บทที่ 626 : หินสีเขียวทุกก้อน!

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

บทที่ 626 : หินสีเขียวทุกก้อน!

ทันทีที่ปรากฏออกมาว่าเป็นหยกสีเขียว ทั่วทั้งลานก็เดือดระอุกันไปหมด ทุกคนต่างก็ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น

“โอ้โห.. ไม่น่าเชื่อว่าตัดออกมากลับกลายเป็นหยกเนื้อดีแบบนี้..”

หินก้อนนีมีขนาดเท่าฝ่ามือ และผู้ที่ลงมือตัดก็คือผู้เชี่ยวชาญในการตัดหิน เขาจัดการลงมีดตัดหัวและท้ายของหินเพียงด้านละสี่เซ็นติเมตร และพบว่าทั้งสองด้านล้วนเป็นสีเขียวทั้งคู่

“เป็นไปได้ยังไงกัน? นี่เท่ากับว่าเป็นหยกทั้งก้อน..”

ผู้เชี่ยวชาญในการตัดหินถึงกับตกตะลึง  เขาถือหินสีเขียวทั้งก้อนไว้ในมือด้วยใบหน้าตกใจสุดขีด สีหน้าของเขานั้นบ่งบอกว่าไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองด้วยซ้ำไป..

ผู้เชียวชาญในการตัดหินท่านนี้แซ่เผิง เป็นคนซื่อสัตย์  และมีนิสัยไม่ชอบพูดมาก  เขาเป็นหัวหน้าแผนกของหออวี้ติงเซวียนแห่งนี้ และมารอที่นี่เพื่อเตรียมตัวตัดราชาหิน

“หลายปีแล้วที่ไม่ได้รู้สึกเสียหน้าแบบนี้ ไม่น่าเชื่อว่าหินก้อนเล็กๆนี้จะกลายเป็นหยกไปได้..”

ตอนนี้ทุกคนที่ยืนล้อมรถเข็นทั้งสามคันของหลิงหยุนอยู่ ก็ถึงกับเงียบสนิท ไม่มีแม้กระทั่งเสียงลมหายใจ ทุกคนต่างก็ยืนอ้าปากกว้าง ดวงตาเบิกโพลงอยู่ด้วยความตกใจ !

มีเพียงตี้เสี่ยวอู๋ หลิงหยุน และหลงหวู่เท่านั้นที่ยังอยู่ในอาการปกติ

“ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ!”

เซียนหยกได้แต่กลืนน้ำลายด้วยความงุนงง และแทบจะทรงตัวไม่อยู่ เขารู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบคั้นอย่างรุนแรงไม่ต่างจากถูกหินขนาดใหญ่ทับเอาไว้

เซียนหยกทำการเปิดพนันหินในหออวี้ติงเซวียนมานานหลายปี มีดของเขานั้นเป็นได้ทั้งสวรรค์และนรกของเหล่าเซียนพนัน เขาพบเห็นเรื่องแปลกเกี่ยวกับหินมามากมาย แต่ก็ไม่เคยพบเห็นอะไรที่เหลือเชื่อเช่นในวันนี้มาก่อน?

“ตัดก้อนแรกก็เจอหยกเหรอ? แถมยังเป็นหยกเนื้อน้ำแข็งซะด้วย!”

เถ้าแก่ฮั่นถึงกับหน้าซีดเผือด และสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน  หลังจากที่หายตกใจ ก็รีบวิ่งไปที่จุดตัดหินเพื่อทำการตัดหินก้อนที่สองด้วยตัวเอง

“เป็นหยก.. เป็นหยกจริงๆเหรอนี่?”

มู่หลงเฟยจื่อถึงกับลืมตัวอ้าปากหวอ เธอมองไปที่จุดตัดหิน และหันไปมองหลิงหยุนด้วยสีหน้าตกใจ

ที่แท้หลิงหยุนทำท่าทางจองหองไม่ฟังใครทั้งนั้น ก็เพราะรู้อยู่แล้วว่าหินพวกนั้นข้างในล้วนมีสีเขียวสินะ!

ทั้งมู่หลงเวิ่นฉีและซ่งเจิ้งหยางที่ได้ยินคำว่า ‘สีเขียว’ ท่าทางของเขาก็ดีอกดีใจมากยิ่งกว่าใครๆ โดยเฉพาะซ่งเจิ้งหยางที่ถึงกับตกใจจนสั่นไปทั้งตัว!

เพราะอะไรน่ะหรือ? ก็เพราะซ่งเจิ้งหยางรู้ว่านี่ไม่ใช่หินก้อนแรกที่หลิงหยุนเลือก  หลิงหยุนได้เลือกมาก่อนหน้านี้แล้วหนึ่งก้อน และหินที่หลิงหยุนซื้อจากเถ้าแก่ก่อนหน้านี้นั้น เขาเองก็มั่นใจว่าภายในคือหยกเนื้อดีอย่างแน่นอน

สองครั้งแล้วที่หลิงหยุนเลือกได้ไม่ผิดพลาด และนี่ไม่ใช่ความบังเอิญอย่างแน่นอน! แต่ไม่ว่าหลิงหยุนจะใช้วิธีใดก็ตาม หรือจะแสร้งโง่เพื่อล่อเหยื่อใหญ่ก็ตาม แต่มันก็ทำให้เห็นได้ชัดว่าหลิงหยุนนั้นไม่ใช่มือใหม่อย่างที่ทุกคนดูถูก!

ซ่งเจ้งหยางถึงกับพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว เขาจ้องมองหลิงหยุนด้วยความตกใจราวกับกำลังเห็นปีศาจก็ไม่ปาน! และได้แต่ตั้งหน้าตั้งตารอการตัดหินก้อนต่อไป..

และครั้งนี้ก็เปลี่ยนคนตัดหินเป็นเถ้าแก่ฮั่น.. เขาถึงกับใช้มีดส่วนตัวของตนเองลับคมกับหินก้อนที่สอง

ทุกคนในบริเวณนั้นต่างก็พากันกลั้นหายใจจ้องมองหินดิบในมือของเถ้าแก่ฮั่นอย่างใจจดใจจ่อ และลุ้นไปด้วยว่าจะหินก้อนที่สองนี้จะมีสีเขียวอีกหรือไม่?

“เห็นประกายสีเขียววับๆแล้ว ก้อนนี้ก็ต้องสีเขียวอีกอย่างแน่นอน.. ”

“นี่สิถึงจะเรียกว่านักพนันหินตัวจริง.. เด็กนี่รับรองว่าอนาคตไกลแน่ๆ”

“เถ้าแก่ฮั่น.. ท่านอย่ามือสั่นสิ! อย่าทำให้หินสีเขียวของเขาเสียหายล่ะ..”

เมื่อเถ้าแก่ฮั่นเห็นประกายสีเขียว เขาก็ถึงกับเหงื่อออกเต็มสองมือ และมือก็สั่นไปหมดเช่นกัน เขาได้แต่แอบคิดในใจว่า..

‘คงไม่มีใครโชคดีซ้ำแล้วซ้ำอีกขนาดนี้หรอกน่า!’

ภายในบริเวณลานกว้างเงียบกริบอีกครั้ง จนกระทั่งสามนาทีต่อมาก็มีเสียงร้องตะโกนด้วยความตื่นเต้น

“แม่เจ้า! มันเป็นสีเขียวอีกแล้ว คราวนี้เป็นมรกตน้ำงามมาก!”

“ครั้งนี้เป็นมรกต!”

“โอ้โห.. ก้อนนี้ตัดแค่สองเซนติเมตรก็เห็นเนื้อมรกตแล้ว เลือกได้เก่งจริงๆ..”

“สายตาคมมากทีเดียว..”

นี่ยังไม่ทันได้ตัดราชาหิน ผู้คนก็พากันกรีดร้องอย่างตื่นเต้นถึงเพียงนี้เมื่อหินทั้งสองก้อนล้วนมีสีเขียว และหยกที่มีเนื้อดีเช่นนี้ ในตลาดค้าของเก่าเมืองจิงฉูก็มีเพียงคนสามคนเท่านั้นที่มีไว้ในครอบครอง..

ซ่งเจิ้งหยาง  เถ้าแก่ฮั่น และเซียนหยก!

แต่การที่จะเลือกหินดิบ  และพบว่าภายในเป็นหยกเนื้อดีเช่นนี้นั้น ก็ต้องอาศัยการเลือกมานับเป็นพันๆก้อน จึงจะมีโอกาสได้พบเจอหยกเนื้อดีเช่นนี้สักชิ้น

“แม่เจ้าโว้ย..  เด็กนี่ไม่ธรรมดาเลย! ช่างน่าทึ่งจริงๆ!”

“ฉันก็ว่างั้นล่ะ.. ทำไมถึงจะดวงดีได้ขนาดนี้นะ! แบบนี้ไปซื้อล็อตเตอรี่มีหวังต้องถูกรางวัลที่หนึ่งแน่ๆ!”

หินดิบก้อนที่สองก็เป็นสีเขียวเช่นกัน แต่ครั้งนี้กลับไม่ใช่หยก มันคือมรกตน้ำดี! ทุกคนต่างก็จ้องมองหลิงหยุนด้วยแววตาที่แตกต่างกันไป แต่ที่เหมือนกันก็คือแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความชื่นชม!

เถ้าแก่ฮั่นซึ่งเป็นผู้ลงมือตัดหินก้อนที่สองซึ่งมีขนาดเท่าลูกแอปเปิ้ลด้วยตัวเอง จึงเห็นได้อย่างชัดว่าเนื้อในของหินนั้นเป็นมรกตสีเขียวบริสุทธิ์ และใสเป็นประกายระยิบระยับ!

“โอ้โห.. เป็นมรกตที่มีน้ำงามมากจริงๆ หากนำมาแกะสลักคงจะงดงามไม่น้อยเลยทีเดียว!”

ผู้ที่มีความรู้เรื่องหินชนิดต่างๆ  ต่างก็พากันร้องอุทานออกมาอย่างตื่นเต้น

หลังจากหินก้อนที่สองถูกตัดเรียบร้อยแล้ว และเมื่อซ่งเจิ้งหยางได้ยินคำว่า ‘สีเขียว’ อีกครั้ง ร่างของเขาถึงกับเซไปในทันที!

และในเวลานี้..  ซ่งเจิงหยางก็มั่นใจอย่างยิ่งว่าหินที่หลิงหยุนเลือกซื้อมาทั้งหมดนั้น จะต้องเป็นสีเขียวทั้งหมดอย่างแน่นอน และภายในรถเข็นทั้งสามคันนั้น ก็จะต้องมีมรกตน้ำงามบริสุทธิ์อยู่ไม่น้อยทีเดียว!

แปดสิบล้าน.. หลิงหยุนไม่ได้จ่ายไปเพราะความโง่เลย!

“หลิงหยุน.. หินที่ตัดแล้วมีสีเขียว เธอจะต้องขายให้กับศาลาเทียนสี่เท่านั้นนะ..”

มู่หลงเวิ่นฉีร้องบอกอย่างตื่นเต้น  เขาขาดทุนกับการพนันหินครั้งก่อนไปถึงสิบล้าน เมื่อมาพบหยกเนื้อดีเช่นนี้มีหรือที่จะยอมปล่อยไป?

มู่หลงเฟยจื่อเองก็ถึงกับช็อคอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เธอช็อคมากจริงๆ ช็อคจนไม่สามารถอธิบายความรู้สึกออกมาเป็นคำพูดได้!

ชิ้นที่สามไม่ใช่สีเขียว.. แต่มันคือหยกสีขาว!

ชิ้นที่สี่..

ชิ้นที่ห้า..

ฝูงชนที่มุงดูอยู่นั้นไม่มีใครพูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว ไม่มีเสียงชื่นชม.. ไม่มีเสียงปรบมือ..

สิ่งเหล่านั้นคงไม่จำเป็นอีกแล้ว.. เพราะหินดิบทั้งห้าก้อนที่ทุกคนต่างก็เรียกมันว่าเศษหินนั้น เมื่อตัดออกดูก็ปรากฏว่าทุกก้อนล้วนแล้วแต่เป็นหยกชั้นดี หรือไม่ก็เป็นมรกตน้ำงาม มูลค่าของมันจึงถีบตัวขึ้นสูงเป็นสิบเท่าในทันที!

ในรถเข็นทั้งสามคันนี้มีหินดิบอยู่ราวสองร้อยกว่าก้อน หลิงหยุนซื้อไปด้วยเงินจำนวนหกสิบล้าน  ตกแล้วก็ราวก้อนละสามแสนหยวน แต่เมื่อตัดออกมาเป็นหยกและมรกต มูลค่าของหินในรถตอนนี้จะพุ่งสูงขึ้นเท่าไหร่นั้นคงต้องไปคำนวณกันดูเอง?

และในเวลานี้ สายตาของผู้คนที่อยู่ในบริเวณลานหิน ต่างก็แยกออกเป็นสามส่วน – ส่วนหนึ่งต่างก็จ้องมองหลิงหยุน อีกส่วนหนึ่งก็มองไปทางรถเข็นทั้งสามคัน และอีกส่วนหนึ่งก็จับจ้องอยู่ที่ราชาหิน!

“หินที่เหลือทั้งหมดก็น่าจะเขียวนะ..”

“ใช่.. ฉันก็คิดเหมือนกัน”

“หินทั้งห้าก้อนยังเขียวหมด ที่เหลืออีกร้อยๆก้อนก็ไม่น่าพลาด..”

“แล้วราชาหินนั่นจะเป็นสีเขียวด้วยมั๊ย?!”

“นี่เขาจะเอาไปตกแต่งบ้านจริงๆน่ะเหรอ?!”

“นั่นสิ..  เขาไม่ยอมให้ตัดออกดูด้วย”

และครั้งนี้.. ความเจ็บปวดในใจของเซียนหยกก็เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ภายในใจของเขาราวกับทะเลแห่งความทุกข์ และหนักราวกับบถูกหินหนักหลายพันกิโลกรัมทับไว้ เขาได้แต่มองหลิงหยุนเงียบ และไม่ยอมพูดอะไรแม้แต่คำเดียว

“เด็กนี่.. เหลือเชื่อจริงๆ! มหัศจรรย์อย่างมาก”

เถ้าแก่ฮั่นเดินกลับไปยืนตรงหน้าหลิงหยุนเช่นเดิม เขาจ้องมองหลิงหยุนครู่หนึ่งก่อนจะโค้งตัวลงคำนับ..

“คนแก่อย่างฉันพนันหินมาตลอดชีวิต แต่ก็ไม่เคยพบเห็นใครเหมือนเธอมาก่อน ลุงขอชื่นชมเธอจากใจจริงๆ!”

หลิงหยุนรีบพยุงเถ้าแก่ฮั่นขึ้น เขายิ้มพร้อมกับตอบไปว่า  “ผมไม่กล้ารับหรอกครับเถ้าแก่ฮั่น! ผมเพียงแค่มาเลือกซื้อหินเท่านั้น น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญซะมากกว่า! ไม่แน่ว่าหินทั้งสามคันรถนั้น อาจจะมีเพียงแค่ห้าก้อนนี้ที่เป็นสีเขียวก็ได้?”

เวลานี้.. ไม่ว่าหลิงหยุนจะพูดอย่างไรก็คงไม่มีใครเชื่อแน่นอนว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ!

หลังจากเงียบกริบกันไปครู่หนึ่ง ผู้คนที่ยืนดูอยู่ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้า นักพนันหิน หรือคนธรรมดาต่างก็ปรบมือโห่ร้องกันด้วยความตื่นเต้น

“ตัดราชาหิน!”

“ตัดราชาหิน!”

“ตัดราชาหิน!”

เสียงร้องตะโกนดังขึ้นอย่างพร้อมเพียงกัน และดังกระหึ่มออกไปไกลหลายกิโลเมตรเลยทีเดียว