ตอนที่ 1570 ขอโทษนะ แต่เราไม่ได้สนิทกัน (1)
ผู้เยาว์ทั้งห้าที่กู่ซินเยียนเชิญมานั้นเป็นห้าคนที่แข็งแกร่งที่สุดจากห้าวิหาร พวกเขายังเป็นผู้นำของกลุ่มศิษย์ใหม่ในสำนักธาราเมฆจากแต่ละวิหารด้วย
จับโจรก็ต้องจับหัวหน้า หลักการนี้กู่ซินเยียนเข้าใจดี มีแต่ทำให้คนทั้งห้าเลิกเป็นศัตรูกับวิหารมารโลหิตเท่านั้นถึงทำให้ทั้งห้าวิหารหยุดโจมตีได้
นอกจากพวกเฉียวฉู่แล้ว กู่ซินเยียนยังเชิญจวินอู๋เสียไปด้วย เนื่องจากเรื่องที่เกิดกับวิหารมารโลหิตในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ ทำให้ทั้งสองไม่ได้พบกันเพื่อทดสอบวิชาเสริมวิญญาณมาระยะหนึ่งแล้ว กู่ซินเยียนจึงเชิญจวินอู๋เสียไปด้วย จะได้ทำให้เกิดความปรองดองกันทุกฝ่าย
เรื่องที่วิหารมารโลหิตกลายเป็นจุดสนใจในสำนักธาราเมฆส่วนใหญ่เป็นเพราะจวินอู๋ ดังนั้นกู่ซินเยียนจึงสงสัยว่าเพราะหลินเฮ่าอวี่พยายามจะบังคับให้จวินอู๋ยอมจำนน และให้คนของวิหารมารโลหิตไปทะเลาะกับวิหารอื่นๆรึเปล่า ถึงทำให้วิหารอื่นๆเป็นศัตรูกับพวกเขา
กู่ซินเยียนอยากใช้ปัญหาของจวินอู๋แก้ไขความขัดแย้งระหว่างวิหารต่างๆ
และจวินอู๋เสียก็ตอบรับคำเชิญของกู่ซินเยียน
กู่ซินเยียนกำหนดสถานที่นัดพบเป็นที่ริมทะเลสาบในสำนักธาราเมฆ พืชพรรณที่ริมทะเลสาบเป็นสีเขียวมรกต มีเสียงนกร้องเจื้อยแจ้วและกลิ่นหอมของดอกไม้ ทำให้รู้สึกสงบและผ่อนคลายมาก เป็นสถานที่ที่พวกศิษย์ใหม่มากมายชอบไปอยู่ เหตุผลที่กู่ซินเยียนเลือกที่นั่น ประการแรกก็เพื่อผ่อนคลายบรรยากาศที่ตึงเครียด ประการที่สอง นางหวังว่าสิ่งที่นางพูดวันนี้จะมีคนจากวิหารอื่นที่อยู่รอบๆทะเลสาบได้ยิน พวกเขาจะได้กระจายคำพูดของนางไปยังวิหารต่างๆ
ยังไงซะ กู่ซินเยียนต้องระวังเรื่องชื่อเสียงของวิหารมารโลหิต เนื่องจากอีกหกวิหารไม่แข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้กับวิหารมารโลหิต จึงไม่มีคุณสมบัติพอที่นางจะเชิญพวกเขาเข้าร่วม แต่จากสถานการณ์ของวิหารมารโลหิตแล้ว นางไม่มีทางเลือกอื่น
ต้องพูดเลยว่ากู่ซินเยียนฉลาดไม่น้อย นางพิจารณาทุกด้านอย่างละเอียด และเนื่องจากเป็นผู้หญิง ต่อให้นางพูดอย่างสุภาพอ่อนโยน ก็ไม่มีใครคิดว่าไม่เหมาะสม ยังไงซะ สาวงามก็มักจะได้รับการปฏิบัติที่ดีอยู่เสมอ
ในวันนั้น กู่ซินเยียนพาหลินเฮ่าอวี่ไปกับนางและมาถึงสถานที่นัดพบตั้งแต่เช้า นางนั่งเงียบๆอยู่บนม้านั่งหินในศาลาหลังเล็กที่ริมทะเลสาบ มองหาพวกเฉียวฉู่ที่มาสาย
เฉียวฉู่กำลังเดินไปยังสถานที่นัดพบ และก็บังเอิญเจอกับฮัวเหยาที่มีใบหน้าเย็นชา
เมื่อเห็นฮัวเหยา เฉียวฉู่ก็ตาเป็นประกาย เพื่อเล่นละครตบตาแล้ว หลังจากมาถึงภูเขาฝูเหยา เขาไม่กล้าติดต่อกับเพื่อนคนอื่นๆอีก แต่เฉียวฉู่ตัวติดกับฮัวเหยาจนชิน จึงรู้สึกจิตตกอยู่บ้าง
พอได้มาเจอฮัวเหยาง่ายๆแบบนี้ เฉียวฉู่ก็แทบจะเก็บอาการตื่นเต้นไว้ไม่ได้ เขาอยากจะกางแขนกระโจนเข้าใส่ฮัวเหยาแล้วใช้อ้อมกอดพี่หมีกอดพี่ฮัวแน่นๆสักที
ฮัวเหยาย่อมสังเกตเห็นความตื่นเต้นของเจ้าโง่เฉียวฉู่ และเทียบกับเฉียวฉู่แล้ว เขานิ่งสงบกว่ามาก เมื่อเห็นริมฝีปากของเฉียวฉู่กำลังจะเผยรอยยิ้ม ฮัวเหยาก็พูดเสียงเย็นชาว่า “สุนัขดีไม่ขวางทางหรอกนะ เจ้าไม่รู้เรื่องนี้รึไง?”
เฉียวฉู่ที่กำลังดีใจโดนฮัวเหยาโยนน้ำแข็งใส่หน้าทั้งถัง รอยยิ้มที่ยังไม่ทันเบ่งบานก็เหี่ยวเฉาลงทันที
เฉียวฉู่รู้สึกน้อยใจ พี่ฮัวปากร้ายมาก หัวใจดวงน้อยๆของเขาบอบช้ำเหลือเกินแล้ว
“หา? บ้านเจ้าเป็นเจ้าของถนนรึไง?” เฉียวฉู่เอ่ยปากหาเรื่อง แต่ในใจที่แท้จริงนั้น……
[พี่ฮัว ทำไมไร้น้ำใจไร้คุณธรรมแบบนี้! หัวใจน้อยๆของข้าเจ็บปวดนัก!]
ฮัวเหยามองเฉียวฉู่ด้วยสายตาเย็นชาและเดินต่อไปอย่างเฉยเมย เฉียวฉู่ได้แต่เดินตามหลังอย่างเศร้าๆ แต่ยังคงแสดงสีหน้าเกลียดชังให้คนอื่นเห็น