155 พลังต่อสู้ของเซียวชูหรันระเบิดออกมาแล้ว(1)

ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

บทที่ 155 พลังต่อสู้ของเซียวชูหรันระเบิดออกมาแล้ว(1)

ได้ยินแม่เตือนให้ตนเองกลับบริษัทเซียวซื่อ เซียวชูหรันก็ถามอย่างสงสัยว่า “แม่คะ คุณย่าเอายาอะไรให้แม่กินกันแน่? ทำไมแม่จะต้องให้หนูกลับบริษัทเซียวซื่อด้วย?”

หม่าหลันก็ร้อนรน ตอบไปว่า “ก็ที่บริษัทเซียวซื่อมีเงินเดือนเดือนละล้านให้แล้วไม่ใช่หรือไง? ยังไม่มากกว่าเธอทำธุรกิจเองอีกหรือ? ถ้าเธอไปเปิดธุรกิจเองแล้วเจ๊งจนต้องใช้เงิน พ่อกับแม่จะทำอย่างไร?”

เซียนซูหรันก็มีน้ำเสียงยืดหยัด “แม่ไม่ต้องพูดเลยค่ะ หนูจะไม่กลับบริษัทเซียวซื่อแน่ ต่อให้ต้องไปเป็นขอทานตามถนน หนูก็จะไม่ยอมกลับไป หนูจะยืดหยัดของหนูแบบนี้!”

หม่าหลันก็มีท่าทีผิดหวังกับลูกสาวตน แล้วก็สั่งสอนไปว่า “ยืนหยัดงั้นหรือ? ไม่มีเงินแล้วจะยืนยังไง?”

หม่าหลันพูดจบ ก็น้ำตาไหล แล้วพูดอย่างเสียใจว่า “ตอนนี้บริษัทของตระกูลเซียวใกล้จะล้มละลายแล้ว ถ้าล้มละลายไปจริงๆ แม่กับพ่อก็คงต้องเอาเงินที่เก็บไว้ใช้ตอนแก่ออกมาใช้ เธอก็รู้ว่าพ่อกับแม่จำเป็นต้องใช้เงินนี้มากเท่าไร อีกอย่าง ต่อให้ย่าของเธอไม่ต้อนรับพ่อเธอ พ่อของเธอก็ยังหุ้นอยู่ที่บริษัทเซียวซื่อ ถ้าเธอไม่กลับไป ก็จะอดส่วนที่ต้องได้ แล้วพ่อกับแม่ไม่มีที่พึ่งแล้วจะทำอย่างไร?”

เซียวชูหรันแก้ต่างว่า “แม่คะ ตระกูลเซียวบริหารไม่ดีเอง ถ้าวันหนึ่งพวกเขาจะล้มละลายขึ้นมา ก็สมควรแล้ว!”

หม่าหลันก็ร้อนรน “เธอพูดอะไรออกมาเนี่ย? พวกเราอดทนอดกลั้นอยู่ในตระกูลเซียวมาหลายปี ตอนนี้กำลังจะคว้าน้ำเหลว ไม่เหลืออะไร เธอคิดเผื่อแม่บ้างหรือเปล่า?”

เซียวชูหรันตั้งใจพูดว่า “หนูคิดเพื่อแม่มาโดยตลอด แม่บอกว่าให้เอาเดือนส่วนใหญ่มาให้แม่ หนูก็ทำตามมาโดยตลอด แม่บอกว่าจะดูแลเงินทั้งหมดของบ้านเรา แม่จัดการทรัพย์สิน หนูกับพ่อก็ไม่มีความเห็นอะไร หนูยอมให้ตั้งหลายส่วน แต่แม่ต้องเคารพหนูด้วย หนูไม่อยากกลับไปบริษัทเซียวซื่อ หนูอยากทำธุรกิจเอง อยากทำอะไรเอง แม่จะไม่สนับสนุนหนูหน่อยหรือคะ?”

หม่าหลันรู้ว่าเหตุผลสู้ไม่ได้ พูดสู้เซียวชูหรันไม่ได้ ได้แต่นั่งร้องไห้อยู่ที่โซฟาเอามือปิดหน้าน้ำตาไหลนอง ในปากก็บ่นพึมพำว่า “ฉันทำไมถึงมีชีวิตลำบากอย่างนี้นะ ประคบประหงมเลี้ยงลูกสาวคนหนึ่งมาอย่างลำบาก หวังว่าจะให้แต่งไปในบ้านแม่สามีที่ดีๆ เป็นเจ้าคนนายคน แต่สุดท้ายละ? พ่อของเธอกลับจะเอาลูกเขยเข้าบ้านมา ตอนนี้ลูกสาวก็ฟังฉันแล้ว ฉันไม่มีตำแหน่งอะไรในบ้าน นี้แล้ว แล้วยังจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกทำไมกัน?”

เซียวชูหรันเห็นแม่ตนเองกำลังเรียกร้องความสนใจ เพื่อให้เธอเห็นใจ ก็ร้อนรน แล้วพูดว่า “แม่คะ อย่าเอาเรื่องทุกเรื่อง ไปโยนให้กับเย่เฉินได้ไหมคะ? ตอนนี้เย่เฉินก็มีผลงานบ้างแล้ว บ้านพักหลังนั้น ไม่นานก็จะตกแต่งเสร็จแล้ว แม่จะได้ เข้าไปอยู่ได้แล้ว ไม่ใช่เพราะได้เย่เฉินหรอกหรือคะ?”

หม่าหลันร้องไห้พูดว่า “เข้าไปอยู่แล้วอย่างไร? เข้าไปอยู่ก็ยังต้องกังวล กลัวว่าวันไหนตระกูลหวังรู้ทันขึ้นมา เดี๋ยวก็ไล่พวกเราออกมางั้นหรือ?”

เซียนซูหรันก็ถอนหายใจ พูดว่า “ถ้าแม่ยังร้องไห้เสียใจอยู่แบบนี้ งั้นหนูก็ทำอะไรไม่ได้ เดี๋ยวหนูกับเย่เฉินไปเช่าห้องอยู่เองก็ได้ เดี๋ยวพวกหนูย้ายออกไปเอง”

“นี่เธอ….” หม่าหลันได้ยินดังนั้นก็ร้อนรน แล้วลุกขึ้นพูดว่า “นี่เธออยากจะแยกบ้านอยู่กับพวกเราหรือ?”

เซียนซูหรันพยักหน้าพูดว่า “พวกเราแต่งงานกันมาหลายปีแล้ว ถึงเวลาที่ควรจะออกไปอยู่ข้างนอกแล้ว”

“ไม่ได้” หม่าหลันรีบพูดแก้ต่าง “ไม่ได้เด็ดขาด”

เซียนซูหรันตั้งใจพูดว่า “แม่คะ ถ้าแม่จะบังคับให้หนูไปบริษัทเซียวซื่อให้ได้ งั้นหนูก็จะแยกไปอยู่กับเย่เฉิน ถ้าแม่ไม่พูดเรื่องบริษัทเซียวซื่ออีกละก็ หนูก็จะไม่แยกออกไปอยู่ เลือกมาหนึ่งข้อ แม่คิดเอาเองเถอะค่ะ”

หม่าหลันมองตาของเซียวชูหรัน รู้ว่าลูกสาวตนเองไม่ได้ล้อเล่นกับตนเอง ก็รู้สึกได้ว่า ตนเองเล่นเกินไปหน่อยแล้ว

ถ้าตนเองยังแกล้งร้องไห้ร้องห่มบีบให้ลูกสาวตนเองยอม เธอก็อาจจะย้ายไปอยู่ข้างนอกกับเย่เฉินจริงๆ พอถึงตอนนั้น ก็เท่ากับ แตกหักกับตนเองแล้วจริงๆ