เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 491
ลู่ฝานยังไม่ทันพูดจบ เสียงของอู่คงหลิงดังขึ้นอีกครั้ง

“บทเพลงฝันเลือนราง ในใจมีความสงสัยเป็นหมื่นเป็นพัน ยากจะเอ่ยออกมา ความฝันเปลี่ยนแปลงเท่าไร ทางวิถีมีเป็นหมื่นพัน ผ่านไปทางใด”

อู่คงหลิงถามคำถามของตัวเองออกมา

ลู่ฝานหัวเราะทันที ที่แท้เธอหาทางวิถีคลายข้อสงสัย

เมื่อได้ยินคำถามของอู่คงหลิง ลู่ฝานรู้ว่าเธอต้องเจอปัญหาระหว่างฝึกฝนแน่นอน อีกทั้งยังเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับการทำความเข้าใจวิถี

ปัญหาแบบนี้ ผ่านยากที่สุด

ไม่สามารถผ่านด้วยพลังที่สะสมมา และก็ไม่สามารถผ่านด้วยแรงภายนอก

เพราะลู่ฝานฝึกทั้งบู๊และชี่ วิถีต่างๆ ที่อยู่ตรงหน้าเขา ล้วนมองได้สองแบบ ดังนั้นเขาไม่เคยพบปัญหามาก่อน

บวกกับที่เขาเคยทำความเข้าใจเขตวิถีแห่งชีวิตของสถาบันสอนวิชาบู๊ อีกทั้งยังมีเขตวิถีธาตุดินของกระบี่หนักไร้คม ที่มอบให้เขาทำความเข้าใจ ดังนั้นอย่างน้อยก่อนถึงแดนปราณฟ้า เขาจึงไม่น่าจะเจอปัญหาอะไรได้

แต่เขาเป็นเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าคนอื่นจะเป็นเช่นนี้เหมือนกัน

อย่างเช่น อู่คงหลิง เห็นได้ชัดว่าเพิ่งเข้าสู่วิถี เจอกับวิถีอะไรบางอย่างท่ามกลางความสับสน แต่มีผ้าบางปิดบังใบหน้าอยู่ จึงทำให้มองไม่ออก

เหมือนกับผ้าบางสีดำที่อยู่บนหน้าเธอ ปกปิดใบหน้าของเธอเอาไว้ มีเพียงใบหน้างดงามเผยออกมาเพียงเล็กน้อย ทำให้คนหงุดหงิดใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

กลุ่มคนด้านล่างขมวดคิ้วครุ่นคิด พยายามคิดเพื่อช่วยหาคำตอบให้อู่คงหลิง

แต่คนพวกนี้พละกำลังอย่างมากแค่ประมาณแดนปราณนอก ไม่ได้มีโอกาสยิ่งใหญ่สามารถทำความเข้าใจวิถีได้เหมือนลู่ฝาน

ไม่แน่คนมากมาย ยังไม่เคยเห็นแม้กระทั่งวิถีบู๊ ตอนนี้กำลังจับต้นชนปลายกันอยู่

นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่ลู่ฝานแข็งแกร่งกว่านักบู๊แดนปราณนอกจำนวนมาก เขาสามารถใช้ความอ่อนแอต้านทานความแข็งแกร่ง เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ต่อสู้ข้ามระดับได้

ผลการฝึกตนระดับเดียวกัน คนที่วิถีบู๊แข็งแกร่ง จะสามารถแสดงพลานุภาพของวิชาตัวเองได้ดียิ่งขึ้นและมากขึ้น

ส่วนคนที่ไม่มีวิถีบู๊ ให้เคล็ดวิชาบู๊ระดับดินเหมือนกัน เขาอาจไม่สามารถแสดงพลังสามหรือสี่ใน สิบ ออกมาได้ด้วยซ้ำ

นี่คือความแตกต่าง!

ทันใดนั้น มีคนพูดออกมา

ชายพัดขนนกโพกแพรพรรณคนหนึ่งยืนขึ้นมา พูดเสียงก้องว่า “ใจยากที่จะเอ่ย วิถียากจะไขว่คว้า เคลื่อนไหวไปตามจิตใจ เคลื่อนไหวไปตามความคิด ไหลไปตามธรรมชาติ เรื่องต่างๆ ก็จะบรรลุผลสำเร็จ”

เมื่อเขาพูดออกมา กลุ่มคนรอบๆ อดพยักหน้าไม่ได้

ใช่ การอธิบายนี้ไม่เลว น่าจะเป็นคำตอบที่ยอดเยี่ยมที่สุด

ชายคนที่อยู่ข้างๆ หัวเราะออกมาทันที “พี่เหอาซิงเป็นอัจฉริยะตามคาด คำว่าเคลื่อนไหวไปตามจิตใจ งดงามมาก ดูเหมือนวันนี้คนที่จะได้ฟังเพลงของคุณอู่คงหลิงแบบตัวต่อตัว คงหนีไม่พ้นพี่เหอาซิง”

เหอาซิงโบกพัดไปมา สีหน้าได้ใจ แต่กลับพูด “ถ่อมตน” ว่า “ที่ไหนกันล่ะ บังเอิญมีความรู้สึกขึ้นมาเท่านั้น!”

ทันใดนั้นพวกผู้หญิงมองมาทางเหอาซิงด้วยสายตาชื่นชม

จู่ๆ เหอาซิงดีใจเกือบเหลิง หลงระเริง

แต่ลู่ฝานได้ยินคำพูดของเหอาซิง กลับกลั้นขำเอาไว้ไม่ได้

คำพูดนี้ดูมีอะไร แต่ในความเป็นจริงก็แค่พูดไร้สาระ เหมือนไม่ได้พูดอะไรสักนิด

อาจเป็นเพราะเสียงหัวเราะของลู่ฝานดังไปหน่อย จู่ๆ คนรอบๆ มองเขาด้วยสายตาประหลาด

เหอาซิงก็หันมามองลู่ฝานเช่นกัน แววตาดูเย็นชา

“ทำไม คุณชายมีความเห็นอะไรหรือเปล่า”

ลู่ฝานโบกมือไปมา “เปล่าๆ แค่อยากหัวเราะเท่านั้น นายต่อเลย”

เหอาซิงส่งเสียงหึอย่างเย็นชา ขี้เกียจสนใจลู่ฝาน เงยหน้าพูดกับอู่คงหลิงเสียงก้องว่า “คุณหวู่ ฉันคลายความสงสัยให้เธอได้ไหม”