บทที่ 355 ข้อความจารึก
ตารางธาตุได้รับการใช้งานมานานกว่าสองปี และลำดับของธาตุก็เสนอแนวคิดให้กับจอมเวทและนักเวทว่าอะตอมมีความซับซ้อนมากกว่าที่คิด เมื่อจอมเวทระดับอาวุโส รวมถึงมอร์ริส ราเวนติ และแกสตัน ค่อยๆ ชี้ให้เห็นถึงปัญหาและนำเสนอข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในทฤษฎีอะตอม นักเวทชั้นกลางและชั้นอาวุโสส่วนใหญ่ก็เริ่มรู้สึกกังขาในทฤษฎีนี้

ในการสัมมนาลับ แฮททาเวย์ก็นำเสนอแนวคิดที่ล้มล้างทฤษฎีอะตอมซึ่งนางเป็นผู้ก่อตั้งโดยใช้การค้นพบไอโซโทป นักเวทชั้นกลางและชั้นอาวุโสแทบทุกคนยอมรับความจริงว่าทฤษฎีอะตอมอาจมีข้อผิดพลาด และสำหรับนักเวทชั้นต้นและนักเวทฝึกหัด การยอมรับทฤษฎีใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับพวกเขา

และยิ่งเป็นเรื่องง่ายใหญ่สำหรับนักเวทและจอมเวทที่ไม่ได้เชี่ยวชาญในสำนักเวทธาตุที่เปลี่ยนความเชื่อของตน

นี่เป็นยุคที่ทฤษฎีทั้งหมดมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงสภาเวทมนตร์เท่านั้นที่กำลังมุ่งมั่นกับเรื่องนี้ แต่รวมถึงศาสนจักรฝ่ายใต้ ศาสนจักรฝ่ายเหนือ และพวกดรูอิดด้วยเช่นกัน ที่ต่างไขว่คว้าโอกาสที่จะเจริญก้าวหน้า ใครก็ตามที่ถูกทิ้งให้ตามหลังแม้เพียงเล็กน้อยก็อาจสูญหายไปในหนึ่งหรือสองร้อยปีให้หลัง ดังนั้น เมื่อเห็นแนวทางที่ดีในการเปลี่ยนมุมมอง สภาสูงสุดก็ตัดสินใจเผยแพร่บทความที่ใหม่ของลูเซียน ‘การค้นพบอนุภาคใหม่’ ในฐานะบทความนำในวารสารอาร์คานาฉบับเดือนตุลาคม ผ้าม่านที่ปิดโลกแห่งจุลภาคไว้ก็ถึงเวลาต้องเปิดออกเสียที!

สำหรับผู้ที่ดื้อดึงยึดมั่นในทฤษฎีอะตอมต่อไป สภาก็ตัดสินใจที่จะตัดหางปล่อยวัด

“ถึงดูโหดร้าย แต่เราจำเป็น” ลูเซียนพูดกับลาซาร์และนักเวทคนอื่นๆ ที่บริเวณภายนอกฝ่ายบริหารจัดการนักเวท

ลาซาร์เป็นนักเวทสายธาตุที่มีความเชื่อหนักแน่น เมื่อได้ยินคำพูดของลูเซียน เขาก็มีรอยยิ้มที่ดูเศร้าออกมา “ข้าจำสิ่งที่เจ้าเคยบอกไว้ได้ ลูเซียน กงล้อแห่งประวัติศาสตร์หมุนไปข้างหน้าเสมอ ไม่ว่าสิ่งใดที่ขวางหน้า ก็จะถูกทำลายไม่เหลือชิ้นดี แต่ข้ายังทำใจยากที่จะยอมรับว่าจอมเวทชั้นนำพวกนั้นจะถูกทิ้งไว้ข้างหลังภายในเดือนเดียว”

ลูเซียนเป็นผู้รับผิดชอบสถาบันอะตอม จึงถือเป็นความรับผิดชอบของเขาที่ต้องเปลี่ยนความคิดความเชื่อของนักเวทและนักเวทฝึกหัดทุกคนในสถาบัน

แต่ก็ยังโชคดี ในฐานะผู้ค้นพบลำดับธาตุ และนักเวทคนแรกที่วิเคราะห์ลึกลงไปถึงกฎเกณฑ์ของลำดับธาตุ ทัศนคติของลูเซียนมีผลต่อเหล่าสหายของเขาทั้งทางตรงและทางอ้อม นอกจากนี้ จอมเวทและนักเวทในสถาบันต่างก็มีส่วนสร้างสรรค์การทดลองมากมายถึงการค้นพบรังสีแคโทด สองสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ลูเซียนได้ส่งบทความชิ้นใหม่ให้กับพวกเขาพร้อมทั้งแสดงผลการทดลองให้เห็นต่อหน้า สมาชิกสถาบันทุกคนจึงสามารถเปลี่ยนความเชื่อได้สำเร็จ

“ถึงจะโหดร้าย แต่เราก็ได้เตรียมพร้อมให้พวกเขาเปลี่ยนแนวคิดการรับรู้ พวกเขายังมีความหวังที่จะได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ข้าบังคับตัวเองให้ยอมรับทฤษฎีใหม่กับโลกแห่งพุทธิปัญญาที่ต้องเปลี่ยนไป” ลูเซียนพยายามปลอบใจลาซาร์

ลาซาร์ยิ้มกว้าง “ขอบใจ ลูเซียน ข้าคงคิดมากไปหน่อย นักเวทมากมายหยุดพัฒนาการ เพียงเพราะเหตุผลนี้ แต่พวกเขาก็ยังโชคดีกว่าคนที่ต้องมาตายจากการทดลองในห้องทดลอง”

ว่าแล้วลาซาร์ก็ทำท่ากระแอมและวางท่ากำลังสั่งสอนเหมือนผู้พิพากษาศักดิ์สิทธิ์ “พวกนักเวทที่บังอาจรุกรานอาณาจักรของพระเจ้า เจ้าได้ละเมิดกฎ เจ้าจะต้องสาปสูญไป พวกเจ้าต้องตาย พวกเจ้าจะถูกสาป! นี่คือกรรมของพวกเจ้า!”

“ไม่! พระเจ้าแห่งสัจธรรมที่พูดถึงกลัวพวกเรา! ยิ่งเราเข้าใกล้ความจริงของโลกมากขึ้นเท่าไร สิ่งที่เรียกว่าพระเจ้าก็ยิ่งกลัวเรามากเท่านั้น! เราถูกสาปเพราะเราเดินมาถูกทาง สักวัน เราจะฉีกหน้ากากจอมปลอมพวกนี้!” ลูเซียนเองก็พูดติดตลก

นี่เป็นประโยคสนทนาในบทละครที่ได้รับความนิยมสูงสุดของนครอัลลินในช่วงนี้ บทละครโอเปร่าเรื่อง ‘ซีเรียด’ เป็นที่ชื่นชอบของเรานักเวททั้งหลาย และประโยคสนทนาประโยคนี้ก็พูดถึงได้ทั่ว ตัวเอกของเรื่อง ซีเรียด เป็นตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นมาซึ่งมีพรสวรรค์ด้านอาร์คานาและเวทมนตร์ที่โดดเด่น ซีเรียดสามารถพัฒนาเวทมนตร์ที่ทรงพลังขึ้นหลายบท แต่แล้วก็ถูกหักหลังจากคนรักแล้วถูกศาสนจักรประหารด้วยการเผาทั้งเป็น ประโยคสนทนาที่ลูเซียนและลาซาร์เพิ่งพูดซ้ำไปมาจากส่วนหนึ่งของฉากคณะไต่สวน

และผู้ประพันธ์บทละครเรื่องนี้ก็คือมหาจอมเวทโอลิเวอร์

เมื่อเห็นทั้งสองคนสมบทตัวละคร ร็อคก็พูดกับทั้งสอง “ถ้าเจ้าสองคนชอบดูละครมากนัก ก็ลองไปแสดงเองเลยดูสิ ลูเซียน เจ้ามีพรสวรรค์ด้านดนตรีอยู่แล้ว บางทีเจ้าน่าจะลองเปลี่ยนเป็นบทละครโอเปร่าดูนะ ข้าต้องไปปรับข้อมูลเหรียญตราอาร์คานาก่อนล่ะ ข้าอยากเลื่อนขั้นเป็นนักเวทระดับกลางใจแทบขาด!”

ร็อคพูดกะแนะกะแหนระหว่างเดินผ่านกลางลูเซียนกับลาซาร์ซึ่งตามมาด้วยนักเวทฝึกหัดอีกหลายคน แม้นักเวทฝึกหัดจะมองลูเซียนด้วยสายตาผิดหวัง แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น พวกเขากำลังจะกลายเป็นนักเวทจริงๆ แล้วตอนนี้!

ก่อนหน้านี้พวกเขามัวยุ่งอยู่กับการทดลองทั้งหลาย จนลูเซียนเตือนให้พวกเขามาที่นี่ ฝ่ายบริหารจัดการนักเวท และปรับปรุงเหรียญตราอาร์คานาให้เป็นปัจจุบัน

“บางที… ข้าคงเป็นนักเวทชั้นกลางแล้ว…?” ลาซาร์ตระหนักถึงเหตุผลที่พวกเขามาที่นี่และรีบเดินไปยังห้องทำงานของอีริค ในช่วงเดือนที่ผ่านมา เขายังคงได้รับค่าชื่อเสียงจากการอ้างอิงทางวิชาการอยู่บ้าง

ลูเซียนส่ายศีรษะเบาๆ และยิ้มออกมา แล้วเขาก็เดินเข้าไปในห้องทำงานของอีริค

วันนี้ สมาชิกสถาบันทุกคนมาที่นี่เพื่อปรับปรุงข้อมูลในเหรียญตาอาร์คานาให้เป็นปัจจุบัน

“เราต้องการค่าชื่อเสียงอีกเพียงห้าคะแนนเพื่อเลื่อนขั้นเป็นระดับสาม ลาซาร์ การค้นพบรังสีแคโทดทำให้เจ้าอิ่มหนำสำราญจริงๆ” อีริคพูดหยอกล้อกับลาซาร์ด้วยสำบัดสำนวน

หากเป็นเมื่อก่อน ลาซาร์คงยิ้มแก้มปริ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ลาซาร์กลับกัดริมฝีปากตัวเองและส่ายหน้า “ค่าชื่อเสียงอีกห้าคะแนน…”

เมื่อเห็นลูเซียนเดินเข้ามา อีริคก็ยืนขึ้นแล้วจับมือทักทาย “ขอแสดงความยินดีด้วย อีวานส์ ตอนที่เจ้าเริ่มก่อตั้งสถาบันอะตอม สมาชิกคณะกรรมการตรวจสอบหลายคนจะมองโลกในแง่ร้าย และไม่มีใครเชื่อว่าเราจะประสบความสำเร็จภายในสามปี อย่างไรก็ตาม เจ้าพิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขาคิดผิด โชคร้ายที่ข้าไม่ถนัดเวทมนตร์สายธาตุ ไม่อย่างนั้นข้าคงออกจากงานแล้วสมัครเข้าร่วมสถาบันของเจ้า”

“ขอบคุณมากสำหรับความไว้ใจและคำชมขอรับ ท่านอีริค อย่างน้อย เราก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเป้าหมายภายในสามปีต่อไป และเราจะได้ทุ่มเทสมาธิไปกับผลประโยชน์จากการวิจัย” ลูเซียนส่งเหรียญตราอาร์คานาให้กับอีริค “ท่านอีริค ช่วยปรับปรุงข้อมูลเหรียญตราของข้าด้วยขอรับ”

มีรอยยิ้มเล็กๆ บนใบหน้าที่ดูจริงจังอีริค “คะแนนอ้างอิงของวารสารฉบับตัดสินออกมาแล้ว ในบรรดาวารสาร อาร์คานากับเวทมนตร์เป็นวารสารที่ได้คะแนนสูงสุด 3.0 ใครก็ตามที่สามารถตีพิมพ์บทความในวารสารสองฉบับนี้ คงได้รางวัลตอบแทนดีมาก และแน่นอน เจ้าด้วยเช่นกัน เจ้าน่าจะขึ้นเป็นจอมเวทระดับหกภายในสองสามปี ระดับอาร์คานาของเจ้าจะสูงกว่าระดับเวทมนตร์อีกครั้ง”

ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น อีริคก็วางเหรียญตาอาร์คานาของลูเซียนลงในกล่องและสั่นระฆัง

“วันนี้น่าจะเป็นวันแรกที่ระบบคะแนนอ้างอิงมีผลบังคับใช้ วารสารฉบับอื่นมีขนาดเท่าไรบ้างขอรับ?” ลูเซียนถาม

อีริคหยิบเอกสารที่เพิ่งได้รับมาแล้วก็ตอบ “2.5 คะแนน สำหรับวารสารแม่เหล็กไฟฟ้า สนามแรง เวทธาตุ และวารสารของอีกสี่สำนักอื่นๆ 2.0 คะแนนสำหรับวารสารแสง-ความมืด ภาพมายา การแปลงกาย อัญเชิญ และศาสตร์ย่อยอื่นๆ อีกหกสาขา รวมถึงโกเลมและหิมะ 1.5 คะแนนสำหรับวารสารหัวเล็กๆ อีกเก้าฉบับ รวมถึงหนังสือพิมพ์เวทมนตร์ฝ่ายเหนือ วารสารเกาะสุริยคติ คลื่นเสียง และ 1.0 คะแนนสำหรับวรสารศาสตร์ย่อยอีกสี่สาขา มี พร และคำสาป และวารสารประมวลอีกห้าฉบับ ก็อย่าง อาร์คานาศึกษา”

เนื่องจากในปัจจุบันมีนักเวทจำนวนมาก คณะกรรมการตรวจอาร์คานาจึงได้อนุมัติการก่อตั้งวารสารศาสตร์ย่อยต่างๆ มากมาย

สำหรับมาตรฐานการประเมินคะแนน ในฐานะว่าที่คณะกรรมการ ลูเซียนรู้เรื่องนี้ดีกว่าอีริค เหตุผลที่มีการตั้งมาตรฐานขึ้นมาก็เพื่อเป็นแรงผลักดันให้เกิดการพัฒนาอาร์คานาและเวทมนตร์ศึกษา

ตอนนั้นเอง กล่องดังกล่าวก็เป็นแสงสว่างสีเงิน แต่ก็ผสมไปด้วยแสงสีขาวนวล

อีริคขมวดคิ้วเล็กน้อย ด้วยความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใน

มุมปากของลาซาร์กระตุก ทุกๆ ที่ที่ลูเซียนปรากฏตัว ต้องมีเหตุการณ์แปลกๆ เกิดขึ้นเสมอ…

รอบๆ เหรียญตราอาร์คานา มีอุปกรณ์อย่างอื่นวางอยู่ด้วย ทั้งเหรียญตราอีกเหรียญหนึ่งที่คว่ำหน้าอยู่ เอกสารสองชุด และวารสารหน้าปกสีดำหนึ่งฉบับ

“อาร์คานา?” อีริคหยิบขึ้นมาดู เขาไม่คิดว่าจะมีวารสารส่งตรงถึงเขาผ่านทางวงเวท

บนหน้าปกของวารสารอาร์คานาฉบับเดือนนี้เป็นประโยคที่พิมพ์ด้วยตัวหนังสือสีเงิน

“ประตูสู่โลกแห่งจุลภาคกำลังเปิดต้อนรับเรา – ลูเซียน อีวานส์”

อีริคหันกลับไปมองลูเซียนและรู้สึกประหลาดใจ วารสารอาร์คานามีการจารึกข้อความบนหน้าปกน้อยครั้งมาก จนถึงปัจจุบันมีเพียงสามสิบครั้ง แล้วทุกครั้งที่มีการจารึกข้อความเช่นนี้ หมายความว่ามีการค้นพบอะไรบางอย่างครั้งประวัติศาสตร์ที่สำคัญมาก ดังนั้น มหาจอมเวทและนักเวทชั้นตำนานถึงพัฒนาการการจารึกข้อความเพื่อแสดงถึงคุณค่า อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้ ข้อความจาลึกนี้เป็นข้อความจากลูเซียนหรือ?!

ลูเซียนคิดอยู่ในหัวว่าเขาอยากจะเพิ่มเข้าไปอีกสักประโยค

‘เหล่าจอมเวท หากต้องการขึ้นครองบัลลังก์อาร์คานา จงเข้าร่วมสำรวจโลกจุลภาคปริศนานี้’