมเธอต้องมากินอะไรจืดชืดแบบนี้ด้วย มันดูไม่อร่อยเหมือนกับของที่อยู่ในชามลั่วเซ่าเชินเลย 

 

 

แม้ว่าถังโจวโจวจะไม่อยากกิน แต่นอกจากนี้ก็ไม่มีอะไรให้เธอกินแล้ว ท้ายที่สุดเธอก็ต้องบังคับให้ตัวเองค่อยๆ กินจนหมดเกลี้ยง 

 

 

ทันทีที่กินมื้อกลางวันเสร็จ หลินเหยาก็หอบตะกร้าผลไม้มาเยี่ยมถังโจวโจว เมื่อถังโจวโจวเห็นว่าหลินเหยาถือตะกร้าผลไม้มา เธอก็รีบพูดว่า “เหยาเหยา เธอถือมาทำไมเนี่ย” ถังโจวโจวรู้สึกว่ามิตรภาพระหว่างพวกเธอสองคนไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตองอะไรแบบนี้ 

 

 

หลินเหยาไม่ได้สนใจคำพูดของถังโจวโจว นี่ไม่ใช่เรื่องของธรรมเนียมมารยาทอะไร แต่ถ้าเธอมาเยี่ยมคนป่วยแล้วไม่มีของติดไม้ติดมือมาด้วยเลยก็ดูจะเกินไปหน่อย หลังจากหลินเหยาวางของลงแล้ว เธอก็นั่งลงข้างเตียง “โจวโจว วันนี้เป็นยังไงบ้าง” 

 

 

เมื่อหลินเหยาเห็นว่าถังโจวโจวดูมีชีวิตชีวามากขึ้น เธอก็รู้สึกว่าถังโจวโจวน่าจะฟื้นตัวได้ในเร็ววัน อีกทั้งดูไม่สลดหดหู่เหมือนเมื่อวานแล้ว เธอนึกถึงเรื่องที่เธอคุยกับคุณแม่ถังเมื่อวานว่า การปลอบโยนของลั่วเซ่าเชินจะสามารถทำให้ถังโจวโจวสบายใจขึ้นได้ 

 

 

“ดีมากๆ เลยจ้ะ เหยาเหยา เธอเองก็เถอะ เมื่อวานนี้ต้องเหนื่อยไปด้วยเลย” ถังโจวโจวจับมือหลินเหยา เธออยากจะขอบคุณพระเจ้าอย่างมากที่ให้เธอมีเพื่อนที่แสนดีแบบนี้ ช่วงเวลาสำคัญ หลินเหยามักจะอยู่ข้างเธอเสมอ 

 

 

“โจวโจว เธอพูดแบบนี้อีกแล้วนะ” 

 

 

“จ้ะๆ ไม่พูดแล้ว” ถังโจวโจวขอร้องให้เธอยกโทษให้ในทันที เธอลืมไปว่าเธอเพิ่งบอกให้หลินเหยาไม่ต้องเกรงใจ แต่เธอกลับเป็นฝ่ายเกรงใจเองซะอย่างนั้น 

 

 

หลินเหยาอยู่เป็นเพื่อนถังโจวโจวอีกสักพัก จากนั้นเธอก็กลับไปทำงาน เธอใช้โอกาสที่ตัวเองพักกลางวันมาเยี่ยมถังโจวโจว เมื่อเธอเห็นว่าสีหน้าของถังโจวโจวดีขึ้นกว่าเมื่อวาน เธอก็รู้สึกวางใจ 

 

 

ถังโจวโจวรู้สึกว่าวันนี้แปลกมาก ทันทีที่หลินเหยากลับไป ฟังหยวนก็มาถึง และลั่วเซ่าเชินเองก็ดูจะไม่ค่อยชอบใจกับการมาถึงของฟังหยวน ราวกับว่าเขาได้พบศัตรูที่เข้มแข็งอย่างไรอย่างนั้น แม้แต่ถังโจวโจวก็ยังรู้สึกได้ แล้วมีหรือที่ฟังหยวนจะไม่รู้สึก 

 

 

ฟังหยวนรู้อยู่แล้วว่าลั่วเซ่าเชินผิดปกติไป แต่เขากลับไม่สนใจ “อาเชิน นายไม่ดีใจเหรอที่ฉันมา” 

 

 

ลั่วเซ่าเชินมองเขาอยู่นาน ก่อนจะหันกลับไปทำงานต่อ เขายังจำหมัดแห่งความแค้นที่ฟังหยวนต่อยเขาได้อยู่เลย! 

 

 

เมื่อฟังหยวนเห็นว่าลั่วเซ่าเชินเมินเขาไปแล้ว เขาก็หันไปยิ้มให้ถังโจวโจวแล้วพูดว่า “โจวโจว เมื่อวานผมกลับก่อนที่คุณจะฟื้น วันนี้ผมก็เลยตั้งใจมาเยี่ยม” 

 

 

ถังโจวโจวนั่งพิงที่หัวเตียงและตอบเป็นมารยาท “ฟังหยวน เกรงใจเกินไปแล้วค่ะ แต่ฉันก็ดีใจนะคะที่คุณมาเยี่ยม” 

 

 

           เห็นได้ชัดว่าฟังหยวนมีความสุขมากที่ได้ยินถังโจวโจวพูดแบบนั้น สีหน้าของเขาราวกับว่าจะละลายใจของหญิงสาวได้ เขายิ้มและหัวเราะอย่างอบอุ่น 

 

 

           ฟังหยวนแค่มาเยี่ยมถังโจวโจวก็เท่านั้น เขารู้ว่าตอนนี้ลั่วเซ่าเชินยังอยู่ที่นี่ ถังโจวโจวก็ไม่สามารถคุยอะไรกับเขาได้มากนัก แต่ความคิดที่อยู่ในใจของฟังหยวนกลับรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ 

 

 

           ในเมื่ออาเชินไม่ดีกับเธอ แล้วถ้าเขาจะพาถังโจวโจวหนีไปเลยล่ะ เธอจะยอมไปกับเขาไหม? 

 

 

           ฟังหยวนผุดความคิดนี้ขึ้นมาเพราะถังโจวโจวประสบอุบัติเหตุและมันก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ขอเพียงแค่ถังโจวโจวพูดออกมา เขาก็พร้อมที่จะพาเธอหนีไป หนีไปให้ไกลจากลั่วเซ่าเชิน 

 

 

           แต่ฟังหยวนรู้ดีว่าถังโจวโจวไม่ยอมไปกับเขาหรอก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคุณพ่อคุณแม่ถังด้วย ลำพังแค่ตัวถังโจวโจวเองก็ยังคัดค้านอะไรลั่วเซ่าเชินไม่ได้เลย ฟังหยวนดูออก ถังโจวโจวไม่มีทางตำหนิลั่วเซ่าเชินในเรื่องนี้แน่ 

 

 

           แต่ถ้าเธอรู้ว่า ‘ในขณะที่เธอประสบอุบัติเหตุ ลั่วเซ่าเชินอยู่กับหันฮุ่ยซิน’ ล่ะ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอจะคิดเห็นอย่างไร ฟังหยวนรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที แต่ตอนนี้ถังโจวโจวยังไม่ค่อยแข็งแรง เขาไม่อยากพูดมันออกมาให้เธอเสียใจ 

 

 

           แม้ว่าสายตาของลั่วเซ่าเชินจะจับจ้องอยู่ที่โน้ตบุ๊ก แต่หูกับจิตใจของเขากลับให้ความสนใจอยู่ที่ฟังหยวนและถังโจวโจว 

 

 

ไม่น่าแปลกใจหรอกที่ลั่วเซ่าเชินจะกังวลใจแบบนี้ นิสัยอย่างฟังหยวน เขาสามารถทำได้ทุกอย่าง ถ้าเขาบอกถังโจวโจวว่าเมื่อวานเขาอยู่ที่ไหน ร่างกายและความรู้สึกของโจวโจวอาจจะแย่ลงมากกว่านี้