ปลิดชีพตนเอง?
หลานอวี่มองซูจิ่นซีอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
ครู่หนึ่ง ดวงตาโกรธเคืองของนางพลันแปรเปลี่ยนเป็นแดงฉาน “ซูจิ่นซี เจ้าอย่าให้มันมากเกินไป! ”
“มากเกินไป? ใช่หรือ? ” แววตาซูจิ่นซีแสดงออกราวกับผู้บริสุทธิ์ “ความจริงเจ้าเลือกไม่ทำก็ได้ ข้าไม่ได้บังคับเจ้า! ”
หลานอวี่มองสัตว์เทพกิเลนที่กำลังหยอกล้อกูสือซานด้วยแววตาสับสน
หากไม่มีสัตว์เทพกิเลน บางทีนางอาจตัดสินใจต่อสู้กับซูจิ่นซีสักตั้ง เพื่อช่วยชีวิตกูสือซานและในฐานะที่นางเป็นถึงเจ้าสำนักห้าพิษ
อย่างไรก็ตาม หลานอวี่รู้ดีว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสัตว์เทพกิเลนตัวมหึมา แม้นางจะต่อสู้อย่างสุดกำลัง ก็ไม่มีทางช่วยกูสือซานออกจากเงื้อมมือของมันได้
“ตกลง! ”
หลานอวี่ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ แววตาลึกซึ้งมองมาทางซูจิ่นซี “พระชายาโยวอ๋อง อย่าลืมสิ่งที่เจ้าพูดเล่า ขอเพียงข้าปลิดชีพตนเอง เจ้าจะปล่อยท่านราชครู พระชายาโยวอ๋องคำพูดหนักแน่น จงรักษาคำสัตย์ดั่งภูผา หากเจ้าตระบัดสัตย์ แม้ข้าตายไปเป็นผี ก็จะไม่ให้เจ้าได้อยู่อย่างสงบสุข”
เดิมทีซูจิ่นซีต้องการหยั่งเชิงจิตใจของเจ้าสำนักห้าพิษ เมื่อเผชิญหน้ากันครั้งแรก นางเพียงต้องการดูความสามารถของหลานอวี่เท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจจะเอาชีวิตนาง
ซูจิ่นซีไม่คิดว่าหลานอวี่จะปลิดชีวิตตนเองจริงๆ จึงตกตะลึงเล็กน้อย
“พี่สือซาน แต่นี้ต่อไปแคว้นไหวเจียงและสำนักห้าพิษต้องฝากให้ท่านเป็นผู้ดูแลแล้ว! แม้หลานอวี่จะมีเรื่องราวมากมายที่ต้องการพูดกับท่าน ทั้งยังมีความปรารถนามากมายที่ยังทำไม่สำเร็จ อย่างไรก็ตาม หากสามารถตายเพื่อท่านได้… ก็เพียงพอแล้ว! ท่านกับข้า ชาติหน้าพบกันใหม่! ”
หลานอวี่มองกูสือซาน เมื่อพูดจบก็หยิบกระบี่ขึ้นมาหมายเชือดคอตนเอง
“เยี่ยโยวเหยา ห้ามนางไว้! ”
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วตะโกนร้อง ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังหนักแน่น เหมือนมีพลังภายในอันแข็งแกร่งกระแทกไปที่กระบี่ในมือของหลานอวี่จนทำให้กระบี่หลุดออกจากมือ
“เด็กน้อย เจ้าเล่นซุกซนอันใดอีก”
เสียงของจิ่วหรงดังขึ้น ซูจิ่นซีหันไปมองตามทิศทางของเสียง จิ่วหรงขี่นกกระเรียนโดยมีฮูหยินปี้นั่งบั้นท้ายนกกระเรียนมาด้วยอีกคน
ทุกครั้งที่จิ่วหรงปรากฏตัวดูราวกับเทพเซียน ทำให้ซูจิ่นซีรู้สึกว่าไม่ใช่ความจริง อย่างไรก็ตาม นางรู้อยู่แก่ใจว่าโลกนี้ไม่มีเทพเซียน จึงขมวดคิ้วดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว
ขณะที่ซูจิ่นซีกำลังตกตะลึงและเหม่อลอยนั้น จิ่วหรงได้ลงจากหลังกระเรียนเทพแล้ว เขาขมวดคิ้วใส่ซูจิ่นซีเล็กน้อย พลางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“เป็นอันใด? ”
ซูจิ่นซียังไม่ทันได้ตอบโต้ ไอสังหารของเยี่ยโยวเหยาก็ปรากฏขึ้นรอบตัว เขายกฝ่ามือซัดพลังภายในอันแข็งแกร่งเข้าจู่โจมจิ่วหรงทันที
จิ่วหรงยกมือไพล่หลังข้างหนึ่ง รับพลังฝ่ามือของเยี่ยโยวเหยาได้อย่างสบาย
ซูจิ่นซีรู้สึกปวดหัวกลุ้มใจ
บุรุษสองคนนี้… เรื่องที่อยู่ตรงหน้ายังไม่จบก็ต่อสู้กันแล้ว!
ซูจิ่นซีไม่พอใจยิ่งนัก ทว่าไม่ได้พูดขัดขวาง
ครู่หนึ่ง ทั้งสองต่างถอนฝ่ามือออกจากกัน จิ่วหรงแย้มยิ้มเล็กน้อย
“แม้โยวอ๋องจะบาดเจ็บ ทว่าพลังภายในกลับเพิ่มขึ้นอย่างมาก ยินดีด้วย! ”
อย่างไรก็ตาม สีหน้าของเยี่ยโยวเหยากลับดูไม่เป็นมิตรเหมือนจิ่วหรง เขายังคงแสดงท่าทีดุดัน ไอสังหารคุกรุ่น พลางดึงซูจิ่นซีมาอยู่ด้านข้างตน
“ซูจิ่นซีเป็นสตรีของข้า หากครั้งหน้ายังกล้าทำอันใดตามใจ ต่อให้บาดเจ็บสาหัส ข้าก็จะจัดการเจ้าให้ถึงที่สุด”
“ฮ่าฮ่าฮ่า… ”
จิ่วหรงหัวเราะคำโต
เรื่องที่ตำบลผูหลิว ซูจิ่นซีไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ จึงไม่รู้ความสามารถที่แท้จริงของจิ่วหรง
แม้ซูจิ่นซีจะมองไม่ออกว่าการประมือระหว่างจิ่วหรงกับเยี่ยโยวเหยาเมื่อครู่นั้น ใครแพ้ใครชนะ ทว่าจากครั้งก่อนที่จิ่วหรงมาสอนวิชาแพทย์ให้ซูอวี้ เขาถูกเยี่ยโยวเหยาไล่ตะเพิดกลับไป นางจึงตัดสินว่าจิ่วหรงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเยี่ยโยวเหยา
“พอได้แล้ว ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ฮูหยินปี้จะเชิญจิ่วหรงมาได้ นอกจากนั้น ครั้งนี้จำเป็นต้องให้จิ่วหรงช่วยเหลือเรื่องหมุดกร่อนรักในตัวของท่านอ๋อง พวกเราเป็นฝ่ายขอความช่วยเหลือจากเขา ท่านอ๋องไม่ควรไร้มารยาทกับเขานะเพคะ”
ซูจิ่นซีพูดกับเยี่ยโยวเหยาอย่างเสียไม่ได้
เดิมทีเยี่ยโยวเหยารู้สึกเดือดดาลไม่น้อยเมื่อได้ยินจิ่วหรงพูดจาสนิทสนมกับซูจิ่นซีราวกับญาติใกล้ชิด ทว่าหลังจากได้ฟังคำพูดของซูจิ่นซีเมื่อครู่ที่แฝงความนัยว่าพวกเขาสนิทสนมรักใคร่กันเป็นอย่างดี จึงรู้สึกสบายใจขึ้นมาก
ดังนั้นเยี่ยโยวเหยาจึงไม่พูดอันใด ทำเพียงจับมือซูจิ่นซีแน่น
“พระชายาโยวอ๋อง เจ้าหมายความว่าอย่างไร? ต้องทำเช่นไรเจ้าถึงจะปล่อยท่านราชครู? ” หลานอวี่พูดขึ้นอย่างร้อนใจ
ซูจิ่นซียังไม่ลืมหลานอวี่กับกูสือซานที่อยู่ในเหตุการณ์ นางเพียงไม่ได้สนใจเท่านั้น
ซูจิ่นซีไม่พูดอันใด จิ่วหรงจึงพูดขึ้นว่า “ศิษย์ข้า ครั้งหนึ่งเจ้าสำนักหลานแห่งสำนักห้าพิษเคยมีบุญคุณกับอาจารย์ วันนี้ให้เกียรติอาจารย์ ปล่อยพวกเขาไปได้หรือไม่? ”
หลานอวี่มีบุญคุณต่อจิ่วหรง?
ทำไมซูจิ่นซีดูอย่างไรก็ดูไม่เหมือน?
ระหว่างที่ซูจิ่นซีกำลังครุ่นคิดและลังเลนั้น จิ่วหรงก็พูดขึ้นอีกครั้งว่า “เช่นนั้นถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่ให้อาจารย์มาดูอาการบาดเจ็บของโยวอ๋อง ใช่ว่าอาจารย์จะมาดูอาการบาดเจ็บให้ใครได้ง่ายๆ ”
ตาบ้า!!!
ไม่ใช่ว่าเขาเคยรักษาอาการเจ็บป่วยให้คนทั่วไปหรอกหรือ ก่อนหน้านี้ยังไปช่วยดูอาการผู้ป่วยที่หอโอสถสกุลซูอยู่เลย วันนี้กลับมาพูดเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม ซูจิ่นซีทำได้เพียงสบถด่าในใจ โดยไม่เผยอารมณ์ใดๆ ออกมาบนใบหน้า
นอกจากนั้น พวกเขาโต้เถียงกับหลานอวี่และกูสือซานมานานมากแล้ว หากรั้งอยู่ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อันใด ยิ่งไปกว่านั้น ชาวบ้านทางฝั่งตะวันออกของเมืองตี้จิงที่ได้รับพิษกำลังรอให้ซูจิ่นซีนำเลือดของกูสือซานไปถอนพิษ นางจึงไม่คิดใส่ใจอันใดให้วุ่นวาย
“พวกเจ้าไปเถิด! ”
ซูจิ่นซีพูดพลางโบกมือเรียกสัตว์เทพกิเลนกลับเข้าไปในอาคมกำไลปี่อั้น
“พี่สือซาน! ”
หลานอวี่รีบวิ่งเข้าไปรับร่างของกูสือซานที่กำลังตกลงมา ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและเป็นกังวล
ซูจิ่นซีไม่คิดจะสนใจพวกเขาอีก เยี่ยโยวเหยาก็เช่นกัน ทว่าขณะที่ทั้งสองกำลังจะจากไป ทันใดนั้นด้านหลังก็มีเสียงของหลานอวี่ดังขึ้น “ซูจิ่นซี แม้วันนี้ข้าจะถูกเจ้าลบหลู่ไม่น้อย ทว่าเป็นเพราะพี่สือซาน ข้าจึงจำยอม ทั้งเจ้ายังมีสัตว์เทพกิเลน แม้เจ้าจะชนะข้า แต่ความจริงกลับเป็นชัยชนะที่ไร้ซึ่งความภาคภูมิใจ เจ้ากับข้าล้วนเป็นผู้ใช้พิษ วันหน้าหากมีโอกาส พวกเรามาประลองฝีมือด้านพิษกันสักครั้งเป็นเช่นไร?”
“โอ้! ” ซูจิ่นซีหันหลังกลับมาด้วยความสนใจ “แพ้ก็คือแพ้ เพียงเจ้าไปถึงเป้าหมายตรงเวลา ไม่มีผู้ใดสนใจว่าเจ้าจะนั่งเมฆวิเศษหรือนั่งม้าแก่”
ใบหน้าหลานอวี่ซีดเผือด
ซูจิ่นซีพูดอีกครั้งว่า “อย่างไรก็ตาม หากคิดต่อสู้กันอย่างจริงจังสักครั้งก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ถ้ามีโอกาสก็ลองดู”
ซูจิ่นซีพูดพลางเดินจากไปพร้อมเยี่ยโยวเหยา
เมื่อซูจิ่นซีเดินทางมาถึงสถานที่ที่นัดแนะกับซูอวี้ หมอหลวงสวี่ และคนอื่นๆ พวกเขาก็พบสมุนไพรที่ซูจิ่นซีต้องการครบถ้วนแล้ว
ซูจิ่นซียื่นขวดลายครามที่บรรจุเลือดของกูสือซานให้ซูอวี้ “นำมันไปละลายในน้ำและใส่รวมกับสมุนไพรทั้งหมด จากนั้นให้แบ่งสมุนไพรออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกนำไปต้มเป็นยาน้ำ แจกให้ชาวบ้านดื่มเพื่อขจัดพิษ ส่วนที่สองให้เจ้าหาสถานที่ที่เหมาะสมและจุดไฟเผา เพื่อให้ควันกระจายปกคลุมทั่วทั้งเมืองฝั่งตะวันออกเป็นบริเวณกว้าง ทำเช่นนี้ถึงจะสามารถสลายหมอกพิษได้”
“อ๋า? ”
ซูอวี้ตกใจ
“ทำไม? มีปัญหาอันใดหรือ? ”
“ก่อนหน้านี้พี่จิ่นซีไม่ได้บอกวิธีถอนพิษ ดังนั้นยาสมุนไพรที่หามาได้จึงมาจากร้านยาและหอโอสถเท่านั้น หากแบ่งยาออกเป็นสองส่วนตามที่พี่จิ่นซีพูดเมื่อครู่ เกรงว่าจะไม่เพียงพอขอรับ! จำนวนชาวบ้านในเมืองที่ได้รับพิษมีมากเกินไป”
“ถ้าเช่นนั้น ให้กระหม่อมไปตามหาสมุนไพรที่ร้านยาอื่นๆ ดีหรือไม่? เพื่อช่วยชีวิตชาวบ้าน ร้านยาหลายแห่งในเมืองหลวงต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ทันการณ์แล้ว! ”
ซูจิ่นซีมีท่าทีเคร่งเครียด
ก่อนหน้านี้นางคิดว่าหมอกพิษภายในเมืองและชาวบ้านที่ได้รับพิษนั้น เพียงหายาสมุนไพรมาเพิ่มเติมก็สามารถถอนพิษได้แล้ว กลับคิดไม่ถึงว่าจะเกิดปัญหาเรื่องปริมาณยาสมุนไพรไม่เพียงพอ
ทำอย่างไรดี?
หากไปหาสมุนไพรตอนนี้คงไม่ทันการณ์เป็นแน่