แดนนิรมิตเทพ บทที่ 602
เจียงเหอซานรู้สึกใจร้อนและกล่าวว่า “เขาพูดว่าอะไร?”

เฉินโม่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “เขาบอกว่าองค์กรเทพมรณะได้เริ่มลอบสังหารยอดฝีมือของโลกฝึกบู๊ในหัวเซี่ยแล้ว บอกหยางติ่งเทียนว่าอย่าหุนหันพลันแล่น และป้องกันศัตรูจากต่างประเทศ!”

ท่าทางของเจียงเหอซานเคร่งขรึม “แค่นี้เหรอ? ”

เฉินโม่กางมือออก “แค่นี้แหละ หมดแล้ว!”

เจียงเหอซานขมวดคิ้วจนแน่น สีหน้าเต็มไปด้วยความครุ่นคิด ราวกับว่าเขาไม่เข้าใจความหมายของประโยคนี้

เฉินโม่อยากจะเตือนเจียงเหอซาน จึงแกล้งถามแบบไม่ตั้งใจว่า “หยางติ่งเทียนคือเทพสงครามแห่งยานจิงไม่ใช่เหรอ? ทำไมบุคคลนั้นถึงบอกว่าเขาว่าอย่าหุนหันพลันแล่น? แล้วยังบอกว่าให้ป้องกันศัตรูจากต่างประเทศ มันขัดแย้งกันน่ะ?”

ดวงตาของเจียงเหอซานเป็นประกาย แล้วเขาก็เข้าใจทันที

เจียงเหอซานมองเฉินโม่ด้วยสีหน้าปลง “มติสวรรค์ ทั้งหมดเป็นมติสวรรค์ มันถูกกำหนดไว้แล้ว! คราวนี้ ถึงแม้ว่าคุณไม่อยากเป็นหัวหน้าของหน่วยรบพิเศษเทพอินทรี แต่ก็ต้องเป็นแล้ว”

เฉินโม่ถามด้วยความสงสัยว่า “เพราะอะไร?”

“เพราะคนที่มอบตราให้คุณคือฮั่วตงหมิง เป็นอดีตหัวหน้าของหน่วยรบพิเศษเทพอินทรี!” หลังจากกล่าวจบ เจียงเหอซานก็ถอนหายใจ ดูเหมือนว่าเขาจะเสียใจกับการเสียชีวิตของฮั่วตงหมิง

เฉินโม่เพียงแค่ตอบเบา ๆ คำหนึ่ง เขาเดาผลลัพธ์ได้ตั้งแต่ตอนที่เจียงเหอซานมอบตราอินทรีให้เขาแล้ว

“ในเมื่อเขามอบตราอินทรีให้คุณ แสดงว่าเขาต้องการให้คุณแทนที่เขา กลายเป็นหัวหน้าของหน่วยรบพิเศษเทพอินทรี คุณอย่าทำให้เขาผิดหวัง!” เจียงเหอซานกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

เดิมทีเฉินโม่อยากจะปฏิเสธ

แต่เมื่อนึกถึงร่างเศร้าโศกที่กำลังเดินมุ่งหน้าไปทางพระอาทิตย์ตกดินกลางทะเลทราย ทำให้เขาไม่สามารถพูดปฏิเสธได้

“ในฐานะชาวหัวเซี่ย ชาติก่อนผมไม่มีความสามารถ และไม่สามารถทำอะไรเพื่อประเทศนี้ได้ ตอนนี้ผมเกิดใหม่แล้ว และมีความสามารถ ให้ผมทำอะไรบางอย่างเพื่อประเทศที่มีปัญหานี้!”

เฉินโม่ตัดสินใจแล้ว เขามองเจียงเหอซานแล้วพยักหน้า “ตกลง”

ท่าทางของเจียงเหอซานผ่อนคลายลงมากและกล่าวว่า “ข่าวที่ฮั่วตงหมิงสละชีวิตแลกมามันสำคัญมาก ผมต้องรีบกลับไปที่ยานจิงทันที คุณรีบจัดการเรื่องของตนเองให้เสร็จโดยเร็วที่สุด แล้วไปหาผมที่ยานจิง จากนั้นผมจะพาคุณไปรายงานตัวที่หน่วยรบพิเศษเทพอินทรี!”

เฉินโม่พยักหน้าและกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “เดินทางดีๆ!”

เจียงเหอซานพาคนเดินจากไปอย่างรวดเร็ว เฉินโม่ถึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ตอนนี้เขาไม่ต้องกังวลการว่าทางราชการจะมาแก้แค้นแล้ว

เพียงแต่ เดิมทีเขาเตรียมที่จะสังหารให้สิ้นซาก แต่สุดท้ายนึกไม่ถึงว่าผลลัพธ์จะเป็นแบบนี้

เฉินโม่หยิบหยกรวมสารออกมาชิ้นหนึ่ง แกะสลักหยกแขวนคุ้มกายสองชิ้นในชั่วเวลาข้ามคืน เช้าวันรุ่งขึ้นเขาก็นำไปมอบให้หลี่ซู่เฟินกับเวินฉิง

“ใส่ติดตัวไว้!” เฉินโม่กล่าวด้วยรอยยิ้ม

หลี่ซู่เฟินเหลือบมองเฉินโม่ด้วยท่าทางที่ซับซ้อน เธอมีข้อสงสัยมากมาย แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ได้ถามอะไรสักคำ

เธอรู้ว่าเมื่อถึงเวลาที่เฉินโม่รู้สึกว่าสามารถบอกเธอได้ เขาก็จะพูดออกมาเอง

เวินฉิงสวมหยกแขวนบนคออย่างมีความสุข สายตาที่มองเฉินโม่เต็มไปด้วยความชื่นชม

เธอรู้สึกว่าน้องชายที่ตนเองดูแลเสมอมา เติบโตขึ้นโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวและสามารถปกป้องพวกเธอได้แล้ว

เมื่อก่อนความรู้สึกที่เวินฉิงมีต่อเฉินโม่เป็นเพียงความรักที่พี่สาวมีต่อน้องชายเท่านั้น แต่ตอนนี้ทุกครั้งที่เวินฉิงมองเฉินโม่ มีความหมายบางอย่างที่อธิบายไม่ได้

“คุณแม่ครับ ผมแก้ไขผลสืบเนื่องของตระกูลว่านเรียบร้อยแล้ว คุณแม่ไม่ต้องกังวลว่าทางราชการจะมาแก้แค้นแล้ว ทำในสิ่งที่ควรทำเถอะ”

หลี่ซู่เฟินตกตะลึง สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ผ่านไปสักพักถึงได้สติกลับคืนมา

มองไปทางเฉินโม่ ผู้หญิงแกร่งที่เป็นประธานของเหม่ยหวา กรุ๊ปที่สามารถสร้างทรัพย์สินนับพันล้าน แต่เธอกลับไม่รู้จะพูดอะไรดี

“แก้ไขเรียบร้อยก็ดีแล้ว” สุดท้าย คำพูดมากมายกลายเป็นการถอนหายใจสั้น ๆ